วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2552

หรือว่าเป็นคู่...ชีวิต (16)

กลับบ้านคืนนั้น นพนาศนอนจนถึงเย็น...

หล่อนสับสนจนไม่อยากตื่น ตื่นมาพบว่าหล่อนกำลังมีความรู้สึกพิเศษกับผู้ชายที่หล่อนเพิ่งดูดวงให้ ผู้ชายที่อายุน้อยกว่าหล่อน 9 ปี

ป้าเป้โทรมาหาเป็นครั้งที่ 2 แล้ว หล่อนจำต้องรับสาย

"ป้าขา วันนี้นาศอยากอยู่คนเดียว " น้ำเสียงหล่อนเศร้าซะจนตัวเองก็รู้สึกถึงความผิดหวังตั้งแต่ยังไม่ได้คาด ป้าเป้ดูจะเข้าใจจากเสียงของหล่อนกระมัง เพราะคืนนั้นป้าเป้ไม่ได้โทรมาหาหล่อนอีกเลย

หลังจากนอนจนไม่รู้ว่าจะนอนต่อไปได้ยังไง ความคิดสับสน พลุ่งพล่าน เรื่องนั้นเข้ามา อีกเรื่องเข้ามาแทรก แล้วหล่อนก็เริ่มทำสิ่งที่หล่อนชอบทำเป็นประจำอีกครั้งเวลาที่รู้สึกประทับใจใครๆ ...เข้าอินเตอร์เน็ต

ข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนต่างวัย...เริ่มต้นด้วยคู่เคน-หน่อย แล้วก็คำแนะนำของดร.เสรี วงศ์มณฑา...สำหรับความรักระหว่างหญิงที่อายุมากกว่าชาย

http://www.manager.co.th/lady/QandA_Health/QAQuestion.aspx?QAID=10636&BrowseID=71

***

ปัญหาของการมีแฟนต่างวัยคืออะไร

ถาม: เรียน: อาจารย์ที่เคารพ
สิ่งที่เป็นปัญหาคาหัวใจของหนูอยู่ขณะนี้ ก็คือ หนูคบกับแฟนมาได้ 1 ปีกว่าๆ เราอยู่หมู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่เคยได้รู้จักหรือพบเจอหน้ากัน ที่รู้จักกันได้เพราะมีงานประจำปีของหมู่บ้าน เขาประทับใจเพราะรู้สึกว่าท่าทางหนูเป็นคนอารมณ์ดี รักเด็ก เป็นคนร่าเริง ถ้าได้รู้จักก็จะดีมาก ซึ่งทั้งหมดหนูได้ถามเขาจากปากเขาหลังจากที่คบกันมาได้สักระยะ หนูยอมรับว่าสิ่งที่เขาเห็นคือความเป็นตัวตนของหนูจริงๆ ส่วนหนูก็ประทับใจในตัวเขาเพราะเขาเป็นคนที่มีความคิดที่ดี มองโลกในแง่ดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่ปัญหาที่สำคัญคือ หนูอายุมากกว่าเขา 13 ปี ค่ะ (หนู 35/ เขา 22) ซึ่งขณะที่เราคบกันเขารับราชการทหาร ส่วนหนูกำลังเรียนปริญญาโท มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งที่มั่นคง ซึ่งหนูไม่เคยคิดว่าจะเป็นปัญหาอะไร เพราะคนเราก็สามารถสร้างตัวเองได้ และอายุเขาก็ยังน้อย แน่นอน ทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิย่อมต่างกัน มีก็เรื่องอายุที่หนูยังแคร์สายตาคนอื่นและสังคมรอบข้างอยู่บ้าง แต่เขามีความมั่นคงและสร้างความเชื่อมั่นทำให้หนูไม่คิดกังวลเรื่องความห่างของอายุเลย

ตอบ: ยามรักกันทุกอย่างย่อมดีไปหมด ไม่มีปัญหา ดังนั้นการที่เขาอายุอ่อนกว่าหนูก็คงไม่เป็นปัญหาอะไรสำหรับหนูและตัวเขาเอง ตัวเขาก็จะไม่ใส่ใจว่าจะมีเมียแก่ ส่วนหนูก็คงไม่ใส่ใจว่าจะมีคนกล่าวหาว่ากินเด็ก ยามนี้หนูก็คงพยายามจะทำตัวเป็นคนทันสมัย ไม่ยอมแก่ เพื่อให้เข้ากับเขาที่อายุน้อยกว่าได้ ส่วนเขาเองก็คงพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ที่บรรลุวุฒิภาวะ ถ้าหากความพยายามดังกล่าวนั้นทำนานๆจนกลายเป็นนิสัยที่แท้จริงในระยะยาวได้ หนูและเขาก็จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่หากความพยายามที่ทำกันอยู่ในเวลานี้เป็นความพยายามเพื่อทำคะแนนให้อีกฝ่ายหนึ่งพอใจ แต่ไม่ใช่ความสมัครใจที่แท้จริง มันจะเป็นการฝืนใจ และความพยายามดังกล่าวจะอยู่ไมได้นาน ในที่สุดทั้งหนูและเขาก็จะกลับไปเป็นตัวตนที่แท้จริง ซึ่งถ้าหากว่าต่างฝ่ายยอมรับความเป็นตัวตนที่แท้จริงของกันและกันได้ หนูและเขาก็จะอยู่ด้วยกันได้ต่อไป

อย่างไรก็ตามมีข้อเตือนใจให้หนูพิจารณาเพื่อให้ระวังอนาคตไว้บ้าง (ไม่ได้ยุให้หนูเลิกกันนะ แต่เป็นข้อเตือนใจที่ควรพิจารณา) สิ่งที่ต้องพิจารณามีดังนี้

1. ตามปรกติแล้ว ถ้าอายุเท่ากัน ผู้หญิงมักจะบรรลุวุฒิภาวะ รู้จักคิด รู้จักจัดระเบียบวินัยชีวิตได้เร็วกว่าผู้ชาย ดังนั้นเมื่อหนูเป็นผู้หญิงและอายุมากกว่าเขา หนูก็จะบรรลุวุฒิภาวะเร็วกว่าเขามาก ขณะที่หนูรู้จักการจัดระเบียบชีวิต เขาจะต้องการความสนุกโดยไม่คิดหน้าคิดหลังอยู่ ดังนั้นต้องระวังที่รูปแบบการดำเนินชีวิต เรื่องการเที่ยว การใช้เงิน มุมมอง และโลกทัศน์ของหนูและเขามีสิทธิ์ต่างกันได้

2. ผู้หญิงแก่ง่ายกว่าผู้ชายอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อหนูแก่กว่าเขาอยู่แล้ว อีกหน่อยหนูก็จะแก่กว่าเขามากกว่านี้อีกมาก


3. ผู้ชายมักจะชอบผู้หญิงที่สรีระและความงาม ในขณะที่ผู้หญิงชอบผู้ชายที่ความดีและความมั่นคง ดังนั้นเมื่อเขาอายุมากขึ้น เขาก็จะยิ่งมีความมั่นคง หนูก็จะรักเขามากขึ้น แต่เมื่อหนูแก่กว่านี้ หากหนูไม่ดูแลตัวเองให้ดี หนูจะหมดความสวย ถึงเวลานั้นหากความดีหนูไม่มากพอที่จะชดเชยความงามที่หายไป เขาอาจจะหมดรักหนูได้

4. ผู้หญิงหยุดเที่ยว หยุดสนุกเร็วกว่าผู้ชาย ดังนั้นเมื่อหนูแก่กว่าเขา หนูก็จะหยุดเที่ยว หยุดสนุกเร็วกว่าเขามาก


5. ผู้หญิงหยุดความต้องการทางเพศเร็วกว่าผู้ชาย ดังนั้นหนูจะหมดความต้องการทางเพศเร็วกว่าเขา ดังนั้นเขาอาจจะต้องหาทางระบายความต้องการทางเพศกับคนอื่นเมื่อหนูหมดความต้องการแล้ว

6. เวลาดีๆกัน เรื่องอายุจะไม่เข้ามาเป็นปัญหา แต่เมื่อทะเลาะกัน ประเด็นดังกล่าวสามารถเข้ามาเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ทะเลาะกัน (เช่นถ้าหากเขาไปติดผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า แล้วหนูบอกให้เขากลับมาหาหนูเพื่อลูก เขาอาจจะพูดว่า “ลูกบังคับทำ” เขาไม่สนใจ คำพูดเช่นนี้คือการบอกว่าเขาไม่ได้รักหนู แต่หนูรักเขา และเขาจำใจต้องมีเพศสัมพันธ์กับหนูจึงมีลูก ที่เรียกว่า “ลูกบังคับทำ”)


7. ทั้งเขาและหนูอาจจะไม่ถือเรื่องอายุเพราะหนูรักกัน แต่สำหรับผู้ชายหากเพื่อนล้อว่ามีเมียแก่บ่อยๆเข้า ก็จะแสดงตนว่าเป็นคนที่ไม่กลัวเมียที่แก่กว่าด้วยการแสดงให้เพื่อนเห็นว่าสามารถออกไปเที่ยวหาสาวๆที่อายุน้อยกว่าตนเองได้ทุกเมื่อ จะทำให้เขาออกนอกลู่นอกทาง ทั้งๆ ที่ไม่ตั้งใจ


ถาม: หนูยอมรับว่าคบคนยากเพราะหนูไม่เก่งเรื่องความรัก ถ้าคบใครก็จะขอดูๆ กันไปก่อนแต่เขากลับน้อยใจว่า เขาเต็มที่กับเราอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ทำไมเราถึงยังใจแข็งอยู่กับเรื่องนี้ จนในที่สุดความใกล้ชิด การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ความเอาใจใส่ของเขาที่มี หนูรู้สึกรักและเริ่มมีความคิดคล้อยตามเขาในเรื่องการสร้างชีวิตคู่ร่วมกัน เพราะเขาขอเวลาอีก 2 ปีก็จะให้พ่อขอหนูแต่งงาน เนื่องจากความจำกัดในเรื่องของอายุ เขากังวลถ้าคบกันนานไปหนูอาจมีลูกให้เขาไม่ได้ แต่หนูยังไม่คิดไกลถึงขั้นนั้น ในใจหนูก็ยังคิดว่าเร็วไปกับการตัดสินใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป จนเขาปลดจากการเป็นทหาร เขามีงานประจำทำ ซึ่งเป็นงานของพี่สาวของเพื่อน เป็นงานรับจัดสวน หนูอยากให้เขาทำงานบริษัทเพราะเห็นว่ามั่นคงดี เขามีเหตุผลที่ต้องรับฟังคือ งานนี้อิสระและมีโอกาสก้าวหน้ามากกว่า อยากสร้างฐานะของตัวเองให้ดี หนูก็ยินดีและส่งเสริมเขา

เขาทำงานได้ประมาณ 2 เดือน ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนแปลงมาก เมื่อก่อนตอนเป็นทหารอยู่กรม เขาอยากเจอ อยากคุย อยากไปรับที่ทำงาน ห่วงว่าหนูจะลำบากเวลากลับบ้านเอง แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะต้องอยู่กรม พอมีเวลาได้ออกมาอยู่ข้างนอกกลับไม่เป็นแบบเดิม เขาทำงานเลิกทุ่ม สองทุ่ม แต่คนที่เป็นฝ่ายอยากเจอ อยากคุยกลับเป็นหนูแทน เขาเริ่มค้างที่ทำงานเพราะบอกว่าไม่รู้จะรีบกลับบ้านไปทำไม กลับไปก็ไม่ได้เจอใคร หนูก็ไม่ได้เจอ แต่ไม่รู้หรอกว่าหนูอยากเจอเขาขนาดไหน เพราะหนูก็ไม่อยากเรียกร้อง กลัวว่าเขาเหนื่อยก็อยากให้กลับบ้านไปพักผ่อน ไว้โทรคุยกันแทนก็ได้

จุดนี้เองที่ทำให้ตัวหนูกลายเป็นคนงี่เง่าในสายตาเขา หนูห้ามไม่ให้เขาค้างที่ทำงาน ไม่ใช่ว่าหึงนะคะแต่บ้านก็มีอยู่ทำไมไม่คิดว่าหนูก็อยากคุยกับเขาบ้างเพราะทางกลับบ้านก็ทางเดียวกัน เขาเริ่มปิดตัว เริ่มไม่ค่อยโทรหา ถ้าหนูโทรไปกลับกลายเป็นการจับผิด จุกจิกโทรตาม หนูนิสัยไม่ดีตรงที่ต้องรู้คำตอบและต้องโทรจนกว่าเขาจะรับ จะว่าหนูแย่มากก็ได้ที่ทำตัวเหมือนคนบ้าในเวลานั้น

อยู่มาวันหนึ่ง หนูถามเขาว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขาเล่าให้ฟังหมดว่า สังคมที่เขาเจอเป็นสังคมที่เท่าเทียมกัน เพื่อนมีแฟนที่รุ่นราวคราวเดียวกันดูแล้วเขาเหมาะสม ไม่ต้องเร่งสร้าง เร่งทำฐานะ เขารู้สึกกดดันทั้งๆ ที่เขาเองเป็นคนที่ต้องการจะเข้ามาอยู่ในชีวิตหนูนะคะ ซึ่งหนูก็ให้โอกาส และให้กำลังใจช่วยเหลือแนะนำเขามาตลอด

ที่สำคัญที่สุดพี่สาวเพื่อนที่เป็นเจ้านายเขาได้เล่าให้เขาฟังว่า ผู้หญิงที่มีแฟนอายุน้อยจะรู้สึกภูมิใจมากกว่าผู้ชายที่มีแฟนแก่ แถมยังยกตัวอย่างน้องชายให้ฟังว่า น้องมีแฟนอายุมากกว่าโทรจิกโทรตามไปไหนก็ไม่ได้ ขาดอิสระ (พี่สาวเพื่อนที่เป็นเจ้านายอายุมากกว่าหนู 2 ปี ก็มีสามีและมีลูก 1 คน) ทุกสิ่งทุกอย่างเขาเก็บมาคิดกับหนู กลัวว่าต่อไปชีวิตเขาต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ

ผู้หญิงคนนี้ยังบอกกับเขาว่าหนูไม่สามารถทำให้ฝันของเขาประสบความสำเร็จได้ ซึ่งหนูเสียใจมากที่ให้คนอื่นมาพูดดูถูกหนู ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รู้จักหนูเท่าเขา และหนูก็พร้อมกว่าเขาทุกอย่างหนูก็ไม่เคยเอามาเปรียบเทียบ

หนูโมโหเลยถามเขาว่า เราจะทำแบบนั้นเพื่ออะไร เขากลับสวนมาว่าผู้หญิงคนนั้นที่เป็นเจ้านายเขาอาจเป็นคนเข้ามาเปิดใจให้รู้ว่า เขาควรจะตัดสินใจกับหนูอย่างไร และผู้หญิงคนนั้นยังบอกอีกว่า เขาพูดความจริงเขาจะดึงแฟนหนูไว้เพื่ออะไร
แฟนหนูเชื่อเขาแล้วเอาเรื่องทั้งหมดมาตัดสินโดยการ ขอคบกับหนูเป็นเพื่อน พี่สาวเท่านั้น ซึ่งคำพูดนี้ครั้งหนึ่งหนูก็เคยขอคบกับเขาแบบพี่สาวเพราะทะเลาะกันแต่ก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรแค่งอนๆ กันธรรมดา ไม่คิดว่าคำๆ นี้จะกลับมาเล่นงานหนูเอง

ยังไม่พอ ยังมีเหตุผลที่งี่เง่าที่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เขากลัวคำพูดที่อ่อนหวาน ไพเราะของหนูจะทำให้เขาต้องตกอยู่ภายใต้คำพูดและความคิดทั้งหมดของหนูคนเดียว หนูเหนื่อยใจมากค่ะ หนูได้ชี้แจงและพิสูจน์ตัวเอง โดยการโทรไปหาผู้หญิงคนนั้น ว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงคนนั้นก็พูดว่าเขาเล่าตามที่ได้ยินมา แฟนหนูกลับคิดว่าหนูทำเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ความผิดถึงตัว เขายังยืนยันว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนที่เข้ามาเปิดใจเขาให้เห็นอะไรในตัวหนูมากขึ้น

แล้วในที่สุดเราก็เลิกคบกัน หนูก็พยายามยื้อและแก้ไขปัญหาอย่างดีที่สุดแล้ว แต่เขายังมีทัศนคติกับหนูในแง่ลบตลอด หนูหมดกำลังใจจริงๆ ค่ะ แต่สิ่งที่ยังค้างอยู่ในหัวใจของหนูก็คือ ไม่คบกับหนูไม่เป็นไร แต่ทำไมต้องยัดเยียดในสิ่งที่หนูไม่ได้เป็นให้หนูเป็นผู้รับ แถมยังให้คนอื่นเข้ามามีส่วนร่วมตัดสินในตัวหนู

หนูโง่ที่ได้คบกับคนๆ นี้ หรือประสบการณ์ วุฒิภาวะ ต่างๆ ของเขาเป็นเหตุให้เขาคิดได้เท่านี้

เขาหมดใจใช่ไหมคะ หรือหนูเองที่ผิดไม่รับรักเขาตั้งแต่ทีแรก ตอนนี้หนูต้องต่อสู้กับความรู้สึกเหล่านี้มาตลอด และเฝ้าถามตัวเองว่า เราร้ายกาจขนาดนี้เลยเหรอ เราแย่ขนาดนี้เชียวหรือ อะไรคือคำตอบกันแน่คะ !!!!!

ตอบ:
1. เขายังอยากสนุก และเขารู้ว่าเขาอยู่กับหนูเขาสนุกไม่ได้

2. เขากลัวว่าหนูที่อายุมากกว่า จะมาคอยตักเตือนสั่งสอนเขาให้ต้องรำคาญใจ


3. เขากลัวว่าหนูจะตั้งกติกากับเขา ในฐานะที่หนูเป็นฝ่ายให้การสนับสนุนเขา และมีบุญคุณกับเขา

4. เขาอายเพื่อนที่มีแฟนอายุมากกว่า เขาไม่ต้องการดูแย่ในสายตาของเพื่อนๆ


5. เขาไม่มั่นใจว่าจะพาหนูออกงานไปพบกับเพื่อนๆได้ ดังนั้นหากมีงานเลี้ยง และเพื่อนคนอื่นๆ พาแฟนวัยเดียวกันไปด้วย เขาคงลำบากใจที่จะพาหนูไปด้วย เพราะกลัวเพื่อนล้อนั่นเอง

6. เขากลัวเขาจะติดค้างบุญคุณหนูจนทำให้เขารู้สึกผิดที่จะขัดใจหนู ดังนั้นเลิกกับหนูวันนี้ก่อนที่เขาจะเป็นหนี้บุญคุณหนูมากกว่านี้จะดีกว่า


7. เขาเข้ามาในชีวิตหนูครั้งแรกเพราะเขายังไม่มีโอกาสจะเจอใคร และเมื่อเข้าไปรับราชการทหารเกณฑ์ ไม่เจอใคร หนูก็เลยกลายเป็นคนเดียวที่เขาพึ่งพาได้ แต่เมื่อเขามีโอกาสมากขึ้น เขาไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาหนูสำหรับคลายเหงาอีกต่อไป เวลานี้เขามีทางเลือกแล้ว เขาย่อมเลือกสิ่งที่ทำให้เขาสบายใจและภูมิใจมากกว่า

8. เขาจะรู้สึกว่าเขาอยู่กับหนูด้วยหน้าที่ในการตอบแทนบุญคุณที่หนูสนับสนุนเขา แต่เขาอยู่กับผู้หญิงวัยเดียวกันด้วยความรัก ความพึงพอใจ เป็นความรักที่เกิดขึ้นด้วยอิสระแห่งหัวใจ แต่เขาต้องอยู่กับหนูด้วยสำนึกแห่งหน้าที่ของการเป็นคนกตัญญูที่เป็นหนี้บุญคุณที่หนูสนับสนุนเขา


9. ยามนี้เขามองแล้วว่าอนาคตของเขาไม่ได้อยู่ที่หนู เขาสามารถสร้างอนาคตที่เขาภาคภูมิใจได้จากคนอื่นในวัยเดียวกันที่สวยกว่า น่ารักกว่า พาไปไหนมาไหนได้สบายใจกว่า ดังนั้นเขาจะต้องหาทางปลีกตัวจากหนูให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

10. เขาอยากเป็นผู้ชายที่เป็นใหญ่ในชีวิตคู่ และเขามองว่าการอยู่กับหนู เขาคิดว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะเป็นใหญ่ เพราะอายุ เพราะบทบาทของการเป็นผู้สนับสนุนเขาที่หนูเคยทำมาในอดีต

ปล่อยเขาไปเถอะ อย่าไปยึดไว้เลย จำไว้ว่า “ความเหงาดีกว่าความทุกข์ทรมาน” เสียเขาไปวันนี้ หนูเสียใจไม่กี่วัน อีกไม่นานหนูก็ทำใจได้ และปรับตัวได้ ความเสียใจก็หมดไป เพราหนูต้องคิดว่า Life must go on แล้วหนูจะมาจมปรักอยู่กับความเสียใจที่ผู้ชายคนหนึ่งหมดรักหนูทำไม แต่หากคิดจะดึงเขาไว้ เขาอาจจะยอมอยู่เพื่อตอบแทนบุญคุณที่หนูมีให้กับเขา แต่เขาไม่รักหนูแล้ว ในที่สุดเขาก็จะแสดงความรัก ความคิดถึง ความต้องการที่อยากจะอยู่กับหญิงอื่นที่สาวกว่า หนูจะทุกข์ทรมานมาก และอยู่กันไปนานเท่าใด หนูก็จะทุกข์ทรมานเท่านั้น งานก็ทำไม่ได้ ไม่มีกำลังใจ กินข้าวก็ไม่อร่อย ดูหนังก็ไม่สนุก ไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่สนุก หน้าตาก็ไม่สะสวยเพราะอมทุกข์ ไม่มีจิตใจที่จะดูแลตัวเอง แต่เมื่อเราปล่อยเขาไป ไม่มีอะไรที่ต้องระแวงระวังต่อไป หน้าตาเราก็จะสดใส มีสมาธิในการทำงาน มีจิตใจที่จะดูแลตัวเอง ทำอะไรก็สนุกขึ้น กินข้าวก็อร่อยขึ้น อย่าทุกข์ทรมานต่อไปเลยครับ อย่ายื้อผู้ชายที่หมดรักเรา อย่าอยู่กับความระแวงให้ใจเป็นทุกข์ อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการไม่ยอมรับความจริงว่าเรากับเขาไปด้วยกันไม่ได้ รู้ตัวเร็ว ตัดสินใจเร็วเท่าใด ก็สามารถหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานได้เร็วเท่านั้น และเมื่อปล่อยเขาไปแล้ว ต้องทำใจให้มีความสุข อย่ามีความรู้สึกเสียดาย หรืออาลัย ให้คิดถึงความทุกข์ทรมานที่เราต้องอยู่กับเขา เปรียบเทียบกับความสบายใจที่เราไม่ต้องอยู่กับความระแวงอีกต่อไป ไม่ต้องประสบปัญหากับความน้อยใจเมื่อเขาเอาหญิงอื่นที่มาที่หลังเรามาเป็นคนที่มาค่า มีความสำคัญสำหรับเขามากกว่าเราที่ได้ช่วยให้เขาได้เริ่มต้นชีวิต


รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา

ดร. เสรี วงษ์มณฑา 23 ส.ค. 50

***

นพนาศนั่งอ่านและวิเคราะห์อยู่อย่างหมดหวัง มีสายเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือ...หมายเลขไม่คุ้นเคย เสียงน่าจะคุ้นเคยแต่หล่อนก็จำไม่ได้ในวินาทีแรกที่รับสาย

คนที่ตั้งตัวไม่ติดเป็นอย่างนี้นี่เอง... บอสโทรมาชวนนพนาศไปร้านอาหารที่เขามีหุ้นอยู่ สายแรกจากบอส ทั้งๆ ที่ปกติจะเป็นสายจากป้าเป้ที่ชวนไปเที่ยว โน่น นี่ นั่น แต่พอดีวันนั้นป้าติดงานด่วน กว่าจะเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนกลางคืนกลุ่มนี้

"ป้าเป้ติดงานกว่าจะเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน วันนี้ไปที่ร้านผมมั้ยครับ"

"เอ่อ ยังไม่ได้แต่งตัวเลย รถก็เอาไปซ่อมอยู่ ไว้รอป้าละกันค่ะ" นพนาศสรรหาเรื่องทั้งหลายที่จะปฏิเสธ ข้ออ้างสารพัดที่หล่อนก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องทำอย่างนั้น ทั้งๆ ที่หล่อนก็คิดถึงเขาอยู่ทุกนาทีจนต้องค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบความสัมพันธ์ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเขากับหล่อน

"งั้นไว้รอป้าละกันนะ จะได้ไม่เป็นไฟลท์บังคับ"

"ค่ะ"

นพนาศคิดอยู่ว่าจะแต่งตัวออกข้างนอกดีมั้ย บอสโทรมาทำไม เขาแค่ชวนในฐานะที่เที่ยวด้วยกันหลายครั้งแค่นั้นรึเปล่า หล่อนกลัวจะลำเอียง คิดเข้าข้างตัวเอง

คืนนั้นป้าเป้ไม่ได้โทรมา แต่วันรุ่งขึ้น ป้าก็เล่าให้ฟังว่าบอสถามถึง ซึ่งป้าก็บอกไปตามตรงว่าวันนี้หล่อนอยากอยู่คนเดียว การที่บอสอยู่เที่ยวกับป้าเป้ต่อแค่ครึ่งชั่วโมง ทำให้นพนาศคิดไปถึงไหนๆ หล่อนคิดว่า คงเป็นเพราะเขาตั้งใจมาหาหล่อนไง พอไม่เจอก็ไม่อยู่ต่อ

เวลาคนเรามีความรู้สึกพิเศษกับใคร อะไรๆ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ก็คิดเข้าข้างตัวเองกันทั้งนั้น

คืนถัดมา นพนาศอดรนทนไม่ได้ หาข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารที่บอสมีหุ้น เห็นรายการอาหารจานเด็ด "เมี่ยงหอยแครง" หล่อนต้องไปลองซะหน่อย ส่วนความหวังเล็กๆ ที่ว่า หุ้นส่วนอาจจะแวะมาที่ร้านก็ทำให้หัวใจพองโตจนแทบจะทำให้ป้าเป้และน้องเจนเป็นห่วงว่าหล่อนจะบ้าบอสเหมือนศรุตอีกแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น: