วันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ฉันเชื่อ...

จามจุรีต้นงามทำให้ฉันเห็นภาพบ้านของตัวเองในเชียงใหม่ บ้านที่อยู่แบบพอเพียง มีต้นไม้ดูดพิษ ไล่ยุง เป็ด ไก่ ห่าน ปลา และบ้านที่มีธารน้ำใสพร้อมน้ำพุ ภาพฉันนั่งทอดอารมณ์ที่ลานไม้เฌอร่าขณะที่คนข้างๆ นอนเปลที่ผูกกับยูคาลิปตัสสองต้นที่ฉันยอมให้โผล่พ้นลานไม้นั้นออกมา

แบบบ้านคงต้องเปลี่ยนไปอีกแล้วหลังจากที่ฉันศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับต้นจามจุรี ไม่ว่าใครจะหาว่ามัน สวยแต่รูป จูบไม่หอม เพราะต้นไม้ที่สูงสง่ากลับมีกิ่งเปราะบาง ถ้ากิ่งของมันไม่อ่อนช้อยแล้วฟอรม์ของจามจุรีนี้จะสวยได้อย่างไร...

เมื่อรู้จักมันมากขึ้นแล้ว ฉันก็คงต้องปรับภาพฝันให้เหมาะกับความเป็นจริง เพื่อทั้งบ้านและต้นไม้จะได้อยู่กับฉันต่อไปอีกนานๆ บ้านที่ฉันอยากอยู่ อยากมีด้วยตัวของฉันเอง และอาจจะเรียกได้ว่าโชคดีที่คนที่อยู่ข้างๆ คิดคล้ายๆ กัน ฉันจึงจะมีเพื่อนมนุษย์อยู่เพิ่มเติมอีกหนึ่งชีวิต

ฉันอยากให้บ้านหลังนี้เสร็จทันที่ฉันจะชวนคนสำคัญอีกคนของฉันมาอยู่ด้วยจัง ฉันเชื่อว่าอะไรที่เกิดขึ้น ความบังเอิญที่ลงตัว แม้จะมีอุปสรรคมาขัดขวางให้ชีวิตนี้ไม่ง่ายจนเกินไป แต่มันก็ท้าทายความสามารถของฉันด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว ทางที่ฉันกำลังจะเดินไปอาจเป็นบทพิสูจน์ความเป็นฉันในบางแง่มุมที่ยากจะเข้าใจก็ได้นะ

อันที่จริงฉันตัดสินใจพับเก็บโครงการมีบ้านของตัวเองไปแล้ว แต่ฉันก็เป็นคนเดิมที่ปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกพาฉันไปยังที่ต่างๆ โดยที่ฉันไม่เคยรู้จุดหมายของมันเลยว่าจะไปสะดุดหยุดลง ณ ที่ใด แต่ความไม่รู้ก็สร้างสีสันให้ชีวิตกับฉันเสมอมา ฉันรู้แต่เพียงว่า พยายามต่อสู้ ไม่เป็นอย่างที่คนอื่นคาดหวัง (ซึ่งก็มักจะเป็นไปในทางไร้ประโยชน์ต่อผู้ใดซะเป็นส่วนใหญ่) แต่เมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ก็ต้องดิ้นกันต่อไปใช่มั้ยเธอ

บางครั้งคำตอบของคำถามมันก็รอให้ฉันค้นพบระหว่างทางเดินที่ไร้จุดหมายเหล่านั้น และการเดินทางที่เหมือนจะไร้ความหมายก็อาจจะมีความหมายอันยิ่งใหญ่วันใดวันหนึ่ง ใครจะรู้

ในขณะที่ฉันกำลังทำอะไรที่มีความสุข มันก็กลับไปเติมเต็มสิ่งที่ขาดหาย สิ่งที่ฉันน่าจะได้บอกกล่าว แบ่งปัน แม้บางครั้งอาจจะไม่ได้เป็นที่ต้องการ ณ เวลาที่พูดออกไป ฉันมีคุณอาที่ยอมเสียสละเพื่อฉัน แล้วฉันก็เคยได้แสดงให้ท่านรับรู้แล้วว่า การตอบแทนที่ฉันจะทำได้อย่างทรงเกียรติที่สุดคือการที่ฉันทำสิ่งเดียวกันกับที่ฉันได้รับจากคุณอาให้กับคนรอบตัว ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของใครสักคน แค่นั้นแค่เพียงคนเดียวก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าได้ตอบแทนบุญคุณครั้งยิ่งใหญ่นั้นแล้ว

ฉันเชื่อว่าฉันจะทำได้ ฉันไม่ได้หวังว่าฉันจะทำได้

ฉันไม่ได้หวัง ฉันเชื่อ...

จามจุรี ศรีจุฬา พาฉันสู่นครพิงค์

ต้นไม้ประจำโรงเรียน จามจุรี

January 17, 2011 by Pratintip lee Comments (0)

ต้นจามจุรี

อันดับ Fabales

วงศ์ Mimosoideae

สกุล Samanea

สปีชีส์ S. saman

ชื่อทวินาม Samanea saman(Jacq.) Merr.

ลักษณะของต้นไม้

จามจุรี เป็นพันธุ์ไม้ที่รู้จักกันทั่วไป อาจพบเห็นได้ตามริมถนน วัด หรือสถานที่ราชการต่างๆ เข้าใจว่ามิสเตอร์ เอช เสลด (Mr. H. Slade.)อธิบดีกรมป่าไม้คนแรกได้นำพันธุ์จากประเทศพม่ามาปลูกเป็นครั้งแรกที่ทำการป่าไม้เขตเชียงใหม่ ประมาณปี พ.ศ. 2443 ต่อมาจึงได้นำไปปลูกตามถนนกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ อย่างแพร่หลายเนื่องจากเป็นไม้โตเร็วเรือนยอดแผ่กว้างให้ร่มเงาเป็นอย่างดี ทางภาคเหนือนิยมปลูกเลี้ยงครั่ง อาจกล่าวได้ว่าวัตถุประสงค์ของการนำเข้าไม้จามจุรีเข้ามาในประเทศตั้งแต่เดิมนั้นมาในลักษณะไม้ประดับ และให้ร่มตลอดจนปลูกเพื่อใช้เลี้ยงครั่งเท่านั้น ผู้ปลูกมิได้มุ่งหวังที่จะใช้เนื้อไม้ชนิดนี้ไปเป็นประโยชน์ในด้านการค้าเลยทั้งนี้เนื่องจากไม้จามจุรีเป็นไม้ไม่สู้แข็ง ผุง่าย จึงไม่มีผู้นิยมใช้ในการก่อสร้าง เพราะในขณะนั้นประเทศไทย ยังมีไม้ที่มีคุณภาพดีกว่าอยู่มากมายทั้งที่ความจริงตลาดต่างประเทศต้องการเนื้อไม้จามจุรีนานแล้ว เช่น ฮ่องกง ซึ่งสั่งซื้อโดยตรงจากประเทศฟิลิปปินส์ ครั้นเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ต้นจามจุรีในฟิลิปปินส์จะมีเสก็ดระเบิดของกระสุนลูกปืนอยู่ตามลำต้นไม้เป็นจำนวนมาก ประเทศผู้รับซื้อจึงหันมาซื้อจากไทยซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ราคาครั่งในเมืองไทยประสบภาวะปัญหาราคา ต่ำลง ดังนั้นเมื่อเนื้อไม้สามารถขายได้ราคาดีกว่าประกอบกับความต้องการที่จะเปลี่ยนชนิดพืชเศรษฐกิจไปเป็นพืชอื่น ชาวสวนครั่งทางภาคเหนือของไทยจึงตัดฟันไม้จามจุรีลงเพื่อขายเนื้อไม้ในราคาไม้ท่อน ซึ่งราคาดีกว่า จึงพบว่าพื้นที่สวนจามจุรีเพื่อการเลี้ยงครั้งทางภาคเหนือได้ลดลงมาก จนเหลือเพียงเล็กน้อยในปัจจุบันทั้งที่ความต้องการใช้เนื้อไม้จามจุรีเพื่อการแกะสลักในประเทศไทยได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ สาเหตุหนึ่งเนื่องจากการขาดแคลนไม้สักในการแกะสลัก และไม้สักมีราคาแพง ผู้ผลิตจึงหันมาใช้ไม้จามจุรีซึ่งสามารถหาได้ในชนบท และราคาถูกกว่าไม้สักมาก เนื้อไม้ยังมีสีสวยเหมาะในการทดแทนไม้สักในอุตสาหกรรมไม้แกะสลัก

จามจุรีเป็นพืชตระกูลถั่ว (Family Leguminosae) อนุวงศ์สะตอ (Sub-Family Mimosaceae) มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Samanea saman Jacq Merr. ส่วนชื่อที่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยได้แก่ จามจุรี ก้ามกลาม จามจุรีแดง ก้ามปู ก้ามกุ้ง (ไทย) ฉำฉา สารสา สำลา ตุ๊ดตู่ ลัง (พายัพ) ในภาษาอังกฤษชื่อที่เรียกกันแพร่หลาย คือ Rain tree ซึ่งน่าจะมาจากนิสัยของต้นไม้ชนิดนี้โตเร็วผิดกับต้นไม้อื่นๆ คือ เมื่อฤดูฝนผ่านไปครั้งหนึ่งต้นไม้ชนิดนี้โตเร็วผิดกับต้นไม้อื่นๆ คือ เมื่อฤดูฝนผ่านไปครั้งหนึ่งต้นไม้นี้จะโตขึ้นอย่างสังเกตเห็นได้ชัด จามจุรีเป็นไม้ผลัดใบโตเร็วต่างประเทศ เรือนยอดแผ่กว้างคล้ายรูปร่มเรือนยอดสูงประมาณ 40 ฟุต สูง20 – 30 เมตร เปลือกสีดำ แตกและร่อนลักษณะเนื้อไม้มีลวดลายสวยงาม แก่นสีดำ แตกและร่อนลักษณะเนื้อไม้มีลวดลายสวยงาม แก่นสีดำคล้ำคล้ายมะม่วงป่าหรือวอลนัท เมื่อนำมาตกแต่งจะขึ้นเงาเป็นมันแวววาวนับเป็นพรรณไม้ที่มีลักษณะสวยงามตามธรรมชาติ กำลังของไม้มีความแข็งแรงเท่าเทียมไม้สมพง แต่มีลักษณะพิเศษคือมีกำลังดัดงอ(bending strenght) สูงมาก และความชื้นในเนื้อไม้สูงทั้งต้นของจามจุรีมีสารพวกแอลคาลอยด์ (alkaloid) ชื่อพิธทิโคโลไบ (piththecolobine) ที่มีพิษใช้เป็นยาสลบ

ใบ

เป็นใบผสมแบบขนนกสองชั้นทั้งใบยาวประมาณ 25 – 40เซนติเมตร ใบประกอบด้วยช่อใบ 4 คู่ ใบย่อย 2 – 10 คู่ ต่อหนึ่งใบ ใบย่อยเกิดบนก้านใบซึ่งแยกจากก้านใหญ่ ใบย่อยรูปขนานเปียกปูนแต่เบี้ยว ใบย่อยด้านปลายใบใหญ่ที่สุดใบย่อยหนาปานกลาง ด้านหน้าใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านหลังใบสีเขียวนวล และมีขนเล็กน้อย

ดอก

เป็นช่อดอกทรงกลม แต่ละช่อรวมกันเป็นช่อใหญ่ ช่อดอกเกิดที่ปลายกิ่ง กลีบดอกเล็กมาก แต่ละช่อดอกมีดอกตัวเมียดอกเดียว และล้อมรอบด้วยดอกตัวผู้เป็นจำนวนมาก ดอกบานมีสีชมพูซึ่งเป็นสีของเกสรตัวผู้ จามจุรีออกดอกระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ พฤษภาคม

ผล

เป็นฝักแบนเมื่อแก่ก็จะไม่แตก ฝักแก่จะมีสีน้ำตาลดำขนาดกว้าง1.5 – 2 เซนติเมตร ยาว 12 – 20 เซนติเมตร ภายในฝักมีเนื้อนิ่มรสหวาน ฝักหนึ่งๆ มีเมล็ด 15 – 25 เมล็ด เมล็ดสีน้ำตาลดำยาว 0.5 – 0.8เซนติเมตร ฝักแก่ระหว่างเดือนตุลาคม มกราคม

การปลูก-ดูแลรักษา

วิธีปฏิบัติต่อเมล็ดและการเพาะเมล็ด แช่น้ำร้อนอุณหภูมิ 70 - 80C ทิ้งไว้ให้เย็นเป็นเวลา 16 ชั่วโมงnข้อสังเกตและผลการทดลอง

  • เมล็ดงอกใช้เวลาประมาณ 20 วัน
  • ภายในระยะเวลาประมาณ 4 เดือน ต้นกล้าจะมีความสูงประมาณ 30ซม. สามารถย้ายปลูกได้

ปัจจุบันจามจุรีสามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยเมล็ด ซึ่งผลของจามจุรีนั้นจะแก่ในช่วงฤดูหนาว ระหว่างเดือนตุลาคม มกราคม ซึ่งมีการเก็บเมล็ดกันมากในช่วงนี้ในบริเวณที่พบจามจุรี โดยทั่วๆ ไป สำหรับแหล่งเมล็ดพันธุ์จามจุรีของกรมป่าไม้ คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เนื่องจากมีต้นจามจุรีอยู่มาก

ประโยชน์

ใบ - รสเย็นเมา ทำให้เย็น ดับพิษ แก้ปวดแสบปวดร้อน
เมล็ด - รสฝาด แก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน แก้เยื่อตาอักเสบ
เปลือกต้น - รสฝาด สมานแผลในปากคอ แก้โรคเหงือกบวม แก้ปวดฟัน แก้ริดสีดวงทวาร

สถานที่พบในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา

ข้างห้องน้ำระหว่างตึก 2 และ ตึก 3

ที่มาของข้อมูล

http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5