วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แกว่งยังไม่หยุด

ฉันว่าหมู่นี้ฉันสับสน แกว่งไปแกว่งมาจนไม่รูู้ว่าควรจะไปทางไหน มันคล้ายจะมีนางฟ้ากับซาตานคอยมาเป่าหูสองข้างพร้อมๆ กัน...

ฉันรู้สึกว่าความนับถือตัวเองต่ำลงอีกแล้ว (Self-esteem) ความคิดแง่ลบเข้าครอบคลุมพื้นที่ในใจฉันจนเกือบมิด มีช่องให้แสงสว่างพาดผ่านเพียงชั่วคราว อาการนี้เกิดขึ้นเป็นอาทิตย์แล้ว จะมีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงมากไปกว่าฉัน...

ฉันทำอะไรที่โง่เหลือเกินในสายตาคนอื่น มีสายตาที่มองมาแบบพูดอยู่ในใจว่า คนอย่างฉันทำแบบนั้นได้ยังไง

ฉันนั่งร้องเพลง I don't know how to love him เนื่องจากโดนใจอย่างที่สุด คนไม่ค่อยจะเชื่อหรอกว่า ฉันจะ ณ จังงัง ทำอะไรไม่ถูกทั้งๆ ที่ตัดสินใจฉับๆ เรื่องการงาน

จนถึงวันนี้ ฉันก็ยังรู้สึกแกว่งไปมาอยู่เช่นเคย

ฉันพยายามจะไม่เปิดโอกาสให้สิ่งเร้าเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตฉัน แต่แล้วเมื่อฉันอยากจะปลดปล่อย เมื่อขอเวลาเป็นครั้งคราวให้สติหยุดควบคุมความรู้สึก แล้วความรู้สึกที่โดนเก็บกดก็ระเบิดออกมาแบบไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ฉันยังนึกภาพคนอื่นๆ ที่มีอาการคล้ายฉัน ทบทวนความรู้สึกของฉันต่อภาพคนเหล่านั้น ในที่สุด ฉันก็ทำอะไรไม่แตกต่างจากคนอื่่น ทั้งๆ ที่ปฏิเสธต่อต้านตลอดเวลา

ฉันพลั้งเผลอแต่ไม่ได้แปลว่าความผิดจะต้องเกิดขึ้นอีกซ้ำซากเหมือนๆ กับที่เรามักจะตอกย้ำตัวเองด้วยเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว

คนที่จมอยู่กับอดีตจะไม่มีวันได้เห็นความสุข พบอนาคตที่ดีกว่า

ฉันเชื่ออย่างนั้น...

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ความแปลกใหม่ในที่เดิมๆ

ฉันเริ่มสงสัยตัวเองว่าทำไมไม่เล่าเรื่องฝันถึงงูในบล้อก แต่กลับไปเล่าใน facebook...

หรือฉันจะหมดใจกับบล้อก ไปหากิ๊กใหม่อย่าง facebook ซะแล้ว!

อะไรที่อยู่ในใจก็เก็บเอาไว้ มันมีความสุขแค่นี้ก็ดีมากมาย...

บางครั้งฉันก็ไม่รู้สึกอยากจะถ่ายทอดมาเป็นเรื่องราว แค่สรุปสั้นๆ เหมือนที่เขียนใน facebook ว่ามีความสุขดี โลกนี้สดใส มันก็น่าจะเพียงพอแล้ว มิใช่หรือ...

ช่วงนี้มีอะไรหลายอย่างผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนใหม่ๆ งานใหม่ๆ ความคาดหวังที่สูงขึ้นเรื่อยๆ หรือแม้แต่คนเดิมๆ ที่เพิ่มความสนิทสนม บางคนชอบที่จะรู้จักคนใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ แต่ฉันกลับชอบอยู่กับคนกลุ่มเดิมๆ แต่มองเห็นมิติที่ลึกลงไปในช่วงเวลาที่ไม่หยุดเดิน แล้วนานๆ ที่ก็มีคนผ่านเข้ามาให้รู้จัก ฉันเห็นหลายๆ คนก็เริ่มหลงเสน่ห์ของความผูกพันแบบรากงอก พบเจออะไรที่เมื่อเราถูกใจก็จะไม่แวะเวียนไปที่ไหนๆ อีก

และนี่ก็อีกครั้งที่ฉันได้ยินพี่ๆ รุ่นใหญ่แนะให้ฉันไปมีสังคมอื่นๆ จะได้เจอคู่กับเขาซะบ้าง (ว่ากันตรงๆ อย่างนี้เลยอะนะ) เพราะสังคมที่ฉันเวียนวนมีแต่ผู้ใหญ่ที่มีเจ้าของแล้ว ไม่ว่าจะโดยพฤตินัยหรือนิตินัย อีกทีก็มีแต่เด็กๆ ที่ไม่ใช่สเปคของฉัน แต่ไอ้ครั้นจะดิ้นรนไปพบเจอใครๆ ในสังคมอื่น เพียงเพื่อจะได้พบผู้ชาย มันดูจะเป็นการตั้งใจเกินไปมั้ยนั่น ถ้าฉันอยู่ในที่ๆ ฉันมีความสุข พอใจแล้ว ฉันจะต้องไปไขว่คว้าหาอะไรทำไม ทุกวันนี้ เพื่อนฝูงพี่น้องที่เจอะเจอกันแทบทุกวัน ร้องเพลง คุยกัน ทำกิจกรรมซ้ำๆ ที่พวกไอเดียกระฉูดอย่างพวกเราน่าจะเบื่อ แต่เราก็ร้องเพลงเดิมๆ นั่งที่เดิม คุยกับคนเดิมๆ 

ฉันได้รู้จักคนเพิ่มขึ้นหลายคนในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาเหล่านั้นนำสีสัน เพิ่มมิติให้กับความเฮฮาของพวกเรา ในขณะเดียวกัน ฉันก็เริ่มสัญจร ได้ออกนอกพื้นที่ไปดูไปแลว่าข้างนอกเขาทำอะไรกันบ้าง ร้านอาหารอะไรอร่อย ผับที่เพิ่งปรับปรุงเปิดใหม่ เสียงดังน่ารำคาญขนาดไหน หรือแม้แต่สังสรรค์กับพวกติสๆ ที่ร้านหนังสือเปิดใหม่

หมู่นี้เจออะไรหลายอารมณ์ทีเดียว จนฉันเลือกไม่ถูกว่าจะพูดถึงเรื่องไหนดี!

โลกของคนหนังสือดูหวือหวาขึ้นเมื่อฉันเอาเรื่องบนเตียงใต้เตียงไปแฉ ก็แน่ล่ะ หัวข้อนี้ใครๆ ก็อยากพูดถึงแต่ไม่กล้า เจอคนบ้าบิ่นอย่างฉัน พาสาวๆ เข้าห้องน้ำไปพิสูจน์ทฤษฎีลามกกันใหญ่ 

ฉันได้พบพี่รุ่นใหญ่ที่ประสบการณ์ล้นแก้ว การได้รู้จักได้อยู่ใกล้พหูสูตรย่อมทำให้รอยหยักในสมองของฉันถูกสั่นคลอนได้บ้าง ฉันชอบคุยกับผู้ใหญ่ ฉันว่ามันสร้างสรรค์ดี แต่เมื่อวัยล่วงเลยผ่านมาเรื่อยๆ ก็รู้ว่า ยิ่งไร้สาระ ยิ่งใหญ่โต ไม่มีใครอยากอยู่กับคนเครียด ซีเรียสตลอดเวลา แล้วความสัมพันธ์กับคนก็เป็นเรื่องสำคัญกว่าวิชาความรู้ใดๆ 

เวลาสอนให้ฉันได้ข้อสรุปอย่างที่ว่า

ฉันพยายามมีสาระให้น้อยลง คนจะได้อยากอยู่ใกล้ แล้วเรื่องอะไรๆ มันก็จะดำเนินไปได้ด้วยดี

ฉันแปลกใจทีเดียวที่มีคนบอกว่า ฉันตลกดี ฉันไม่เคยคิดเลยว่าฉันเป็นคนสนุก ทำให้คนอารมณ์ดีที่อยู่ใกล้ มีแต่คนบอกฉันว่า ฉันเป็นพวกสร้างความสุขให้กับตัวเอง ( self-entertain) ไม่เคยคิดจะไปทำให้คนอื่นมีความสุขเล้ย เมื่อเปรียบเทียบกับน้องคนนึง ที่ร้องเพลงตามที่คนอื่นอยากฟัง จนในที่สุด ไม่ได้ร้องเพลงที่ตัวเองอยากร้องเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจยากมากสำหรับฉัน ตั้งแต่เริ่มต้น ฉันก็จะหัดร้องเพลงที่ตัวเองชอบ เพราะฉะนั้นมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะร้องเพลงที่คนอื่นอยากฟัง บางคนอาจจะคิดว่า เพลงที่ฉันชอบก็อาจจะเป็นเพลงที่คนอื่นอยากฟังด้วย... ไม่อะ เพราะรสนิยมฉันไม่คล้ายคนทั่วไป จนคนบอกให้ฉันร้องเพลงที่อยู่ในแนวสามัญ กว่าจะเข้าใจว่าเป็นเพลงตลาดก็กินเวลาหลายนาที

วันนี้ฉันร้องเพลงที่ไม่เคยร้อง ใจนักเลงของพงษ์พัฒน์ บัวลอยของคาราบาว รักปอนปอนของไมโคร เพลงผู้ชายทั้งนั้น ทั้งที่วันนี้ออกจะแต่งตัววาบหวิว ฉันมันก็ชอบทำอะไรสุดขั้วแบบนี้ละน้า

งงเหมือนกันว่าวันนี้ฉันเขียนเรื่องอะไรเนี่ย!