วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

หรือฉันจะทำไม่ได้จริงๆ


นานมาแล้ว ตอนที่น้องๆ ของฉันไปพบนักจิตวิทยา ได้ทำแบบทดสอบแล้วน้องคนกลางก็บอกให้ฉันไปทำบ้าง ทำแบบทดสอบไปหลายอย่าง จำผลการวิเคราะห์ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ที่จำได้แม่นคือ ตอนที่เขาให้ฉันวาดรูปคน ฉันวาดและตั้งใจพิเศษในการวาดนิ้วแต่ละนิ้ว  นักจิตวิทยาวิเคราะห์แบบตรงที่สุด ฉันไม่มีวันมีความสัมพันธ์ที่ดีกับใครๆ ไม่ว่าจะตั้งใจแค่ไหนก็ตาม...

มันดูจะเป็นคำตอบที่เชือดเฉือนใจไม่ใช่น้อย พอๆ กับที่ฉันไม่รู้จะทำยังไงให้พ่อพูดกับฉันอีก หายโกรธจากอะไรก็ไม่รู้ที่ฉันทำแล้วทำให้เคือง หรือฉันจะยังพยายามไม่มากพอ หรือฉันจะพยายามมากเกินไป ฉันรู้ว่ามีผู้ใหญ่หลายคนเห็นใจฉันแล้ว หลังจากที่มองฉันผิดไปจากความเป็นจริงเป็นปีๆ มีคนคิดว่า ฉันไม่ได้เป็นคนผิดอย่างเดียวหรอก 

ฉันเห็นหลายๆ สายตาในวันงานเปิดตัวหนังสือครั้งยิ่งใหญ่สำหรับฉัน เป็นสายตาที่ทึ่ง แต่ทึ่งแบบสงสัยอย่างที่สุด สงสัยเพราะมันไม่ได้เป็นไปตาม "ภาพ" ที่ใครๆ วาดเอาไว้ ฉันดูเป็นคนเหลวไหลมานาน ฉันยังจำคำที่นายเก่าบอกว่า "คนเค้าจะคิดว่าเราไม่มีความรับผิดชอบ" นายฉันพูดเพราะเข้าใจว่าฉันรับผิดชอบ แต่เพราะฉันมีความรับผิดชอบมากเกินไป มากจนฉันจะไม่สร้างภาระผูกพัน ถ้าฉันรับผิดชอบมันไม่ได้ดีตามมาตรฐานของฉัน 

ฉันรู้สึกได้ แม้จะทำเป็นไม่รู้สึก ไม่ว่าจะเรื่องใดๆ ฉันไม่ใส่ใจเพื่อน จะโทรหาเฉพาะมีธุระ ไม่มีการไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ ไม่ได้โทรหาหรือคุยกับใครทุกวัน ถามคำถามน่าเบื่อว่า ทำอะไร ไปไหน กินอะไร เพราะฉันไม่เห็นว่ามันมีอะไรสร้างสรรค์ที่ตรงไหน ฉันพูดจาเหมือนจะยกตนข่มท่าน เหมือนจะเอาชนะ เหมือนจะขึ้นเสียงเพื่อให้ตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของบทสนทนา หลายคนคิดว่าฉันฟังไม่เป็น คิดว่าฉันไม่สนใจคนอื่น ฉันไม่ชอบตัดเค้ก ให้ของขวัญเป็นเรื่องเป็นราว นอกจากจะเห็นว่าอะไรเหมาะกับคนๆ นั้นจริงๆ แล้วก็ซื้อให้โดยที่ไม่ต้องมีวาระโอกาสพิเศษใดๆ ฉันไม่ชอบให้ใครทรมานฉันด้วยการถ่วงเวลากล่าวคำปฏิเสธ ฉันจะไม่ยุ่ง ไม่ทำให้วุ่นวายทันที ถ้ารู้ว่า เขาไม่ได้ต้องการให้ฉันอยู่ในวง อยู่ในกลุ่ม เพราะฉันเข้าสังคมไม่เป็น เหมือนบ้านนอกเข้ากรุง 

ฉันกำลังจะทำอะไรสุดโต่งอีกแล้ว ฉันซีเรียสอีกแล้ว และฉันก็เป็นคนที่เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางอีกแล้ว ใช่มั้ยล่ะ 

ทำยังไงคนถึงจะเข้าใจฉัน ฉันตอบคำถามนี้เองว่า ฉันก็ต้องเข้าใจคนอื่นก่อน ฉันก็เข้าใจว่า เขาไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วย ฉันก็ไม่อยู่ นี่ฉันยังไม่ได้ทำตามความต้องการของคนอื่นอีกเหรอ ฉันไม่ถือโทษโกรธคนที่โกรธฉันด้วยเหตุอันใดไม่ทราบได้ เพราะฉันไม่แสดงออกใช่มั้ย เขาถึงไม่รู้ว่าฉันรู้และฉันอภัย เขาคิดว่าฉันซื่อบื้อ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร และดูเหมือนว่าใครๆ ก็จะรู้ว่าฉันเป็นยังไง ทั้งๆ ที่ฉันว่าเขาเหล่านั้นไม่เคยรู้เลยว่าฉันรับรู้ความรู้สึกที่ว่าทั้งหมด แต่ฉันไม่แสดงออก เพราะเมื่อเราให้อภัยและเข้าใจ เราก็จะไม่ต้องการที่จะแสดงความไม่พอใจ ฉันต้องแสดงให้เขารู้เหรอว่า เธอทำไม่ดีกับฉันแต่ฉันให้อภัยเธอ นี่ไม่เท่ากับเป็นการเอาดีเข้าตัวเหรอ ฉันควรจะพูดอย่างที่หลายๆ คนพูดกับฉันเหรอ 

น้ำตาหยุดไหลแล้ว ก่อนหน้าที่จะเขียนบล้อกวันนี้ ฉันโทรไปหาน้องคนที่ไม่ใคร่เป็นที่รักและนิยมชมชอบจากหลายๆ คน ฉันคล้ายจะพยายามมองไปที่น้องแล้วสะท้อนให้เห็นตัวเอง น้องพูดฉะฉาน เสียงดัง พูดเร็ว เปิดเผย แล้วก็ได้รับปฏิกิริยาตอบกลับไม่ต่างจากฉันนัก ฉันเคยรู้สึกถึงการคุกคามของเจ้าตัว ด้วยความเป็นคน aggressive มันเลยดูเหมือนไปบังคับให้คนอื่นคิดเห็นเหมือนกับตัวเรา 

มีหลายๆ คนพยายามจะบอกฉันด้วยวิธีละมุนละม่อม ไม่ให้กระทบกระเทือนความรู้สึกของฉัน ณ เวลานี้ ฉันขอบคุณในความใส่ใจที่เขาเหล่านั้นมอบให้ ฉันรู้สึกว่า ความพยายามของฉันมันอาจจะทำความลำบากให้ฉันเกินไป หรือไม่ก็ระดับความอดทนของฉันต่ำกว่าคนปกติ 

มีอะไรหลายอย่างที่ฉันไม่เหมือนคนอื่น ฉันไม่ชอบเล่นเกมส์ ฉันไม่ชอบโทรหาใครบ่อยๆ ฉันไม่ต้องการให้คนมาถนอมน้ำใจมากเกิน ฉันไม่ต้องการให้ใครๆ รู้สึกไม่ดีและเข้าใจฉันผิดๆ แล้วก็ฉันๆ ๆ 

ฉันเริ่มเจ็บปวดเมื่อตระหนักว่า คนอื่นเขาคิดกับฉันยังไง ฉันไม่เคยไปตอแย ออดอ้อน ถ้าใครไม่ต้องการทำสิ่งที่ฉันต้องการ หรือไม่เลือกอะไรอย่างที่ฉันอยากให้เลือก หรือไม่อยากไปสถานที่ๆ ฉันจะไป แล้วฉันก็ไม่โกรธด้วย ที่ฉันเป็นแบบนี้ยังผิดอยู่มั้ย

ฉันพูดตรง ไม่สตอเบอรี่ แล้วฉันต้องหัดสตอบ้างใช่มั้ย ฉันจะลบความรู้สึกผิดจากการพูดไม่ตรงกับความเป็นจริงได้อย่างไร ของบางอย่างไม่เห็นจำเป็นต้องเบี่ยงเบนประเด็น การที่ฉันรับได้ ถ้าคนที่รับของขวัญจากฉันไป เขาจะไม่ชอบของขวัญของฉัน มันประหลาดนักหรือ คนอื่นๆ ถึงอยากได้คำตอบที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ฉันเลยตอบไปว่า ลองแล้ว ใส่ได้พอดี พร้อมๆ กับที่งงตัวเองว่า ทำไมฉันต้องทำอะไร ไร้สาระแบบนี้ด้วย ฉันต้องเป็นเหมือนคนอื่น เพื่อจะอยู่ในสังคมได้ใช่มั้ย แล้วถ้าฉันเหมือนคนอื่นแล้วความพิเศษ ความไม่เหมือนใครที่โดดเด่นมีคุณค่ามันคงจะหายไปด้วยสินะ

ถ้าฉันเลือกจะแตกต่าง ฉันก็ต้องพร้อมที่จะอยู่ชายขอบ ยอมรับว่าอยู่ร่วมกับคนอื่นยาก แต่ความพิเศษนั้นก็ทำให้ฉันได้อะไรต่างจากคนอื่น ฉันควรจะพอใจในสิ่งพิเศษที่ตนเองมีไม่ใช่หรือ เมื่อเหตุผลสูงลิบถูกยกออกจากอารมณ์ความรู้สึกสุดขั้วแล้ว ฉันจะกลับไปอีกเพื่ออะไร อ้อ ฉันนึกออกแล้ว ฉันยังมีงานที่ต้องทำร่วมกับผู้อื่นอยู่ แต่นั่นคืองานที่ฉันรับผิดชอบ ฉันต้องฝืนใจ ฝืนความรู้สึก นั่นก็คงเหมือนๆ กับที่นายของฉันพูดจาดีกับฉัน ด้วยรู้ว่าจะใช้ฉันอย่าพูดจาทำร้าย ใส่ๆ เหมือนฉันเป็นทาสในเรือนเบี้ย โอเค ฉันต้องปรับ แต่ในพื้นที่ส่วนตัวของฉัน ฉันก็ยังคงจะได้เป็นอย่างที่ฉันเป็น และพื้นที่ส่วนนั้นจะเป็นที่ไหนไม่ได้ นอกซะจาก บ้านของฉัน เท่านั้นเอง 

มันคงง่ายสำหรับคนอื่น ที่จะทำสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดไป แต่คนที่โตมาพร้อมความเก็บกดอย่างฉัน เมื่อถึงเวลาได้ปลดปล่อย นั่นย่อมจะแรงและเอาแต่ใจมากกว่าคนปกติ เหมือนอย่างที่ฉันประเมินเพื่อนต่างชาติคนหนึ่ง ฉันเข้าใจเธอดี แต่ก็ไม่รู้อยู่นั่นว่าเธอจะเข้าใจฉันมั้ย

ฉันรู้สึกว่าการไม่ตอแยของฉัน ทำให้คนๆ หนึ่งที่รู้สึกผิดกับการกระทำของตนมีความสุขขึ้น แม้ว่าความสุขของเขาจะนำมาซึ่งความไม่สมหวังของฉัน แต่เมื่อฉันบรรลุแล้วว่า การไม่ครอบครองก็มีความสุขได้ ฉันอาจจะเดินออกจากเรื่องทางโลกไปอีกนิดแล้วละมัง 

น้ำตาแห้งสนิท ฉันเลือกจะห่างออกมา เพื่อจะได้มีเวลาทำงานที่ฉันชอบมากขึ้น งานที่ไม่ต้องยุ่งกับใคร ทั้งๆ ที่งานที่ต้องมีคนทำ ฉันไม่ชอบแต่ทำได้ดี ดีจนคนนึกว่าฉันชอบ 

ฉันจะลองกลับไปนอนอีกครั้ง หวังว่าตอนบ่ายที่ฉันนัดพบผู้ใหญ่เพื่อคำแนะนำเรื่องการงาน จะทำให้ฉันได้ไอเดียดีๆ อย่างน้อยฉันว่า ท่านเข้าใจเหตุผลของการกระทำของฉันอยู่ไม่น้อย

ฉันเชื่อว่า ฉันจะได้อะไรดีๆ ในวันนี้ แม้ว่ามันจะเริ่มต้นด้วยน้ำตาก็ตาม

ไม่มีความคิดเห็น: