วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

หยุด...เพื่อก้าวต่อ

เมื่อมันมีอะไรวุ่นวายเข้ามาในชีวิตพร้อมๆ กันหลายอย่าง หลายเรื่อง หลายมุม หลายประเภท ฉันเลือกที่จะหยุด อยากประเดประดังกันเข้ามานักใช่มั้ย หยุด ไม่มีการตัดสินใจ ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆ 

ฉันตื่นมาเพื่อเจอหน้าเพื่อนฝูง กินๆ ดื่มๆ ร้องเพลง แม้จะอยากทำบ้าง ไม่อยากทำบ้าง ก็ทำให้มันผ่านพ้นไปวันๆ รอให้อารมณ์เดือดปุดๆ คลายความร้อนลง จะได้ไม่ทำอะไรที่จะต้องมาแก้ไขทีหลังเมื่อทุกอย่างสายเกินไป 

ฉันมีเพื่อนดีอย่างน้อยสามคน หนึ่ง เจอหน้าฉันตลอดช่วงสามสี่วันที่ผ่านมา รับฟังเรื่องราว อยู่กิน นั่งข้างๆ กัน สอง รับฟังปัญหาฉัน แล้วก็ไปจัดการช่วยฉันเบ็ดเสร็จ แล้วส่งที่เหลือให้ฉันทำต่อเอง ในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรง สาม เพื่อนที่รับทุกอย่าง รับหลายเรื่อง เป็นหนังหน้าไฟ เป็นกองหน้า จัดการปัญหาเรื่องราวจนจบไปเป็นเรื่องๆ พร้อมๆ กับที่นั่งดูฉันไม่ทำอะไรเลยด้วยความเข้าใจ

ฉันไม่ใคร่เห็นความสำคัญของเพื่อนเท่าใดนักในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เพราะฉันประเมินดูแล้วว่า ฉันมักจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่พึ่งพาใคร ทั้งทางจิตใจและความช่วยเหลือเรื่องธุระปะปัง แต่เมื่อฉันเริ่มหาคนช่วย จากปริมาณงานที่ไม่สามารถจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองได้ แล้วคนที่ช่วยเหลือฉันก็คิดว่าควรจะส่งต่อให้คนอื่นทำงานให้โดยมีค่าใช้จ่าย คนอย่างฉันที่เดิมจัดการทุกอย่างเพ่ือไม่ให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น พอรู้ว่าคนที่มาทำงานให้ฉันมีความเห็นทำนองนี้แล้ว ฉันก็รู้สึกลำบากใจ ไม่ใครก็ใครไม่ต้องการเหนื่อยหากเรื่องเหล่านั้นไม่ใช่ธุระของตน ใครก็ต้องการผลักภาระ เมื่อเขาไม่ได้เป็นเจ้าของ ไม่ได้เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายและรับผิดชอบต่อผลกำไรขาดทุนของธุรกิจที่ดูแล 

ฉันซื้อพัดลมเพื่อลดการใช้เครื่องปรับอากาศ ฉ้นให้ใช้กระดาษทั้งสองหน้า ฉันรู้สึกหงุดหงิดในใจเมื่อก๊อปปี้จากเครื่องพิมพ์อเนกประสงค์ เพราะหมึกจะหมดทั้งที่เพิ่งซื้อมาใช้ไม่นาน นี่ฉันยังสรุปไม่ได้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไร เพราะไม่รู้ว่าการที่พิมพ์เองกับให้ออฟฟิศของตึกพิมพ์ให้ราคาแผ่นละ 2 บาทอะไรจะถูกกว่ากัน ฉันแค่คิดว่า ถ้าเราเอากระดาษไปให้เขาก๊อปปี้ซึ่งเคยเสียแผ่นละ 50 สตางค์ ดูจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

ฉันรู้สึกว่าเมื่อฉันเริ่มปล่อยงานให้คนมารับช่วงต่อ ค่าใช้จ่ายช่างพอกพูน ค่ารถ ค่าแรง ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ทำไมเจ้านายเก่าคนที่ฉันไม่เห็นด้วยกับการกระทำมากที่สุด จึงเป็นคนที่แวะเวียนเข้ามาให้ฉันเห็นหน้าอยู่เรื่อยๆ เขาคนที่ฉันทำอะไร ๆ เหมือนกับที่เขาเคยทำและฉันไม่ชอบ 

ฉันเริ่มรู้สึกว่า ป่วยการที่จะอธิบาย เพราะเมื่อไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดียวกันจะไม่เข้้าใจ แค่กำหนดว่าให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ดูจะทำให้ชีวิตง่ายกว่า อธิบายแล้ว เมื่อยืนอยู่คนละจุดก็จะไม่ "เห็น" เหมือนที่ฉันเห็น

แล้วก็ทำให้ฉันย้อนนึกถึงแม่ แม่ฉันเป็นอยู่อย่างที่เป็นได้อย่างไร ทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วง ดูแลทุกชีวิตในปกครองตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา เธอมีอะไรเป็นกำลังใจรึ ฉันเองไม่เห็น มีแต่สิ่งบั่นทอนกำลังใจทุกช่วงทุกเวลา น้อยครั้งที่จะเห็นแม่พูดด้วยความน้อยใจ ส่วนใหญ่จะเป็นการบ่นที่สิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปดั่งใจ แล้วแม่ก็เติมกำลังใจให้ตัวเอง แล้วก็ดำเนินชีวิตต่อไป ทำหน้าที่มากมายที่แบกรับไว้เพียงผู้เดียวได้ดีเท่าที่ผู้หญิงแกร่งคนนึงพึงกระทำได้

ฉันบอกตัวเองเสมอว่าฉันไม่เลือกจะเป็นอย่างนั้น และฉันจะไม่เป็นอย่างนั้น แต่บางครั้งเราก็เลือกไม่ได้หรอก นี่ก็แค่ถึงเวลาที่ฉันต้องทำหน้าที่ แสดงบทบาทที่ต้องทำ เมื่อฉันคือคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับหน้าที่นี้ 


ไม่มีความคิดเห็น: