วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

เจ้าชายเสื้อส้ม

เมื่อวานกับวันนี้ ฉันได้เอ้อระเหยลอยชาย กินอาหารญี่ปุ่น ช้อปปิ้ง ไปนวดเท้าและนวดแผนไทย แล้วก็กลับมาจ่ายค่าแรงเจ้าชายน้อย วินมอเตอร์ไซด์ ทำงานได้ถูกต้องครบถ้วนไม่มีที่ติ (เมื่อวานนะ) ส่วนวันนี้ ฉันก็ได้ยืนเดินเฉิดฉายที่ล้อบบี้ระหว่างรอเจ้าชายน้องรับส่งเอกสาร นำพัสดุไปส่งไปรษณีย์ร่วม 50 ชิ้น งานเรียบร้อยโดยฉันไม่ต้องเหนื่อยแรง แต่แหม ตินิดเดียว น่าจะโทรมาถามฉันก่อนว่าจะให้ส่งไปรษณีย์ทางอากาศด่วนหรือทางอากาศธรรมดา ด้วยความที่ของทุกอย่างต้องใช้วิจารณญาณ ในขณะเดียวกันเราก็ต้องให้เกียรติผู้ที่ทำงานร่วมกับเราได้ตัดสินใจอะไรบ้าง แน่นอนการให้โอกาสมาพร้อมกับโอกาสที่จะต้องเสี่ยงกับความผิดพลาดและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แล้วเธอคิดว่า เราจะทำให้คนอื่นๆ ทำอะไรได้ดั่งใจเราทุกอย่างได้หรือ ถ้าจะให้ได้ดั่งใจก็ต้องทำเองทุกอย่าง ซึ่งถ้าเราทำอะไรก๊อกแก๊ก เล็กๆ น้อยๆ ก็ทำได้อยู่ แต่ถ้างานเริ่มใหญ่ขึ้นแล้วล่ะ ควรละหรือที่จะใช้คนประเภทเดียวทำงานทุกอย่าง

เมื่อวานฉันให้เจ้าชายน้อยคนที่แฟนขี้หึงรับส่งเอกสารให้ฉันหลายที่เหมือนกัน ค่อนข้างจะซับซ้อนมิใช่น้อย กลับมาพูดเรื่องแฟนขี้หึงของเจ้าชายก่อนดีกว่า ด้วยความที่ฉันมีธุระปะปังต้องใช้บริการแทบทุกวัน เบอร์โทรศัพท์มือถือของฉันเลยขึ้นอยู่ที่โทรศัพท์ของเจ้าชายเป็นประจำ แล้วเช้าวันหนึ่งฉันก็ได้ยินเสียงผู้หญิงจากเบอร์ของเจ้าชายออกอาการขาดความมั่นใจถามว่าฉันเป็นใคร ทำไมโทรมาที่เบอร์นี้ ด้วยความที่เข้าใจหัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน ฉันก็บอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า ฉันใช้บริการรับ-ส่งเอกสารจากเจ้าชายเป็นประจำ เป็นไปได้ว่าเธอคนนี้อาจจะเห็นปฏิกิริยาตอนที่หมายเลขของฉันขึ้นที่หน้าจอ แล้วแฟนคนน่ารักของเธอก็รีบมาหาฉันในทันใดกระมัง ฉันว่า บางครั้งผู้ชายก็มีความสุขที่ผู้หญิงหึงนะ แต่หึงให้พองาม อย่าให้เกินจนน่ารำคาญ ไอ้ฉันน่ะเป็นคนไว้ใจคน คิดเอาเองว่าโตๆ กันแล้วควรจะรู้หน้าที่ ประเมินดูแล้วก็คงขาดเสน่ห์จากความหึงเนี่ยล่ะ

ไปไงมาไงยังไม่เข้าเรื่องละเนี่ย ฉันตั้งใจจะบอกว่างานที่ฉันมอบหมายให้เจ้าชายวินมอเตอร์ไซด์คนนี้ทำมันยากขึ้นเรื่อยๆ ต้องมีการวางแผน และบางครั้งผู้ปฏิบัติงานก็เสนอทางเลือกให้ฉันด้วยซ้ำไป จากเดิมที่ต้องออกไปรับ-ส่งเอกสารสองรอบ รอบเช้าและรอบบ่าย พ่อวินเสื้อส้มท่าทางใจดีคนนี้ บอกว่าถ้าเราไปจากที่นี่แล้วไปต่อที่นั่นจะได้ไปรอบเดียวไม่ต้องย้อนกลับ ก็จริงของเขา ผลคือ ฉันก็จ่ายค่าแรงพี่แกน้อยลง ปลื้มใจตรงที่ เขาต้องรับเอกสารจากที่หนึ่ง เอาไปส่งอีกที่หนึ่ง แล้วรับจากที่นั้นไปต่อแห่งที่สาม แล้วต้องไม่ลืมเอาเอกสารกลับมาให้ฉันด้วย นอกเหนือจากนี้ ก็ไปส่งเอกสารอีก 3-4 ที่ ในคราวเดียว งานเมื่อวานเป็นงานบริหารสมอง รับส่งเอกสารตามเส้นทางไม่ให้ย้อนไปย้อนมา ส่วนงานวันนี้ ไปรับหนังสือแล้วกลับมารับพัสดุไปส่งไปรษณีย์ร่วม 50 ชิ้นอย่างที่ฉันบอกเธอตอนต้นนั่นแหละ ตอนแรก ฉันกะว่าคงต้องสวมบทบาทหญิงเหล็กอีกแล้ว ขนพัสดุทั้งหมดไปที่ไปรษณีย์ด้วยตัวเองและรอจ่ายเงินทีเดียว แต่แล้วหลังจากที่ใช้แรงงานตนเองบรรจุหีบห่อทั้งคืน แถมตื่นมาจากสารพัดเสียงโทรศัพท์ตามปกติ เกิดอาการ อย่าทำตัวเป็นหญิงเหล็กนักเลย เดี๋ยวจะต้องทำไปตลอดชีวิต มีคนเตือนฉันครั้งนึงและเสียงนั้นก็แว่วมาให้ได้ยินเป็นครั้งคราวยามที่ทำอะไรที่ผู้หญิงเค้าไม่ทำเองกัน ตอนแรก คุณพี่วินเสื้อส้มบอกว่าต้องไปสามรอบ คิดรอบละ 50 บาท

ฉันก็ว่า "งั้นไปแท็กซี่มั้ย จ่ายค่าแรง 100 บาทและออกค่ารถแท็กซี่ให้ด้วย แถมทิปอีก 15 บาท รวมเป็น 150 บาท"

คุณพี่วินแสนฉลาดตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า "งั้นทำไมพี่ไม่ไปเองล่ะ มันก็เหมือนไปมอเตอร์ไซด์สามรอบนะ"

เออ มันก็จริงของเค้า สามรอบก็สามรอบ เพียงแต่ฉันคิดว่ามันเสียเวลาไปกลับสามคราเท่านั้นแหละ แต่ก็อย่างว่า คนเราคิดอะไรไม่เหมือนกัน จะไปกี่ครั้งฉันก็ต้องจ่าย 150 บาทเท่าเดิม พอถึงคราวจริงๆ ไปแค่สองรอบเอง ฉันละประหลาดใจในความสามารถขนพัสดุทั้งหมดไปได้จริงๆ ฉันเอาพัสดุมาใส่ในกล่องใส่พริ้นเตอร์ ใหญ่นะเธอและหนักสุดๆ แถมพี่แกยังหอบพัสดุสำหรับส่งไปต่างประเทศอันเบ้อเร่อไปด้วย ก็คิดดูแล้วกันหนังสือ 22 เล่มอะเธอ นอกจากหนักแล้วค่าส่งยังแพงแบบ เฮ้อ อยากส่งทางเรือจริงๆ พอรอบสองฉันใส่ถุงหูหิ้ว พี่แกก็หิ้วข้างละสองถุงพร้อมจับแฮนด์มอเตอร์ไซด์ไปด้วย มีอีกกล่องใหญ่อีกใบอยู่ข้างท้ายนะเธอ ค่าส่งในประเทศเป็นสัดส่วนจิ๊บจ้อยของค่าส่งต่างประเทศห่อเดียวแต่หนักเกือบ 6 กิโลกรัม เรื่องที่ฉันติในการส่งครั้งนี้คือ คุณวินที่รักสามารถช่วยฉันประหยัดได้อีกประมาณ 800 บาทเพราะมันมีความต่างของการส่งทางอากาศแบบด่วนกับแบบธรรมดา คราวที่แล้วฉันส่งไปญี่ปุ่นราคาต่างกันแค่ 100 บาท แต่คราวนี้ส่งไปฝรั่งเศสต่างกันมากเหลือเกิน คราวที่แล้ว ความมั่นใจของเจ้าชายน้อยคนนี้ยังไม่มากเท่าไหร่ เขาเลยโทรมาถามฉันก่อนเพื่อให้ฉันตัดสินใจ คราวนี้พี่แกเกิดอาการฮึกเหิมฮ่ะ ตัดสินใจเองเลย เป็นไงล่ะ ทุกอย่างเป็นการเรียนรู้ คราวก่อนโน้น ฉันระบุชัดเจนให้รอรับของที่ส่งไปด้วยก่อนกลับแต่พี่แกกลับก่อน ฉันถือว่าเป็นครั้งแรก ยอมออกค่าใช้จ่ายที่เพิ่มให้ แต่ก็ประกาศวาจาสิทธิ์ไว้ว่า คราวหน้าบอกแล้วไม่ทำตามที่บอก ฉันจะไม่จ่ายค่าใช้จ่ายส่วนต่างนะ เจ้าชายยิ้มรับโดยดุสดี หนนี้ ฉันก็บอกเจ้าชายว่า ฉันจะประหยัดเงินได้อีก 800 บาทนะ ให้รู้สึกผิดเล็กน้อยถึงปานกลางแต่ฉันก็ทิปไปอีก 20 บาท เพราะถ้าฉันไม่ได้เจ้าชายเสื้อส้ม ฉันเองต้องเป็นคนลำบากขนทุกอย่างเอง และเราไม่มีวันรู้ว่า ถ้าเป็นอีกทางเลือกนึง ฉันจะซุ่มซ่าม สะดุดหกล้มตอนที่แบกของหลายสิบโลหรือไม่ แน่นอนว่าค่ารักษาอาจจะหลายพันบาทก็ได้

คิดซะอย่างนี้ จะได้ไม่เกิดมลพิษทางอารมณ์ จริงมั้ยเธอ ที่แน่ๆ หนต่อไป ฉันอาจจะเล่นบทนางร้ายขึ้นมาบ้างถ้าเจ้าชายของฉันไม่ใช่เจ้าชายน้อยที่น่ารักดังเดิม

เหอ เหอ

ไม่มีความคิดเห็น: