ลักษณะทั่วไป
ต้น พวงครามเป็นไม้เลื้อยที่มีเถาใหญ่แข็งแรง เนื้อแข็ง ลำต้นและกิ่งก้านก็ค่อนข้างแข็ง เถาอ่อนก็มี
ขนแต่เมื่อเถาแก่ขนก็จะหายไปเปลือกของต้นหรือเถาเป็นสีขาวหรือสีน้ำตาลอ่อนเถาพวงคราม
สามารถเลื้อยคลุมต้นไม้อื่นไปได้ไกลมากกว่า 20 ฟุต
ใบ พวงครามเป็นไม้ใบเดี่ยว ออกใบเป็นคู่ตรงข้ามกันตามข้อต้น ลักษณะใบเป็ฯรูปรี ใบมนกว้าง
ปลายใบแหลม โคนใบก็แหลมเช่นกัน ผิวใบสากระคายมือ ใบมีความยาวประมาณ 20 เซนติ
เมตร และกว้างประมาณ 10 เซนติเมตร
ดอก ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกสีม่วงคราม ลักษษระดอกเป็นกลีบมี 5 กลีบ คล้าย
รูปดาว 5 แฉก กลีบรูปขอบขนาน ด้านบนของกลีบจะมีขน โคนกลีบดอกเชื่อมต่อกันเป็นหลอด
ภายในดอกมีเกสรตัวอยู่ 4 อัน พวงครามมักจะออกดอกและบานพร้อมกันเต็มช่อ ดอกค่อนข้าง
ดก และจะบานทนนานได้หลายวันมาก
การปลูก
วิธีการปลูกพวงคราม มักจะนำกิ่งที่ได้จากการปักชำมาปลูกลงดิน ไม่นิยมปลูกลงกระถาง เนื่องจาก
พวงครามเป็นไม้ที่มีลำต้นค่อนข้างใหญ่ หรือมีเถาที่ค่อนข้างจะเลื้อยไปไดไกล และจะนิยมใช้กิ่งจาก
การปักชำมากกว่าการเพาะเมล็ด การตอน เพราะกิ่งที่ได้จากการปักชำจะได้ต้นเร็วกว่า และไม่ทำให้เสียเวลาด้วย
การขยายพันธุ์
พวงครามมีวิธีการขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด การตอน และการปักชำกิ่ง การปักชำกิ่งในขี้เถ้าแกลบ
จะได้ผลดีกว่าการปักชำกิ่งในกะบะทราย หรือการปักชำกิ่งในดิน
การดูแลรักษา
แสง พวงครามเป็นไม้ที่ชอบอยู่ในที่กลางแจ้ง ที่มีแสงแดดส่องถึงตลอดวัน
น้ำ มีความการน้ำปานกลาง แต่จะไม่ชอบให้น้ำขังแฉะ
ดิน พวงครามจะเจริญงอกงามได้ดี ในสภาพดินที่มีความชุ่มชื้น และดินที่มีความร่วนซุยสามารถเก็บความชื้นได้ดี
ปุ๋ย ถ้าหากใช้ปุ๋ยหมัก และปุ๋ยไนโตรเจน ก็จะทำให้พวงครามเจริญเติบโต และงอกงามดีกว่าการใช้ปู๋ยสูตรอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยแนะนำว่า ควรตัดใบที่อยู่เหนือน้ำทิ้งทุกๆ 45 วัน เพื่อให้พืชแตกกอมากขึ้น และไม่ให้มีใบแก่ หลุดร่วงลงไปเพิ่มปริมาณของเสียในบ่อบำบัด
สวนไม้น้ำ |
สุญาณี สุทธิพงศ์
นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ
เจริญชัย จิรชัยรัตนสิน
วิศวกรปฏิบัติการ
น่าสนใจไม่น้อยกับสภาพบรรยากาศภายบริเวณในบ้านของคุณ กับสภาพสวนน้ำในกระถางเล็กๆ หรือพื้นที่กว้างสำหรับพรรณไม้น้ำนานาชนิดที่ได้บรรจงปลูกด้วยตนเอง เรามาดูกันว่า การเลี้ยงพรรณไม้น้ำให้สวยงามนั้น เขาเลี้ยงกันอย่างไร
|
สิ่งที่สำคัญที่ช่วยให้พรรณไม้น้ำสวยงามอยู่ได้ คือ
1. น้ำ ต้องเป็นน้ำสะอาด ไม่เป็นกรดด่างหรือเป็นน้ำบาดาลที่มีหินปูนมาก ส่วนระดับน้ำละลึกเท่าใดขึ้นอยู่กับพรรณไม้น้ำ
2. แสงแดด โดยทั่วไปพรรณไม้น้ำชอบแสงแดดครึ่งวัน (แต่บางพันธุ์ชอบแดดเต็มวัน) ถ้าปลูกในภาชนะควรได้รับแสงแดดรำไรตลอดวัน โดยเฉพาะฤดูร้อน อย่างให้น้ำแห้งเพราะน้ำจะร้อนขึ้นจนทำให้ใบไม้หยาบกร้านและเหี่ยวเฉา
3. ดิน และอินทรีย์วัตถุใต้น้ำ ควรใช้ดินเหนียวที่ใช้ปลูกบัว ไม่ควรใช้ดินถุงที่ใช้ปลูกไม้กระถาง เพราะมีซากใบไม้ที่ยังไม่ย่อยสลายที่อาจทำให้น้ำเน่าเสียได้
การปลูกไม้น้ำเป็นไม้ประดับตกแต่งสวน ยังมีหลายวิธีที่เลือกปฏิบัติได้ง่ายๆ ขึ้นอยู่กับพื้นมีการใช้สอยและประเภทพรรณไม้น้ำที่ต้องการใช้ อย่างเช่นการปลูกในบ่อน้ำ สระน้ำ เหมาะสำหรับบริเวณบ้านกว้างขวางที่สามารถขุดบ่อไว้มุมใดมุมหนึ่งของบ้าน ไม้น้ำที่นิยมปลูก อาทิ บัวสาย บัวฝรั่ง หรือถ้ามีพื้นที่กว้างก็ปลูกบัวกระด้ง ส่วนริมบ่อและสระน้ำอาจปลูกพวกคล้าน้ำ กกอียิปต์ โมกลาหรือพลับพลึง เป็นต้น ส่วนการปลูกในภาชนะเหมาะกับพื้นที่รอบบ้านน้อย ภาชะที่ให้เลือกมีหลายแบบ อาทิ ดินเผา อ่างเคลือบ พรรณไม้ที่ปลูกมีให้เลือกหลายชนิด สิ่งที่สำคัญคือบริเวณที่ปลูกต้องมีแสงส่องอย่างน้อยครึ่งวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเช้าหรือบ่าย การจัดทำสวนน้ำ ต้องมีบ่อน้ำหรือสระน้ำก่อน บ่อน้ำนั้นสามารถทำได้ง่ายเพียงแค่ขุดแต่งดินตามรูปที่ต้องการทั้งขนาดและความลึกไล่ระดับเป็นขั้นบันไดเป็นรูปทรงธรรมชาติ และบริเวณขอบบ่อก็ต้องพูนเป็นเนินให้สูงกว่าระดับดินเดิมอย่างน้อย 10 ซม. เพื่อป้องกันน้ำสกปรกไหลเข้าบ่อ ถ้าไม่ต้องการให้น้ำในบ่อซึมก็ควรปูบ่อด้วยพลาสติก และทับหน้าด้วยดินเหนียว หรือหากมีทุนทรัพย์มากก็ต้องการบ่อน้ำแบบถาวรก็อาจเป็นบ่อคอนกรีตเสริมเหล็ก
มาถึงการจัดสวนน้ำ อันดับแรกคือการเลือกพรรณไม้น้ำที่ต้องการจะปลูก ซึ่งพรรณไม้น้ำสามารถจำแนกตามแหล่งของการเจริญเติบโตได้เป็น 4 ประเภท คือ
1.พืชใต้น้ำ (Submerged plants) เป็นพืชที่มีการเจริญเติบโตอยู่ใต้น้ำตลอดชีวิต ไม่มีการโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำเลย ได้แก่ สาหร่ายหางกระรอก กระจับ สาหร่ายไฟ เป็นต้น
2.พืชโผล่เหนือน้ำ (Emerged plants) เป็นพืชน้ำที่มีรากและลำต้นอยู่ใต้น้ำ ใบและดอกเจริญอยู่เหนือผิวน้ำ ได้แก่ เทียนน้ำ บัวหลวง บัวสาย เป็นต้น
3.พืชลอยน้ำ (Floating plants) เป็นพืชน้ำที่เจริญลอยอยู่ที่ระดับน้ำ ราก ลำต้น ใบ ดอกเจริญอยู่ปริ่มน้ำ หรือเหนือน้ำ ได้แก่ ไข่น้ำ(ผำ) ตาลปัตรฤาษี ผักตบชวาเป็นต้น
4. พืชชายน้ำ (Marginal plants) เป็นพืชน้ำที่ขึ้นอยู่ชายน้ำริมตลิ่งหนองน้ำ สระน้ำ รากและลำต้นเจริญอยู่ใต้ดิน บางส่วนของต้นใบและดอกเจริญเหนือน้ำ ได้แก่ ผักตบไทย แพงพวยน้ำ โสน บอน ธูปฤาษี พุทธรักษา เป็นต้น
เมื่อได้พรรณไม้น้ำที่ต้องการ ก็นำลงไปปลูกลงในบ่อ ไม่ว่าจะเป็นพืชใต้น้ำ พืชโผล่เหนือน้ำ พืชลอยน้ำ หรือพืชชายน้ำ เลือกปลูกวางตามความเหมาะสม จะลงดินก็ได้หรือใส่กระถางก็ดี และถ้าจะให้ดีควรเลี้ยงปลาไว้ด้วยเพื่อป้องกันบ่อน้ำกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และการเลี้ยงปลาสวยงามช่วยทำให้น้ำไม่นิ่งมากเกินไป ซึ่งจะช่วยชะลอการเน่าเสียของน้ำในบ่อ นอกจากนี้ก็ยังเพิ่มความสวยงามและบันเทิงใจจากบรรดาปลาสวยสีสดใสที่เลี้ยงไว้ด้วย
สังกรณี
รายละเอียด
ไม้ประดับดอกสวยและเป็นยาสมุนไพร ดอกไม้ในวรรณคดี
ชื่อวิทยาศาสตร์ Barleria strigosa Willd.
วงค์ Acanthaceae
ชื่ออื่น ๆ กำแพงใหญ่ (เลย); ขี้ไฟนกคุ่ม (ปราจีนบุรี); เทิ่งดี (กาญจนบุรี); หญ้าหงอนไก่ หญ้าหัวนาค (เหนือ); กวางหีแฉะ (สุโขทัย)
เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ใช้ปลูกประดับสวน ออกดอกตลอดปี ชอบอยู่ที่ร่มรำไร หรือที่มีแดดจัดก็ได้
สรรพคุณ
ราก ปรุงเป็นยาถอนพิษไข้กาฬ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ลดความร้อนในร่างกาย
ทั้งต้น ต้มน้ำดื่มบำรุงกำลัง
ในประเทศอินเดียใช้รากปรุงเป็นยาแก้ไอ และในประเทศไทยใช้เป็นยารักษาโรคร้อนใน ดับพิษไข้ทั้งปวง ลดความร้อนในร่างกาย ใช้แก้กระหาย และกินเป็นยาถอนพิษไข้กาฬ
กับบทกลอนในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ ที่รุ่นเราเคยทองจนขึ้นใจ
รามเกียรติ์
๏ ซึ่งพระน้องต้องหอกอสุรินทร์
ยังไม่สิ้นชีวังสังขาร์
แม้นได้สังกรณีตรีชวา
กับปัญจมหานที
ประสมเป็นโอสถบดพอก
ให้แก้หอกโมกขศักดิ์ยักษี
พระลักษมณ์ก็จะคืนสมประดี
ภูมีจงดำริตริการ ฯ
รัชกาลที่ ๑
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เป็นเรื่องที่ทราบกันดีว่า เรื่องราวของรามเกียรติ์ที่ถูกสลัก
อยู่บนกำแพงวัดพระแก้วซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของไทย
รวมทั้งปรากฏอยู่ในตำราสมัยมัธยมของผู้อ่านหลายท่านในที่นี้
ถูกดัดแปลงมาจาก ‘รามายณะ’ มหากาพย์ที่เป็นวรรณคดีอันยิ่งใหญ่ของประเทศอินเดีย
(ดังนั้นก็อย่าได้ว่ากล่าวเด็กสมัยนี้เลย ว่าพากันไปคลั่งญี่ปุ่นเกาหลี
ในเมื่อแต่ก่อนแต่ไร คนไทยเราก็เคยคลั่งอินเดีย ขอม พม่า มาแต่โบราณนานนัก)
รามเกียรติ์ในบทที่ยกมาข้างต้น เป็นตอนที่พระลักษณ์ถูกหอกโมกขศักดิ์
ของกุมภกรรณแล้วล้มลงแต่ยังไม่ตาย พิเภกยักษาเข้ามาดูอาการแล้วแถลงไขแก่พระรามว่า
หอกนี้มียาแก้พิษคือต้นสังกรณีตรีชวา และน้ำจากปัญจมหานที
ให้รีบนำมารักษาก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น งานนี้ไม่พ้นหนุมานชาญสมร
ต้องไปห้ามล้อพระอาทิตย์แล้วโลดโผนโจนทะยานไปยังเขาสรรพยา
เพื่อจะไปเด็ดเอาสังกรณีตรีชวามาให้ทันการ ในวรรณคดีนั้น
สังกรณีและตรีชวามีฤทธิ์มาก หลอกล่อหนุมานเสียหัวหมุนดังคำบรรยาย
๏ ครั้นถึงสรรพยาสิงขร วานรลงเดินริมเนินผา
ร้องเรียกสังกรณีตรีชวา อยู่ไหนออกมาอย่าช้าที
ได้ยินขานข้างล่างลงไปค้น กลับขึ้นไปกู่อยู่บนคิรีศรี
จึงเอาหางกระหวัดรัดคิรี มือกระบี่คอยจับสรรพยา ฯ
นั่นคือพอหนุมานร้องเรียกหาพืชทั้งสองชนิดนี้ สังกรณีและตรีชวา
ก็พากันขานรับอยู่ด้านล่างเขา หนุมานรีบกระโจนลงไปตีนเขาร้องหาอีกครั้ง
สังกรณีและตรีชวาก็กลับไปขานรับอยู่บนยอดเขา
หนุมานโกรธก็หักกลางเขาแล้วแบกเหาะไปด้วยกันทั้งหมด
(มีอำเภอหนึ่งในจังหวัดชัยนาทชื่อว่าอำเภอสรรพยา มีสถานที่ท่องเที่ยวคือบึงสรรพยา
ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าเป็นนิทานให้หลานฟังว่า เดิมเขาสรรพยาก็อยู่บริเวณนี้
แต่ถูกหนุมานแบกไป และบึงที่หนุมานแวะดื่มน้ำก็กลายเป็นบึงสรรพยานี้เอง)
บัดนั้น พระยาพิเภกยักษี
เห็นพระองค์ทรงโศกโศกี อสุรีกราบลงกับบาทา
ทูลว่าพระลักษณ์สุริยวงศ์ ยังไม่ปลงชีวังสังขาร์
อันโมกขศักดิ์อสุรา พรหมาประสิทธิ์ประสาทไว้
ทรงอานุภาพฤทธิรุทร ต้องใครจะฉุดนั้นไม่ไหว
แต่มียาคู่หอกชัย ให้ไว้สำหรับแก้กัน
แม้นละไว้จนรุ่งราตรี ต้องแสงพระระวีจะอาสัญ
ขอให้ลูกพระพายเทวัญ ไปห้ามพระสุริยันในชั้นฟ้า
อย่าเพ่อรีบรถบทจร ข้ามยุคลธรภูผา
แล้วให้ไปเก็บตรีชวา ทั้งยาชื่อสังขรณี
ยังเขาสรรพยาบรรพต ปรากฏอยู่ยอดคีรีศรี
กับปัญจมหานที สรรพยาทั้งนี้มาให้ทัน
แม้นว่าได้บดชโลมลง องค์พระอนุชาไม่อาสัญ
จะดำรงคงชีพชีวัน หอกนั้นก็จะหลุดขึ้นมา
รูปและเรื่องจากอินเตอร์เน็ท
สวน “เพราะรัก” รับสั่งพันธุ์ไม้ทุกชนิด แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องต้นไม้และสมุนไพร ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไม้หายากได้ที่blog "thaiforestherb.blogspot.com"
มีเมล็ดพันธุ์และสมุนไพรแห้งจำหน่าย
จัดส่งทางไปรษณีย์ส่งถึงบ้านปลอดภัย มั่นใจบริการ
สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้า กรุณาโอนเงินมาที่เลขบัญชี 398-0-11797-9
ชื่อบัญชี นางศิริพร กลมกล่อม ธนาคาร กรุงไทย สาขาเดอะมอลล์
ส่งเงินแล้วแจ้งให้ทราบทางโทรศัพท์หรือทางอีเมล์หลังจากนั้นทางร้านจะดำเนินการส่งสินค้าให้ในวันถัดไปค่ะ
forest_mylife@hotmail.com
sendmenewlifeplease@hotmail.com
สนใจสอบถามได้ที่เบอร์ 085-6379081,082-8745233
มะนาว พันธุ์พิจิตร 1
เกิดจากการนำเอา มะนาวแป้นรำไพ กับ มะนาว นํ้าหอมอุดร ผสมเกสรกันแล้วได้ ลูกไม้ใหม่เป็น มะนาวพิจิตร 1 มีลักษณะพิเศษทนต่อ “โรคแคงเกอร์” สูง ตามที่กล่าวข้างต้น และที่สำคัญ มะนาวพิจิตร1 ยังเป็น สายพันธุ์ที่ ปลูกง่าย เติบโตเร็ว ติดผลดกไม่ขาดต้น ผลมีขนาดใหญ่ ให้นํ้าเยอะ นํ้ามีรสเปรี้ยวจัด มีกลิ่นหอมตามสายพันธุ์มะนาวนํ้าหอมอุดร จึงกำลังเป็นที่นิยมปลูกอย่างแพร่หลายอยู่ ในเวลานี้
มะนาวพิจิตร1 อยู่ในวงศ์ RUTACEAE เป็นไม้พุ่ม สูง 2-4 เมตร กิ่งอ่อนมีหนาม ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกชนิดมีใบย่อยใบเดียว ออกเรียงสลับ เป็นรูปรีหรือรูปไข่แกมขอบขนาน เนื้อใบมีจุดนํ้ามันกระจายทั่ว ก้านใบมีครีบเล็กๆสีเขียวเข้ม ใบเมื่อขยี้จะมีกลิ่นหอม
ดอกมะนาว พิจิตร1 ออกเป็นดอกเดี่ยวๆ หรือเป็นช่อตามซอกใบและปลายยอด กลีบดอกเป็นสีขาว มีกลิ่นหอมแบบสะอาด กลีบดอกจะร่วงง่าย “ผล” เป็นรูปทรงกลมกึ่งแป้น ก้นผลตัดเรียบ เนื้อใบฉํ่านํ้า เปลือกผลค่อนข้างบาง เมล็ดมีน้อย ให้นํ้าเยอะ รสเปรี้ยวจัด มีกลิ่นหอม ขนาดผลเฉลี่ยโตกว่าผลมะนาวสายพันธุ์ดังๆชัดเจน
ติดผล เป็นพวง 3-5 ผลต่อพวง ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง และเสียบยอด ปัจจุบัน มะนาวพิจิตร 1 หรือมีชื่อเรียกอีกคือ มะนาวแป้นพิจิตร 1
การติดผลของมะนาวพันธ์พิจิตร1 ไม่น้อยกว่าพันธ์อื่นแต่เด่นตรงที่ทนโรคได้ดีกว่ากัน
สุขภาพของชาวสวนและผู้บริโภคย่อมดีกว่ากันครับ.
การทำให้มะนาวนอกฤดูนั้น
นิยมปลูกในวงบ่อซีเมนต์ ขนาด 100 x 50 ซม.จำนวน 100 บ่อ จะใช้เนื้อที่ประมาณ 2-3 งาน (3เมตร/ต้น)
ใช้เงินลงทุนต่อบ่อประมาณ 300 บาท/ชุด เมื่อรวมค่าใช้จ่าย กิ่งพันธุ์มะนาว, ระบบน้ำ ฯลฯ รวมเป็นเงินในการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์จำนวน 100 วงบ่อ เป็นเงิน 45,000 บาทโดยประมาณ มะนาวที่ปลูกในหน้าฝนเมื่อมีอายุต้น 6-7 เดือน จะเจริญเติบโตเพียงพอที่จะเตรียมทำให้ออกออกฤดูในหน้าแล้งปีถัดไปได้
โดยใช้หลักการงดน้ำในช่วงฤดูฝน คือในหน้าฝนช่วงเดือนกันยาย ให้หาจังหวะที่ฝนทิ้งช่วง งดน้ำให้ได้ 7-10 วัน
หากงดน้ำได้ใกล้ครบกำหนดแล้วฝนตกให้หาพลาสติคมาคลุมปากบ่อเพื่อให้ครบตามจำนวนวันโดยสังเกตจากดินในบ่อที่แห้งและใบของมะนาวเริ่มสลด,เหี่ยวลงหลังจากนั้นจึงเริ่มให้น้ำอีกครั้งและกระตุ้นการออกดอกในเดือนตุลาคม จะได้ผลผลิตมะนาวแก่ในหน้งแล้ง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เรื่อยไปจนถึงเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่มะนาวราคาแพงที่สุด ดังนั้นการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์จะใช้เวลาเพียงปีเดียวเท่านั้น สามารถเก็บผลผลิตได้ในช่วงฤดูแล้งได้
โทร. 0865540117
สาริกาลิ้นทอง
รายละเอียด
ไม้มงคล ใบสั้นกลมเขียวเป็นมัน ใต้ใบเหลืองเข้มเหมือนสีทอง
ไม่มีดอก แต่มีลูกดก
เป็นพุ่มเตี้ย เลี้ยงง่ายมากเหมาะเป็นไม้กระถางทั้งภายนอกภายใน
นิยมปลูกตามร้านค้า บริษัท หน้าบ้านเชื่อกันว่าเป็นมหานิยม
สมกับชื่อสาริกาลิ้นทอง
ไม้เนื้ออ่อนนำไปแกะสลักเป็นรูปนกสาริกาไว้บูชาเชื่อกันว่าทำมาค้าขายขึ้น
ต้นพันธุ์ผักหวานป่า
รายละเอียด
ผักหวานป่า เป็นผักพื้นเมืองที่ให้ความสนใจในการพัฒนาให้เป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่เนื่องจากผักหวานป่าเป็นผักพื้นเมืองที่ประชาชนคนไทยรู้จักกันแพร่หลาย และนิยมบริโภคกันมานานแล้ว ราคาขายปลีกในตลาดกรุงเทพฯของผักหวานป่า ค่อนข้างสูง กิโลกรัมละไม่ตํ่ากว่า 200 บาท ซึ่งแพงกว่าผักทั่วไปๆมาก อย่างไรก็ตาม ผลผลิตที่นำมาขายส่วนใหญ่ได้มาจากการเก็บจากต้นที่ขึ้นอยู่กระจัดกระจายในป่าตามธรรมชาติ ซึ่งมีปริมาณลดลงทุกปีเนื่องจากมีการปลูกเป็นการค้าน้อยมาก จึงเห็นได้ชัดเจนว่า ผักหวานป่ามีความเหมาะสมที่ควรทำเป็นพืชเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี “ปลูกครั้งเดียวเก็บเกี่ยวได้ตลอดชีวิต”
ผักหวานป่า เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ต้นที่โตเต็มที่อาจสูงถึง 13 เมดร แค่ที่พบโดยทั่วไปมักมีลักษะเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก หรือเป็นไม้พุ่ม เนื่องจากมีการหักกิ่ง เด็ดยอด เพื่อกระตุ้นให้เกิดกิ่งและยอดอ่อนซึ่งเป็นส่วนที่ใช้บริโภค ใบของผักหวานป่าเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับกัน ใบอ่อนรูปร่างแคบรี ปลายใบแหลม สีเขียวอมเหลือง ใบแก่เต็มที่รูปร่างรีกว้าง ถึงรูปไข่หรือรูปไข่กลับ ใบสีเขียวเข้ม เนื้อใบกรอบ ขอบใบเรียบ ปลายใบมน ขนาดของใบประมาณ 2.5-5 ซม. x 6- 12 ซม. ก้านใบสั้น ช่อดอกแตกกิ่งก้านคล้ายช่อดอกมะม่วงหรือลำใย และเกิดตามกิ่งแก่ หรือตามลำต้นที่ใบร่วงแล้ว ดอกมีขนาดเล็กเป็นตุ่มสีเขียวอัดกันแน่นเป็นกระจุก ขณะที่ยังอ่อนอยู่ ผลเป็นผลเดี่ยว ติดกันเป็นพวง เหมือนช่อผลของมะไฟหรือลางสาด แต่ละผลมีขนาดประมาณ 1.5 x 2.5 ซม. ผลอ่อนสีเขียวมีนวลเคลือบ และเปลี่ยนเป็นสีเหลืองถึงหลืองอมส้ม เมื่อผลสุกแต่ละผลมีเมล็ดเดียว
การปลูกและบำรุงรักษา
ควรเริ่มเตรียมหลุมปลูกในช่วงหลังสงกรานต์ โดยขุดหลุมขนาด 50X50 ซม.รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักประมาณครึ่งปี๊บ คลุกเคล้าผสมกับหน้าดิน โดยลงหลุมทิ้งไว้ 2-3 อาทิตย์ในขณะเดียวกันก็เริ่มสร้าง ความแข็งแรงให้ต้นกล้าก่อนย้ายปลูกลงหลุม จริงด้วยการรดน้ำให้น้อยลง ให้ต้นกล้าได้รับ แสงแดดเพิ่มขี้นทีละน้อย และงดให้น้ำ 1 วัน ล่วงหน้าก่อนย้ายปลูก
ในการถอดถุงพลาสติกเพื่อนำกล้าลงปลูกในหลุม ต้องระวังอย่าให้กระเปาะดินแตกหักหรือรากขาด เพราะจะทำให้ต้นกล้าชะงักการเจริญเดิบโตเป็นเวลานาน การปลูกควรให้ต้นกล้าสูงกว่าปากหลุมประมาณ 5 ซม. แล้วพูนดินกลบโคนขึ้นโดยรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้มีน้ำขังในหลุมปลูกเมื่อมีการให้น้ำหรือฝนตก จากนั้นหว่านเมล็ดถั่วเขียวเป็นวงรอบหลุมให้ห่างจากต้นกล้าประมาณ 15-20 ซม. เพื่อให้ต้นถั่วเป็นพี่เลี้ยงในระยะแรก ก่อนสิ้นฤดูฝนประมาณเดือนกันยายน ให้หว่านถั่วมะแฮะ หรือพืชตระกูลถั่วที่มีลำต้นสูงและไม่ทิ้งใบช่วงฤดูแล้ง โดยหว่านเป็นวงรอบห่างจากต้นผักหวานป่า รัศมี 70-100 ซม. เพื่อให้เป็นไม้บังร่มในช่วงฤดูแล้ง ระยะปลูกผักหวานป่าควรใช้ระยะ 2 X 2 เมตร ใน1ไร่จะปลูกได้400ต้น โดยเลือกสภาพที่ดินที่ลาดเอียงเล็กน้อย หรืออาจปลูกแซมในส่วนที่ค่อนข้างแห้งแล้งได้ เช่นในสวนป่าสัก ผักหวานป่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี จึงเจริญเติบโตถึงระยะเริ่มเก็บผลผลิตได้ การใส่ปุ๋ยกระตุ้นการเจริญเติบโต ควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยที่หมักจนสลายตัวดีแล้ว หว่านกระจายโดยรอบโคนต้นในรัศมี 50 ซม. ต้นละ 1 ปี๊บในช่วงฤดูฝนปีละครั้ง ห้ามใช้จอบขุดพรวนรอบโคนต้น หากต้องการกำจัดวัชพืชให้ใช้ วิธีถอนหรือใช้มีดฟันให้ราบ เพื่อป้องกันรากผักหวานไม่ให้กระทบกระเทือน
สนใจต้นพันธ์ติดต่อ คุณ วัลลภ ต่ายทอง 081-9497838,080-8429796
ตะขบยักษ์ไร้หนาม
รายละเอียด
ตะขบยักษ์ไร้หนาม เป็นตะขบพันธุ์พิเศษ รสหวาน ผลใหญ่ โตเร็ว ปลูก 6-8 เดือนให้ผล ราคาจำหน่ายกิ่งละ 300 บาท พร้อมเอกสารแนะนำการปลูกและการดูแล
ติดต่อ 081-8904403 (วันธรรมดา ช่วงเที่ยงหรือหลัง 17.00 น. เสาร์-อาทิตย์ ตลอดทั้งวัน) หรือ e-mail: rniwat@yahoo.com หรือแวะชมสินค้าที่ร้านเดอะแคท@พันธุ์ไม้ ติดถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี(ขาเข้า) บางใหญ่ นนทบุรี ห่างจากห้างบิ๊กซีประมาณ 1 กม. วิ่งคู่ขนาน(ลอดสะพานต่างระดับรัตนาธิเบศร์-บางใหญ่) สังเกตป้ายร้านบางใหญ่เชียงกง ร้านอยู่ห่างจากร้านบางใหญ่ฯประมาณ 30 เมตร อยู่ร้านเดียวกับร้านสัปรดสี
ร้านเดอะแคท@พันธุ์ไม้ จำหน่ายพันธุ์ไม้ผล/เมล็ดพันธุ์/ผลไม้ จากพันธุ์ไม้คุณภาพ พันธุ์ไม้แปลกและหายาก จากชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร พิจิตร เพียงแห่งเดียวใน กทม. สามารถสั่งผ่านชมรมฯและรับของที่ร้านได้ แวะชมสินค้าอื่นๆของร้านได้ที่ www.nanagarden.com
การสั่งสินค้า
1.โอนเงิน แจ้งโอนเงินทาง e-mail หรือ SMS แจ้งชื่อ ที่อยู่เพื่อส่งสินค้าทางรถไฟหรือรถทัวร์(ค่าส่ง 200 บาทต่อ 4 ต้น)
-ชื่อบัญชี นิวัตร์ เรือนทองดี ประเภท ออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางซ่อน เลขที่บัญชี 039-2-24810-2
-ชื่อบัญชี นิวัตร์ เรือนทองดี ประเภท ออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาสาฑร เลขที่บัญชี 142-0-83196-6
2.โทรสั่ง 081-8904403 นัดมารับของที่ร้านเดอะแคท@พันธุ์ไม้
ต้นใหม่แต่วิธีที่นิยมและได้ผลดีคือการเพาะเมล็ดการปลูกชะอมมักปลูกในฤดูฝนเพราะไม่ต้องดูแลมากนักการ
เพาะเมล็ดทำได้โดยเอาเมล็ดใส่ถุงพลาสติกแล้วรดน้ำวันละ1ครั้งเมื่อเมล็ดงอกแล้วจึงย้าไปปลูกยังแปลว
ที่เตรียมไว้ควรปลูกห่างกันประมาณ5-5เมตรเนื้อที่1ไร่จะปลูกได้ประมาณ60ต้นปุ๋ยที่ใช้ดูแลรักษามักใชัปุ๋ย
สดหรือมูลสัตว์ถ้าต้องการให้ชะอมสมบูรณ์และแตกยอดเร็วต้องดูแลและควรรดน้ำให้สม่ำเสมอและเพียง
พอเมื่อเก็บยอดชะอมควรเหลือไว้ที่ยอด3-4ยอดเพื่อให้ชะอมได้ปรุงอาหารหายใจมิฉะนั้นชะอมจะตายชะอม
เป็นรายได้เสริมให้กับเกษตรกรได้ดีมีการบันทึกถึงรายได้จากการขายยอดชะอมของชาวบ้านที่จ.สุรินทร์
พบว่ามีรายได้2000-7000ต่อเดือนขึ้นกับฤดูกาลและขนาอของพื้นที่ที่ปลูกนอกจากนี้ยังเป็นไม้ที่ปลูกเพียงครั้งเดียและเจริญเติบ
โตให้ยอดอ่อนได้นานหลายปี
ต้นค่อนข้างตรง เปลือกเกลี้ยง เรือนยอดเป็นพุ่มรีหรือกว้างใบเป็นใบเดี่ยว รูปรีค่อนข้างยาว ขนาดยาว ๗-๙ซม. กว้าง ๒-๓ ซม. สีเขียวเข้ม เรียงตัวแบบเวียนไปตามกิ่งห่างๆ กัน
ดอกออกตามกิ่งเป็นช่อเล็กๆ ทยอยบานครั้งละ ๑-๒ ดอก แต่มักจะมีช่อหลายช่อเป็นกระจุกและเรียงเป็นระยะๆ ตามกิ่งดอกขนาด ๑.๒-๑.๕ ซม.
กลีบเลี้ยงมีขนสีน้ำตาลกลีบดอกเรียงเวียนซ้อนเกยกันเล็กน้อย ด้านในสีขาวนวลหรืออมชมพู ด้านนอกมีแถบแคบๆ มีขนละเอียดสีน้ำตาลอมแดง
กลิ่นหอมแรง ออกดอกในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน ปัจจุบันพบเห็นได้ค่อนข้างน้อย ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดปลูกเลี้ยงค่อนข้างยาก ถ้าแดดจัดหรือลมแรงใบจะไหม้ ปัจจุบันพบน้อยลงมาก
ประโยชน์ของชมนาดที่คนไทยคุ้นเคยกันดีก็คือในฐานะไม้ดอกไม้ประดับ เพราะให้เถาที่ร่มรื่น ใช้ปลูกคลุมทำซุ้มที่นั่งให้ร่มเงาและความสวยงามจากใบสีเขียวขนาดใหญ่ และเถาที่แข็งแรงยืนต้นอยู่ได้หลายปี และเมื่อออกดอกก็ให้ช่อดอกดกขนาดใหญ่บานทนอยู่ได้เป็นสัปดาห์ และให้กลิ่นหอมแรง ชมนาดจึงเป็นไม้ดอกที่ได้รับความนิยมมากชนิดหนึ่ง
การปลูกชมนาดก็ง่าย เพราะแข็งแรงทนทาน ชอบแดดจัด ทนสภาพแห้งแล้งได้ดี ปลูกในดินได้แทบ ทุกชนิด (หากไม่มีน้ำท่วมขัง) อายุยืน นานนับสิบๆ ปี ตัดแต่งได้ง่าย กลิ่นหอมคล้ายข้าวหอม หรือเตยหอมของชมนาดที่มีกลิ่นแรง น่าจะนำไปกลั่นเป็นน้ำหอม แล้วใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ทั้งอุตสาหกรรม เครื่องสำอางและอาหาร ตัวอย่างเช่น ทำให้ข้าวสุกที่ไม่มีกลิ่นหอมกลายเป็นข้าวหอม เป็นต้น
อากาศยึดเกาะกับกำแพงได้แน่นสะใจเหมือนเท้า
ของตุ๊กแกดีๆ นี่เอง พันไม้ชนิดนี้ชอบแสงแดดจัด
น้ำมาก แต่ในระยะแรกที่เริ่มปลูกควรพลางแสง
และทำแนวเลื้อย เ่ช่น ผูกเอ็นหรือลวดเป็นแนว
ตาข่ายถี่ๆ แนบกับกำแพง เพื่อชี้นำให้เลื้อยไป
ตามจุดที่ต้องการก่อน เมื่อขึ้นเต็มกำแพง
และควรหมั่นตัดกิ่งก้านที่ชี้ออกจากกำแพงออกเสีย
กำแพงที่จะให้ตีนตุ๊กแกเลื้อย ถ้าฉาบปูนไว้หยาบๆ
ไว้ก่อนก็ดี เพราะรากของเขาจะยึดกับปูนหยาบๆ
ได้ดีเชีัยวล่ะการเลี้ยงดู : แสงแดดจัด รดน้ำชุ่ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น