ฉันออกอากาศรายการวิทยุมาสักสามอาทิตย์เห็นจะได้ แต่ครั้งนี้ดูฉันจะพูดมากที่สุด กล้าเข้าไว้ ผลยังไงไม่ต้องสน...
เมื่อตัดความกังวลใดๆ ทิ้งไป ฉันก็พูดได้มากกว่าเดิม แม้จะยังยั้งๆ อยู่เพราะเวลาใครแซวฉัน ฉันก็ยังไม่กล้าโต้ตอบอยู่ดี ด้วยกลัวว่าจะพูดจารุนแรงออกอากาศ แต่ฉันก็โดนกัดหลายหนอยู่นา อะไรจะจิกเล็บเย็บถากกันอย่างนั้นนนนนน
รวมๆ แล้วก็สนุกดีค่ะ ได้ลองจัดรายการวิทยุ พูดให้คนเค้าฟังทั่วประเทศ ไม่ตื่นเต้น ไม่กลัวๆ กล้าๆ ก็แปลกล่ะ ดีใจที่พี่ๆ บอกว่าเสียงพูดของฉันฟังชัดเจน เสียงใส อันนี้น่าจะจริงเพราะยืนยันอย่างน้อยสองคน อิอิ
จากนั้นก็เป็นเวลาของสามสาวกำมะหยี่วาดลวดลายร้องเพลงและเล่าสู่กันฟัง เรื่องราวแต่หนหลัง น่าแปลกที่ฉันกล้าพูดอะไรๆ ให้เพื่อนกลุ่มนี้ฟังมากกว่าเพื่อนที่เรียนด้วยกันมา คงจะเป็นเพราะว่าเพื่อนศิลปินบ้าๆ บอๆ ไม่ได้ยึดกับเหตุผล สิ่งที่ควรกระทำและกรอบที่ได้รับถ่ายทอดมาแบบไม่รู้ตัว อยากพูดอะไรก็พูด อยากบ่นอะไรก็บ่น อยากร้องเพลงอะไรก็ร้อง ทำอะไรตามใจไม่มีเงื่อนไข อะไรจะสุขไปกว่านี้
จริงๆ แล้วอยู่กับเพื่อนๆ ก็แฮปปี้ดีแล้วนี่นา ทำไมฉันต้องอยากได้ใครมาอยู่ข้างกายด้วยล่ะ
อันนี้อาจเป็นกรอบที่ฉันสร้างขึ้นมาเอง สร้างว่าฉันจะกอดผู้ชายที่เป็นคนพิเศษเท่านั้น ฉันไม่สามารถไปกอดใครต่อใครได้โดยไม่คิดอะไร ถ้าฉันไม่ได้เป็นแบบนี้ ฉันอาจจะไม่วุ่นวายใจขนาดนี้กระมัง
พรุ่งนี้มีงานขึ้นเวที จากนั้นก็ต่อด้วยคอนเสิร์ตแล้วก็ปาร์ตี้ชุดนอนส่งท้าย วันนี้ซะอีกที่ดูจะสบายกว่ากันเยอะเลย ทำตัวเป็นคุณนายชอปปิ้งเฟอร์นิเจอร์สำนักงานใหม่ ชี้โน่นนี่ เจ้าสำนักก็ใจเร็ว ตัดสินใจทันที ไม่ต้องเสียเวลายืดเยื้อ แล้วเราก็ได้ชุดโซฟา โต๊ะประชุมและทำงาน พร้อมหิ้งพระงามๆ สำหรับพระพิฆเนศวรคู่สำนักพิมพ์
จะว่าฉันกับเจ้าสำนักใจตรงกันก็ใช่ที่ แต่เราก็ใช้เวลาคุณภาพเลือกของคุณภาพอย่างรวดเร็วจนคนขายถามว่าเคยมาดูไว้แล้วรึเปล่า เอาเลยเหรอ
ฉันอยากให้ถึงวันหยุดอีกจัง อยากนั่งนิ่งๆ หรือไม่ก็ดูหนังโรงใหญ่ แบบที่ไม่หลับหน้าจอ ให้หนังดูเรา
ฉันในฐานะพิธีกรวันพรุ่งนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่น่าสนใจ เติมความสดชื่นให้กับชีวิตพร้อมๆ กับที่ต้องลงแรงลงความคิดเพ่ื่อให้งานออกมาดีที่สุด ผลจะออกมายังไงก็ช่างมัน สำคัญที่ความตั้งใจที่ใส่ไปไม่ใช่หรือ...
วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น