วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2552

38

ฉันอายุครบ 38 ปี ให้สัมภาษณ์ลงนิตยสารหน้า 38 ในเวลาที่ใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือลงท้ายด้วยเลขสามสิบแปดเช่นกัน...
อาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์ฉันเลือกจะใส่เสื้อผ้าสีม่วง

ไม่เว้นแม้แต่ในบทสัมภาษณ์ครั้งแรกของชีวิตที่ได้ลงคอลัมน์ Woman on Top ของ Mix Magazine ประจำเดือนสิงหาคม 2552 ... เดือนเกิดของฉันพอดี

เพื่อนๆ บรรจงเลือกกระเป๋าสตางค์สีม่วงให้เป็นของขวัญวันเกิด ซื้อเค้ก จุดเทียนให้ฉันตอนเที่ยงคืนของวันที่ 4 สิงหาคม เพื่อนเก่าสมัยเด็กที่ไม่ได้เจอกันมาเกิน 20 ปี ให้ดอกกุหลาบสีชมพูหวานเป็นของขวัญ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนๆ จะให้ความสำคัญกับฉันขนาดนี้ บางปี ฉันกลับจากทำงาน มานั่งที่ร้านประจำโดยไม่ได้บอกให้ใครรู้เลยด้วยซ้ำว่าเป็นวันเกิด ฉันเป็นโรคขี้เกียจหาของขวัญให้ใคร (หรืออีกทีก็ตั้งใจสรรหาแบบตั้งใจสุดๆ) ฉันจึงรู้สึกผิดหากมีใครมาให้โน่นให้นี่ฉันเยอะๆ แล้วฉันยังไม่ได้ให้อะไรกลับไป 

หนึ่งในของขวัญวันเกิดที่ไม่ได้คาดหมาย คือ ชุดปักเลื่อมแขนกุดทั้งตัว เซ็กซี่สุดพรรณนา คนที่ให้ก็คือ น้องที่ช่วยเหลือสารพัดทั้งให้คุณแม่ของเธอและคุณลูกมาช่วยงานเจ้าชายน้อยนี่แหละ ไม่แค่นั้น เธอยังชอบเลี้ยงเครื่องดื่มที่ีมีแอลกอฮอล์ (ฟังดูดีกว่าเหล้าเนอะ) และอาหารเย็น อีกทั้งยกอายไลน์เนอร์และลิปสติกสีม่วงให้ฉันอีกต่างหาก

น้องดีซะจนฉันเริ่มหวั่นใจในความดี!?!?!

พี่ใหญ่ที่ฉันเรียกว่า "ป้า" ให้ไพลินฉันหนึ่งเม็ด เป็นของที่แม่ของเธอให้มาร่วมสามสิบปีแล้ว 

เธอเห็นมั้ยว่าฉันได้อะไรมากมายเกินไปแล้วเนี่ย ฉันไม่นับที่แม่ให้เช็คมาหนึ่งใบ ไม่มากอะไร แต่ไม่กี่วันต่อมา ฉันเอาเครื่องประดับที่ฉันซื้อเป็นของขวัญให้ตัวเองที่หลายเงินอยู่ แต่พอเอาไปให้ดู แม่ให้กลับมามูลค่าสูงถึงสิบเท่า

เอ หรือฉันจะโชคดีรับอายุ 38 จริงๆ 

คืนวันที่ 4 สิงหาคม หลังจากร้านโปรดปิดแล้ว ฉันกับเพื่อนๆ อีก 3 คนไปต่อที่บ้านเพื่อนคนนึง นั่งกิน ดื่ม จนพี่ของเพืื่อนเปิดประตูมาบ่นว่าเสียงดัง เพื่อนเจ้ากรรมของฉันที่ใจยังวัยสะรุ่น ตัดสินใจหนีออกจากบ้านตัวเอง ไปต่อที่บ้านเพื่อนอีกคน แล้วเราก็นอนที่บ้านเพื่อนกัน ก่อนนอนคืนนั้นให้ได้รำลึกความหลัง สารภาพความใน ปรึกษาปัญหาหัวใจของกันและกัน 

ตื่นมาก็บ่ายแล้ว รอข้าวเที่ยงที่เป็นข้าวเหนียว ส้มตำ พร้อมผัดซีอิ้ว ที่ไม่น่าจะสั่งมากินด้วยกันเล้ย ให้ตายเถอะ!!

เพื่อนกระดังงาของฉันคนนี้มีลูกน่ารักสุดๆ แค่สองขวบแต่แก่นและฉลาดล้ำเหลือ ไม่งอแง เป็นตัวของตัวเอง แรงดี มีความคิด แม้แต่เล่นเป็นแม่ครัว ยังบอกให้ระวังเพราะกะทะร้อน!!

ของเล่นเด็กสมัยนี้น่าเล่นจริงๆ มีอะไรสร้างสรรค์สวยงามแบบที่ฉันยังอยากจะกลับเป็นเด็กอีกครั้ง... แล้วก็อดรนทนไม่ไหว ขอเข้าไปเก๊กท่าถ่ายรูปในบ้านหลังน้อย ในวันที่ไม่แต่งหน้าใดๆ คล้ายจะพยายามให้ใสบริสุทธิ์เหมือนน้องหนูเจ้าของบ้าน

วันเกิดฉันปีนี้ เป็นครั้งแรกที่ผู้ชายด้อยความสำคัญ ฉันมีเวลาแห่งความสุขกับเพื่อนๆ แม้ว่าใครคนนั้นจะปรากฎตัว โน้มกิ่งต้นไม้แห่งชีวิตมาใกล้ฉันมากที่สุด ส่วนฉัน ในวันที่มีเรื่องราวแห่งความสุขรายล้อม ต้นไม้ของฉันหยุดแกว่งไกวอย่างที่เคย นิ่งรับสายลม ชื่นชมสิ่งดีๆ ที่ใครๆ มอบให้ ต่างจากเดิมที่โอนเอนไปทางต้นไม้แห่งชีวิตต้นนั้น น่าแปลกที่ฉันมีความสุข แต่ไม่ไขว่คว้า วางตัวแบบที่เพื่อนเรียกว่า ดี แล้วไม่ได้ฝืน หรือเลือกสิ่งใด เพียงปล่อยใจไปตามสายลมแห่งความสุขที่พัดพาฉันไป 

ฉันไม่เคยได้รู้ล่วงหน้าเลยว่าวันนั้นจะจบลงอย่างไร ตอนบ่ายฉันกลับมาในชุดลูกไม้ซีทรูสีขาวหวานพร้อมกางเกงขาวอย่างสาวมั่นใจ แล้วก็ใส่ชุดเปรี้ยวปักเลื่อมสีเงินพราวไปทั้งตัวให้คนให้ของขวัญชิ้นนี้ดู ฉันได้คุยกับผู้ชายคนเดิม แต่คืนวันที่ 5 เป็นวันที่แตกต่าง วันที่ต้นไม้แห่งชีวิตดีดกลับไปไกล คล้ายว่าฉันกำลังกวดไล่ ทั้งๆ ที่วันก่อนหน้ายังเข้ามาหาฉัน มาแบบยอมรับการมาของตัวเอง จน ณ วันนี้ เขาคนนั้น ยังมาๆ ไปๆ ฉันเองนิ่งดูอย่างขำๆ อยากรู้จังว่าจะแกว่งไปถึงไหน เขาถึงจะเจอจุดสมดุลที่ลงตัวกับความคิดมากมายที่แตกสายในสมองอันปราดเปรื่อง 

จริงด้วยที่คนโง่มีความสุขง่ายกว่าคนฉลาด ฉันลองใช้ความรู้สึกและตัดเหตุผลไปอย่างสิ้นเชิงตอนดูหนังเรื่องหนีตามกาลิเลโอ โลกแห่งความหวัง ความสุข โลกที่เปิดกว้าง โลกแห่งความเป็นไปได้ในทุกสิ่ง ช่างเป็นโลกที่น่าอยู่เหลือเกิน เมื่อออกจากกรอบ ฉันไม่คิดจะกลับเข้าไปอยู่อีกแล้ว

ฉันไม่อยากรู้อนาคต ฉันจะไม่ดูดวงตัวเองและดวงของคนอื่นๆ แล้ว ฉันถอดสร้อยข้อมือหินสองตาจากธิเบตอันเป็นเครื่องหมายของการโชคดีในเรื่องคู่ที่ใส่มาเป็นปีๆ 

ฉันพอใจที่จะเผชิญกับเรื่องราว ความเป็นไปใหม่ๆ ในแต่ละวัน เมื่อมองไปที่เขาคนนั้น ฉันได้แต่คิดในใจว่า เขายังไม่หลุดพ้น...

ไม่มีความคิดเห็น: