วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หลังวันวาเลนไทน์

อ่านบล้อกคุณมิวแล้วรู้สึกว่า ฉันควรจะเขียนอะไรสักกะหน่อย...

ฉันยังคงรอคอมเมนท์จากคุณณรงค์ จันทร์เรืองที่ตกปากรับคำจะอ่านนิยายเรื่องแรกในชีวิตของฉันอย่างใจจดใจจ่อ ครั้นจะโทรไปหาก็เกรงว่าจะเป็นการทวง ครั้นจะไม่โทรก็ไม่แน่ใจว่าจะเหมาะหรือไม่ ก็เล่นพิมพ์นิยายจากบล้อกไปให้ปึกเบ้อเริ่ม ไว้พรุ่งนี้วันดีค่อยโทรละกัน เนอะ

ฉันจำวาเลนไทน์์ปีที่แล้วได้ลางๆ มีคนเข้ามาในชีวิตเหมือนกัน แต่เผอิญไม่ได้เข้ามาในชีวิตฉันคนเดียว วันวาเลนไทน์เลยเป็นวันที่อ้างว่ากลับไปหาแม่ ไอ้ฉันก็ไม่รู้จะแกล้งไปถึงไหน หรือว่าคนอื่นจะคิดว่าฉันซื่อบื้อจริงๆ เอาเป็นว่าวาเลนไทน์ปีที่แล้ว ไม่มีอะไรน่าจดจำ

ปีนี้ล่ะ ฉันเริ่มต้นวันด้วยอารมณ์เสียอย่างเคย เพราะต้องตื่นไปโบสถ์ตามสัญญาที่ให้ไว้กับคนที่เข้ามาใหม่ในชีวิต อาการงัวเงียไม่อยากตื่นทำให้คนที่ชวนหงุดหงิดมิใช่น้อย สังเกตได้จากอากัปกิริยาที่ได้ยินเวลาฉันงัวเงีย แต่แล้วฉันก็ตื่น แต่งตัวไปวัดแบบเฉียดฉิว ได้นั่งในโบสถ์ก่อนพิธีจะเริ่มต้น

ฉันถึงกับเอาแผ่นพับที่แจกกลับมาด้วยนะ พิธีมิซซาวันวาเลนไทน์พิเศษกว่าวันอื่นๆ นิดหน่อย มีร้องเพลง ฟังบาทหลวงให้ข้อคิด ฉันว่าคล้ายๆ กับท่านว.วชิรเมธีโพสต์ในเฟซบุคที่ฉันแชร์ข้อมูลให้คนอื่นเป็นประจำนั่นแหละ ใจความสำคัญท่ีฉันได้ในครั้งนี้ คือ ให้ความรักกับศัตรู คนที่เราเกลียด และ/หรือ เกลียดเรา แล้วนั่นก็มาพ้องกับคำสอนของท่านว.วชิรเมธี เมื่อใดที่เราเอาชนะอัตตาของตัวเองแล้วมันก็ที่สุดแล้วล่ะ

ฉันดีใจที่คนสองคนใกล้ตัวฉันต่างคนต่างมีความสามารถและมีอัตตาสูง ในโอกาสวาเลนไทน์นี้ เขาหันหน้ากลับมาคุยกัน กอดกัน เคลียร์ปัญหาคาใจ ก็ดีไป อายุก็ขนาดนั้นแล้วได้โปรดอย่าให้เด็กอายุน้อยกว่าเป็นสิบยี่ิสิบปีอย่างฉันมาเป็นคนหย่าศึกเลย ได้โปรด!!

ออกจากโบสถ์ด้วยจิตใจผ่องแผ่ว แวะกินราดหน้าหมี่กรอบ หมูสะเต๊ะ แล้วซื้อของเข้าบ้านประจำวันอาทิตย์ ซื้อเยอะ ของหนักจนคนขนของบ่นปวดแขน กลับเข้าบ้านเอาอาหารเก็บเข้าตู้เย็น รอกินลาบคางปลาหมึกแสนอร่อยจากฝีมือคนที่รักฉัน :)

ฉันเอาผ้าเข้าเครื่องซักผ้าแล้วเลยทำโน่นทำนี่ จนขัดห้องน้ำ ทำเอาเล็บที่เพ้นท์สีแดงขาวอันแสนสวยหักไปนิ้วนึง หนนี้ขอเป็นแบบเนียนๆ ไม่ไปต่อเล็บละกัน หมดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ก็จะเปลี่ยนเป็นลายดอกชมนาดเพื่อประชาสัมพันธ์รางวัลชมนาดแล้วล่ะ

เย็นวานเตรียมไปหาเพื่อนๆ ที่ร้านประจำ น้องชายโทรเข้ามาบอกว่าแม่เข้าโรงพยาบาลด้วยเหตุจากนิ่วในกรวยไต พอนิ่วหลุดก็หายปวด แค่ไปนอนเล่นที่โรงพยาบาลคืนเดียว ฉันรีบเอาแผ่นพับแนะนำหนังสือกำมะหยี่เข้าโรงเรียนไปฝากกระจายกับสำนักพิมพ์รุ่นพี่ จากนั้นก็ไปกินอาหารญี่ปุ่นและสั่งกลับสามชุดใหญ่ สำหรัับคนไข้ ฉันเลือกปลาหิมะย่างซีอิ้วกับไข่ตุ๋น สำหรับคนที่คนไข้ดูแลมาตลอดชีวิต สั่งอาหารหนักท้องอย่างข้าวหมูทอด ข้าวหน้าสเต็ก และสำหรับครอบครัวน้องชายเป็นปลาตาเดียวทอดกับซูชิ คิดซะว่าเป็นของขวัญให้คนในครอบครัวรับตรุษจีนและวาเลนไทน์ บ้านฉันน่ะ เรื่องกินเรื่องใหญ่จ้า

ค่ำคืนวาเลนไทน์ เจอะเจอเพื่อนๆ พี่น้อง ใส่ชุดสีชมพูรับซองอั่งเปาจากพี่ใหญ่ของร้าน พี่ที่น่ารักเสมอมา ใกล้เที่ยงคืนแวะไปดูคอนเสิร์ตพี่ตุ๊ก วิยะดาและพี่กบ ทรงสิทธิ์ แล้วก็กลับไปรวมกลุ่มกับก๊วนเดิมที่ร้านประจำ ไม่ได้ร้องเพลงสักเท่าไหร่ ในใจคิดอะไรๆ หลายเรื่อง นานๆ ฉันจะใช้เวลาเป็นวันๆ คิดเรื่องอะไรสักที...

ได้คำตอบ ได้ทางออก ได้ดอกกุหลาบแดงก้านยาวหนึ่งดอกจากบิ๊กซี รามคำแหง

ยังไม่รู้เหมือนกันว่ามันแตกต่างจากดอกไม้ที่จัดช่อสวยงามจากร้านชื่อดังมากมั้ย รู้แต่ว่าคนซื้อให้ ตั้งใจให้จริงๆ แถมบอกว่าให้ห้อยหัวลงเพื่อเก็บมันไว้แทนที่จะปล่อยให้โรยราแล้วทิ้งลงถัง

ดูสิว่าพระเยซูพาเขามา พระแม่อุมานำทางฉันไป เราเจอกันในที่ๆ ไม่ควรจะเจอและไม่คาดคิดมาก่อน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ดูเหมือนเรารู้จักกันมานาน เข้ากันได้ดี ฉันรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องคอยเก๊กสวย แถมเวลาฉันวีนเขาก็เข้าใจด้วยความอดทน

วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ฉันยังไม่รู้ รู้แต่ว่าชีวิตฉันในวันที่ไม่ได้อยู่คนเดียวมันก็โอเคอะนะ อยู่ไปวันต่อวันละกันนะเธอ ชีวิตมันก็แค่นี้ อย่าไปตั้งกฏเกณฑ์อะไรให้มันมากมาย เหมือนเนื้อคู่ 11 ฉาก จากวันแรกสู่วันลา

ฉันน่าจะรู้ว่าจะนำทางชีวิตตัวเองอย่างไร...หลังวันวาเลนไทน์