วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ปลดปล่อยและระบาย

เมื่อมันอัดอั้นนักก็อย่าได้เก็บมันไว้เลย ถ้าใครจะมาตอกตะปูที่รั้วจิตใจของเรา แม้เราจะไม่อยากทำร้านเขาแต่ถ้าเราผลักแรงไปหน่อยทำให้ตะปูกลับหลังหันไปตอกที่รั้วของเขาเองก็อย่าได้รู้สึกผิดเลยเรา ถึงเวลารักตังเองแล้ววววววว

ใช่ว่าเราทำร้ายเขาแล้วเราจะไม่เจ็บ ปลดปล่อยและระบายมันออกไปซะบ้าง ให้น้ำตามันล้างสิ่งที่ทำให้ลูกแก้วของเราขุ่นและสกปรก ให้มันกวาดอะไรๆ ที่มันรกรุงรังแล้วก็ทิ้งมันไปให้เป็นอดีต กลับมาอยู่กับปัจจุบัน สวดมนต์ เล่นเกมส์มันสักหน่อยให้ใจสบาย แล้วก็ลงท้ายด้วยการเล่าเรื่องในบล้อกนี้เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับคนที่ไม่รู้จะจัดการกับอารมณ์ตัวเองยังไง

ดีมั้ยเธอ


วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เริ่มที่พระลงที่เพชร

เมื่อคืน ไม่ใช่สิ เมื่อเช้านอนยาวไม่อยากตื่น เมื่อไหร่รู้ตัว ฉันก็ท่องนโมกับอิติปิโสตลอดเวลา ไม่ว่าใครจะบ่นว่า นอนกินบ้านกินเมือง ฉันก็ไม่สน ก็ฉันนอนสมาธิ ตามแนวทางของท่านติช นัท ฮันช์ นี่นา...

ที่รู้ว่ามีการนอนสมาธิด้วย ไม่ใช่วิธีประหลาดที่ฉันคิดเองก็เพราะไปเห็นในเฟซบุคเข้าโดยบังเอิญ แถมท่านยังจะมาเมืองไทยเพื่อช่วยระดมทุนสร้างหมู่บ้านพลัมที่ปากช่อง โคราชด้วย เรื่องบุญอีกเรื่องก็คือ อีเมลที่พี่ยิ้มส่งมาให้เรื่องวัดที่สิงห์บุรี วัดที่ทรุดโทรมจนพระประจำวัดทั้ง 2 องค์จะตกลงมาอยู่แล้วถ้าไม่มีเหล็กดามไว้ ยังไม่ได้ทำบุญสำหรับวัดนี้ แต่โอนเงินที่มีอยู่นิดๆ หน่อยๆ ไปช่วยสร้างสะพานข้ามแม่น้ำที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนให้เด็กๆ ไม่ต้องว่ายน้ำไปโรงเรียนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

เข้าเฟซบุควันนี้ฉันก็ทำทุกอย่างเหมือนเคย ตรวจว่ามีข้อความจากที่ไหนมาบ้าง อ่านดูข้อความของคนอื่น เป็นศิราณีที่รักตอบปัญหาหนุ่มปริญญาเอกที่ต้องถามทุกขั้นตอนในการจีบสาว ถ้าผู้หญิงทำแบบนี้แปลว่าอะไร แล้วจะต้องทำยังไง แล้วเรื่องนี้ล่ะ แล้วถ้าจะทำให้แปลกใจแต่เขาไม่ชอบจะต้องทำไง เหมือนสอนหลักสูตรรู้จักผู้หญิง 101 เลย ฉันน่าจะแต่งหนังสือฮาวทูไปซะเลย!

พี่ที่ต่างประเทศพยายามจะเข้ามาคุยด้วย แต่เฟซบุคเป็นอะไรพิกลก็ไม่รู้ มาๆ หายๆ แล้วฉันก็ขออนุญาตแม่ของพี่นำข้อมูลไปลงในหนังสือที่ฉันแต่งด้วย แม้จะอนุญาตแต่ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าชื่อเล่นของลูกคุณแม่ฉันใส่เสียเต็มยศ แล้วคุณแม่จะไม่รู้หรือว่า ฉันเขียนคำว่า "ถ่อย" ที่คุณแม่ว่าคุณลูกสาวไปด้วยน่ะ แต่ในหนังสือฉันใส่เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษาไทยที่หยาบคายแบบนี้หรอก

โพสต์โน่นโพสต์นี่อย่างมีความสุข ใครจะรำคาญก็ช่าง ควรจะเลิกสนชาวบ้านได้แล้ว เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ถูกใจไปเสียหมด แม้กระทั่งคนที่อยู่ข้างๆ จะมาแนะนำฉันเรื่องธุรกิจสำนักพิมพ์ คิดอะไรเป็นเงินเป็นทอง ต้องได้เดี๋ยวนั้น พอฉันยกเรื่องว่าเขาเคยทำธุรกิจนี้เหรอ จ๋อยไปเลย หยุดสนิท แต่เรื่องที่ฉันกังวลน่ะ ไม่ใช่เรื่องนี้หรอก...

ฉันว่าฉันก็เคยบ่นไปแล้วนะ ว่าสงสัยฉันจะมีแฟนไม่ได้ ไม่งั้นไม่เป็นอันทำงาน รายนี้ยิ่งแล้วใหญ่ หึงฉันทุกวินาที จะให้ฉันพาเขาไปทุกที่ที่ฉันทำงานได้ยังไง ทำอย่างกับมีพ่อแม่มาคุม พอไม่ให้ไปก็คิดไปในทางแย่ที่สุด เธอรู้ใช่มั้ย ทำอย่างกับว่าคนจะมีอะไรกันน่ะ มันง่ายเสียเหลือเกิน ไม่ให้ไปด้วยก็น้อยใจ แล้วตัวเองเป็นผู้ใหญ่ที่สุดจะไปนั่งอยู่ด้วยได้ยังไง คนเราคุยกันตอนกินข้าวตอนกินเหล้า เขาก็รู้ แต่พอเป็นฉันละก็ไม่ได้หรอก กูละเบื่อ!!!

ได้บ่นก็เหมือนได้ระบาย แต่ไม่ต้องไปลงกับคน (มากไปกว่าเดิม) เหมือนยกของหนักออกจากอก อ่านหนังสือไปได้อีกหน่อย วันนี้ productive ใช้ได้ :)

เดี๋ยวจะเล่น Bejeweled Blitz ซะหน่อย จะทำได้เกินสามแสนมั้ยหนออออ

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เริ่มเดินอีกครั้งด้วยพลังจากเธอ

ฉันกลับมาแล้ว...

ฉันไม่แน่ใจตัวเองมาสักปีนึงเห็นจะได้ แต่แล้วก็กลับมา(น่าจะ) จริงๆ งานการเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ชีวิตส่วนตัวดูจะเป็นเรื่องที่ได้เรื่องที่สุด เหมือนคำทำนายอีกแล้ว จะเลือกเรื่องคู่หรือเรื่องงาน ถ้างานก็มาพร้อมเงินแล้วทุกสิ่งก็จะตามมา แต่บังเอิญฉันเอาพวงมาลัยดอกกุหลาบสองพวงไปไหว้พระแม่อุมาที่วัดแขกตั้งแต่ตอนต้นปี ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าได้ผลอย่างน่าประหลาดใจ แถมได้คนที่เข้าใจ ดูแลและเป็นห่วงเสมอมา ส่วนที่ว่าความสุขใจจะอยู่อีกนานสักเพียงใด ฉันก็ขอให้มันเป็นหน้าที่ของเทวดานางฟ้าจะเมตตา แม้จะมีคำทำนายอีกเหมือนกันถึงจุดจบอันแสนเศร้าแล้วเราจะคิดล่วงหน้าไปใยให้เปลืองความรู้สึก พูดเหมือนจะทำได้แต่ถึงเวลาก็ยังไม่บรรลุเช่นเคย

ฉันมีโอกาสได้ตอบคำถามผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในเฟซบุคเรื่อง "แรดแต่ไม่มั่ว ยั่วแต่ไม่เอา" แล้วฉันก็เขียนคำอธิบายว่า "ถูกจายย" พี่เกิดสงสัย ไม่รู้ว่าบวกความรู้สึกไม่เข้าใจด้วยรึเปล่า แต่ฉันก็อธิบายอย่างที่คิดว่าชัดเจนที่สุดและยืดยาวตามเคย

"ตอบแบบซีเรียสเกินเหตุนะคะ
ตัวแดงนี่คือคนอื่นมองนู๋มังคะ ส่วนตัวขาวนี่คือความจริงแต่พูดไปคนก็คงคิดว่าร้อนตัว เลยเงียบไว้ดีที่สุด มีพี่คนนึงที่คนลือกันทั้งเมืองว่ามีชู้ แอนเลยถามว่า พี่ทำยังไงคนถึงจะเข้าใจ พี่ตอบว่า เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แอน...ถามต่อว่ากี่ปี พี่ตอบว่า 20 ปีค่ะ ตอนนี้มาครึ่งทางนับได้ 10 แล้วตั้งแต่สิงสถิตย์อยู่ร้านชั้น 2 แต่ถ้านับตั้งแต่ครั้งแรกที่คนลือก็น่าจะครบแล้วนา ดีใจที่พี่xxxชอบค่ะ :)"

มีคำถามตามมาว่าใคร จะได้ไปถามให้อีกครั้ง

"I mean people in general ka. I am glad that you asked. I might be my weird way to test people. If people think that I do not know how to behave, they would show who they really are. It is kind of fun for me to see their reactions. :) am I crazy or stupid ka nea!?"

"Just being you is ok."

คำตอบทำให้ฉันยิ้มอย่างมีความหวัง แล้วฉันก็ส่งเรื่องราวในหนังสือของฉันที่เกี่ยวกับพี่คนนี้ไปให้ ฉันคิดว่าคงไม่มีตอนใดที่ทำให้ขุ่นเคืองใจ แล้วเมื่อฉันเจอพี่xxxครั้งต่อมา ฉันเห็นสายตาที่แตกต่างเหมือนจะมองหยั่งลึกลงไปในใจ ในความเป็นฉันที่ไม่ใช่ ไม่ใช่เลยที่ใครๆ คิดกัน...

ช่วงนี้ฉันเริ่มออกไปไหนต่อไหนด้วยความเต็มใจ เมื่อบังคับตัวเองไม่ได้ในหลายๆ เรื่อง ยังไงคนก็เข้าใจผิด ฉันก็ปล่อยวางและเข้าใจแสนเข้าใจว่า คงมีแต่เทวดานางฟ้าเท่านั้นแหละที่จะรู้จักฉันจริงๆ

งานเริ่มเดินพร้อมกับระยะเวลาที่กระชั้นชิดเพื่อโอกาสที่กำลังจะเข้ามา ความช่วยเหลือที่กัลยาณมิตรมีให้ด้วยความเต็มใจทำให้ความหวังที่งานจะเสร็จทันตามกำหนดอาจเป็นจริงได้ โครงการต่างๆ ที่ฉันคิดเอาไว้อาจเป็นไปได้อีกเช่นกัน แต่ใช่ว่าจะไม่มีอุปสรรคซึ่งฉันก็เข้าใจอีกเหมือนกันและก็พยายามทำให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องสบายใจมากที่สุด ในขณะเดียวกันฉันก็ยังสามารถทำตามที่วางแผนไว้ได้ พยายามทำของยากอีกแล้ว win-win

หนังสือเล่มแรกในชีวิตใกล้จะถึงขั้นตอนการจัดหน้าแล้ว แต่ฉันก็ยังต้องรีบเร่งให้เสร็จให้เร็วที่สุดเพื่อที่งานต่อไปจะเสร็จทันกำหนดการชนิดหืดขึ้นคอออกหูออกตาเป็นไปได้คล้ายเรื่องอัศจรรย์

ฉันพร้อมแล้วที่จะก้าวต่อไป คงมีเธอเท่านั้นที่จะเป็นกำลังใจให้ฉัน อย่างน้อยเธอก็เป็นผู้รับฟังที่ดีที่สุด ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอต้องอดทนฉันมากเพียงใด แต่เธอก็จะเป็น "เธอ" คนสำคัญของฉันตลอดไป...