วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เหงา...

หมู่นี้ฉันเหงา...

ฉันยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าฉันรู้สึกโดดเดี่ยว มันเป็นความรู้สึกที่นานๆ ที่จะมาเยี่ยมเยือน ฉันโทรหาใครต่อใครเพื่อชวนไปกินข้าว ทั้งๆ ที่ปกติฉันก็ไปไหนมาไหนคนเดียวได้อยู่แล้ว ออกจะทำให้ฉันสูญเสียความเป็นตัวเอง ความเป็นอิสระ ที่อยู่ดีๆ ก็ต้องมาพึ่งพาคนอื่นจริงๆ 

ฉันโทรไปหาหลายต่อหลายคน พร้อมๆ กับต้องเตรียมใจรับคำปฏิเสธที่ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อจิตใจฉันนัก ด้วยมักจะยอมรับคนอื่นอย่างที่เป็น ใครอยากไปด้วยก็ไป ไม่ไปก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อต้องเป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อน ก็รู้สึกหวั่นๆ พิกล และฉันก็ไม่ชอบความรู้สึกนี้อย่างที่สุด

แล้วฉันก็ได้พี่สาวคนดีไปนั่งกินที่ร้านปลาดิบ ร้านอาหารฟิวชั่นใกล้ที่พักที่ตื่นนอนมาก็นึกอยากกินเสียนี่กระไร วันอาทิตย์ วันพักผ่อน เป็นวันที่ฉันนอนกินบ้านกินเมือง นอนเพราะไม่อยากจะตื่นขึ้นมาพบว่า อยู่คนเดียว ไม่อยากทำงานบ้าน ไม่อยากทำงาน ไม่อยากชอปปิ้ง ไม่อยากไปหาญาติพี่น้อง เพราะมันเหมือนว่าไม่มีที่ไปแล้วต้องไปบ้านของครอบครัว 

ฉันพยายามรักษาระยะห่างกับคนในครอบครัวมาโดยตลอด ด้วยเป็นบุคคลที่มีผลต่อความรู้สึกของฉันมาก มากซะจนต้องอยู่ให้ห่างๆ เมื่ออยู่ใกล้กระทบกระทั่งกันง่าย ก็ทำร้ายความรู้สึกของกันและกันเสมอมา พออยู่ไกล นานๆ เจอที ฉันก็จะ behave พร้อมๆ กับเขาเหล่านั้นก็ behave ด้วย ความเกรงใจ ทำให้การล้ำเส้นที่นานๆ เกิดขึ้นทีเป็นเรื่องที่ยอมกันได้ ให้อภัยกันได้

ฉันเองก็ชินซะแล้วที่พ่อไม่พูดด้วยมานาน ฉันยังคงทำอะไร พูดอะไร เริ่มต้นด้วย ฉัน ฉัน ฉัน อยู่เช่นเดิม ยังเหมือนได้ยินถึงคำที่ใครว่าไว้ ว่า  self center เมื่อขึ้นต้นประโยคด้วยสรรพนามแทนตัวเอง 

อาหารอร่อย ยำทะเลดิบสองจาน สลัดเต้าหู้กับอโวคาโดสองจานเช่นกัน พิซซ่าสโมคแซลมอน ทาท่า ท้องปลาทูน่า พร้อมเบียร์อาซาฮีสดอีก 2 เหยือก ก็ทำให้ค่ำคืนนี้เป็นคำ่คืนที่ไม่เลวทีเดียว เพื่อนรู้ใจสองคนแก่กว่าฉันเกือบสิบปีคนนึง อีกคนเกินสิบห้าปี นั่งเป็นเพื่อนผู้หญิงเอาแต่ใจคนนี้ แน่ล่ะ จะว่าไม่เอาแต่ใจได้ไง พี่คนโตเดินมานั่งได้ไม่ถึงห้านาที ฉันเข้าเรื่องงาน ฉับ ฉับ ฉับ อยู่พักใหญ่ เล่นเอาอีกคนนั่งฟัง งงไปเลย 

ฉันนั่งบวกเลขโทรศัพท์มือถือ เครื่องหนึ่งได้ห้าบวกสามเป็นแปด อีกเครื่องได้สี่บวกห้าเป็นเก้า ความรู้เรื่องตัวเลขกับดาวทำให้ฉันเหมารวมๆ เอาว่า ใช้วิชาความรู้และต้องเหนื่อยแบบสู้รบ ซึ่งก็จะได้ทำงานใหญ่ ทำเวลาวิกาลกับเรื่องภาพมายาและชีวิตกลางคืน ส่วนอีกหมายเลขก็เป็นการติดต่อสื่อสารและหนังสือเป็นงานที่ติดต่อต่างประเทศและหรือเป็นเรื่องจิตวิญญาณ

เมื่อฉันตัดใจเลิกดูดวง เลิกทำนายทายทักใครๆ แล้ว เท่ากับหมายเลขเก้าของฉันก็คงเหลือแค่ลางสังหรณ์กับเรื่องต่างประเทศ หมายเลขที่รวมกับได้แปด อาจจะต้องโอนให้คนที่ดูแลในภาคสนามแทนฉันแล้วล่ะ เพราะฉันจะเน้นเรื่องการประสานงาน ติดต่อกับใช้ความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับต่างชาติต่างแดนแทน  ฉันหวังว่า ฉันจะยกเบอร์นี้ให้ลูกน้องคนใหม่ได้ในที่สุด ขอให้เธออยู่กับฉันนานไปเรื่อยๆ ทีละเดือนก็พอ 

ตอนนี้กำลังมีการเปลี่ยนแปลง การเริ่มต้น การรับมอบ โอนถ่าย ฉันต้องเริ่มปรับชีวิตรับกับฤดูการทำงานหนักในช่วง 2-3 เดือนที่กำลังจะมาถึง หนักที่ว่าคือหนักทั้งเนื้องานและเวลาสังสรรค์ ฉันพบว่าเราเลือกเพียงหนึ่งไม่ได้หรอก เรื่องสังสรรค์อาจจะจำเป็นมากกว่าการทำงานด้วยซ้ำไป สำหรับหน้าที่งานของฉัน บางครั้งแค่ไปนั่งคุยเมื่อมีพี่โทรตาม งานฉันก็เดินเองโดยไม่ต้องพูด ไม่แม้จะถาม ทุกอย่างมีคนเสนอให้แทบจะไม่ต้องเรียกร้อง ฉันได้แต่คิดว่า ฉันคงทำบุญมาดี ได้รับความช่วยเหลือ แม้เมื่อมองไปที่เด็กรุ่นใหม่ ฉันเองบางครั้งก็มองเห็นอนาคตของเธอและเขา อยากช่วยเหลือ เหมือนๆ กับที่ฉันได้รับความช่วยเหลือมาเป็นทอดๆ 

ตอนนี้ฉันคลายเหงาแล้ว ทำงานเท่าที่คิดว่าต้องรีบจัดการ แล้วก็จะดูวิดีโอหนังที่หนังสือเล่มใหม่ของสำนักพิมพ์ไปล้อเลียน เพื่อจะได้เข้าใจในงานมากขึ้น

วันก่อน มีพี่คนนึงบอกว่าฉันน่าจะมีลูกได้แล้ว มีกับผู้ชายคนนี้แหละ ลูกจะได้ออกมาดีเพราะรับเอาข้อดีของพ่อและแม่ นั่งๆ คิดไปแล้ว การที่ไม่มีครอบครัวเป็นเรื่องเป็นราว ก็ทำให้มีเวลาสังสรรค์เฮฮามากมาย ทั้งสนุก ทั้งได้งาน และไร้สาระในคราวเดียว ฉันเอง พร้อมรึยังกับการที่จะก้าวขึ้นไปอีกขั้นของบันไดชีวิต การทีต้องมีใครสักคนอยู่ด้วยและให้กำเนิดชีวิตน้อยๆ ที่นำมาซึ่งความผูกพันและภาระที่ต้องใส่ใจตลอดชีวิต วิญญาณอิสระอย่างฉันพร้อมแล้วหรือกับความรับผิดชอบใหม่ที่ใหญ่โต หรือเหมาะสมแล้วสำหรับฉันที่จะหยุดที่บันไดขั้นนี้ แม้เพียงแค่นี้ ฉันยังไม่ได้ทำหน้าที่ของลูกที่ดีด้วยซ้ำ ไม่เหมือนครอบครัวอื่นๆ ที่มีวันครอบครัว  กับน้องๆ ฉันได้เป็นพี่ที่ดีแล้วรึยัง คนในครอบครัวของฉันมีความสัมพันธ์อยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้วหรือ 

หลายคนว่า ถ้ายังทำครอบครัวให้ดีไม่ได้ ก็คงไม่สามารถจะทำความสัมพันธ์อื่นให้ดีได้ แต่ก็เคยมีคนพูดให้ฟังอีกเช่นกันว่า วิธีแก้ปัญหาคือสร้างครอบครัวใหม่ แล้วฉันล่ะ ครอบครัวของฉันคือ คอมพิวเตอร์ หนังสือ ต้นไม้ ทีวี ละมัง ฉันดูแลสิ่งต่างๆ รอบตัวดีแล้วรึยัง ฉันดูจะไม่ใคร่เป็นคนรักของ ด้วยถือว่าของที่ใช้คือเอาไว้ใช้ สิ่งของรอบตัวฉันถ้ามีจิตใจก็ต้องอดทน ฉันใช้งานเต็มที่ ไม่เสียไม่ซ่อม ถลอกปอกเปิก แต่ฉันก็ใช้จนมันใช้ไม่ได้ล่ะ ไม่ใช่ได้ของใหม่แล้วลืมของเก่า ของทุกชิ้นถ้ายังเก็บไว้ ก็จะอยู่เพื่อรอการถูกนำมาใช้ใหม่ เว้นเสียแต่ว่า เก็บแล้วก็ยังไม่ได้ใช้นานจนเกินไป ก็คงได้เวลาบริจาคหรือทิ้งซะที 

ดูเหมือนฉันจะไม่รักอะไรเลยใช่มั้ยเนี่ย หรือว่าฉันแค่เป็นคนที่ไม่ยึดติดกับอะไรกันแน่

แล้วความเหงาล่ะ เกิดจากฉันติดคนขึ้นมาแล้วหรือไง?

ไม่มีความคิดเห็น: