วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

แล้วมันลงเอยที่ "จำเลยกามเทพ" ได้ไงเนี่ย


ฉันปวดท้อง เห็นใจนาย ใครๆ เป็นห่วง...

ฉันน่ะเป็นคนจำพวกไวต่อสารเคมีในร่างกาย บางครั้งไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่แล้วก็พบว่ามันเป็นเรื่องของระดับสารเคมีที่เปลี่ยนแปลงเนื่องด้วยสารพัดเหตุ หลายครั้งที่ใครๆ บอกว่าไม่รู้จักประมาณตน ทำอะไรเกินกำลัง พอรู้ตัวก็แย่พอควร ฉันเลยต้องสังเกตุตัวเองให้มากขึ้น ฝืนอะไรให้น้อยลง ในขณะเดียวกัน ฉันก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าขี้เกียจไปมั้ยนั่น แต่ก็หัดเอามือไขว้หลัง ทำไม่รู้ไม่เห็น หลับหูหลับตา หากต้องการให้ใครทำอะไรให้ได้ตามมาตรฐานของเราก็คงจะทุกข์เปล่าๆ ยิ่งได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังถึงปัญหาการทำงานที่ทุกคนเครียดกันหมดเพราะตั้งเป้าไว้สูงมาก ่ครั้งจะทำงานน้อยลงก็รู้สึกอาย เพราะน้องที่เป็นเนืื้องอกทำงานถึงตีสองทุกวันมาตั้งแต่ต้นปี 

ฉันได้ฟังแล้วก็ เฮ้อ! นี้มันหนูถีบจักรดีๆ นี่เอง มีนายเก่าอีกคนที่คุยกับฉันหลังจากที่ฉันเคยบอกลูกน้องคนหนึ่งว่า ทำงานให้น้อยลงอีกหน่อยก็ได้ ดูแลสุขภาพให้ดีๆ เพราะน้องคนนี้ก็เริ่มป่วยอีกเหมือนกัน นายเล่าให้ฟังว่า เขาก็เคยทำงานหนักแบบนั้นเหมือนกัน แล้วก็พบว่า ถ้าเราทำงานน้อยลงอีกหน่อยก็ไม่ได้ทำให้โลกนี้แตกสลายอย่างใด พวกเรากันเองที่จริงจังกับชีวิต ทั้งๆ ที่ชีวิตมันก็แค่นี้ จะเอาอะไรกันนักกันหนา 

ไม่ใช่ว่าฉันจะคิดอะไรได้ก่อนคนอื่นหรอก เพียงแค่นายเก่าอีกคนเห็นฉันจริงจังกับงานที่ได้รับมอบหมายมาก เลยบอกให้ฉันลืมเช็คเมล์บ้างก็ได้ การที่เราจริงจังแม้จะไม่ได้ตั้งใจจะคาดหวังให้คนอื่นทำเหมือนเรา แต่คนรอบตัวก็รู้สึกได้ถึงความเครียด บรรยากาศการทำงานที่เร่งเร้าโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว

พูดถึงนายหลายคน เอานายคนดีที่ฉันพยายามเข้าใจดีกว่า เราต่างมีความตั้งใจ จริงจังในการทำงานไม่ต่างกันนักหรอก(นายฉันว่างั้น) เขาปลุกปล้ำงานที่ทำมาร่วมสิบปี ความรู้สึกของการเป็นเจ้าของย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แล้วเมื่อการเมืองทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน เราก็คงต้องจัดการกับปัญหาไปทีละเปลาะ ใจนึงฉันก็ว่าดี มีคนดูแลให้เสร็จสรรพ แต่อีกแง่มุมหนึ่งก็เห็นได้ว่า เป็นเรื่องปกติของคนไทยที่กลัวว่าจะมีคนแย่งงานไป จึงต้องกั๊กไว้ ประมาณว่าต้องให้ฉันทำเท่านั้น ไม่งั้้นก็จบ ไม่มีใครทำแทนได้ 

เรื่องแบบนี้ฉันเห็นมาเยอะ ในโลกธุรกิจที่ต้องแข่งขััน แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เป็นโลกที่นายเก่าคนหนึ่งของฉันเป็นห่วง เป็นห่วงว่าฉันคง "โดน" ไม่ใช่น้อย ประมาณว่า "ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย" แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ฉันก็รู้ว่าฉัน "แตกต่าง" 

การเมืองที่กลุ่มคนหนึ่งค่อยๆ ยึดอำนาจ ริดรอนสิทธิที่เคยมีอย่างเต็มเปี่ยมไป ทั้งข้างเดียวกันและฝั่งตรงข้าม ทำให้เหมือนตัวคนเดียวแต่ต้องสู้กับศัตรูรอบด้าน ในเมื่อฉันร่วมหัวจมท้ายกับนายแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด ไปไหนไปกัน 

ในเวลาเดียวกันที่ฉันเป็นห่วงนาย ใครๆ ก็เป็นห่วงฉัน...

วันนี้ฉันไม่รับโทรศัพท์ใด และเคยพบว่า การลืมโทรศัพท์ไว้ในรถเป็นความสุขอย่างหนึ่ง อย่างไรเสียก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ พอโทรกลับก็คล้ายจะร้อนตัวว่าทำหน้าที่ของตนไม่ดีพอ บางคนฝาก SMS ด้วยความเป็นห่วง ถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ติดต่อกลับมาด้วย บางครั้งเราก็รู้สึกดีที่ทำให้บางคนเป็นกังวล

วันนี้แล้วสิ ที่จะได้ดู "จำเลยกามเทพ" ละครกุ๊กกิ๊ก น้ำเน่าเหลือแสนที่จะทำให้คนดูรู้สึกผ่อนคลาย เข้าไปอยู่ในโลกจินตนาการ ฉันเพิ่งเห็นประโยชน์ของละครน้ำเน่าเมื่อพูดกับเพื่อนที่ทุกข์จากสารพัดเรื่องเมื่อวานนี่เอง

อย่าจริงจัง(มาก)  หาความสุขใส่ใจกันดีกว่า


ไม่มีความคิดเห็น: