วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2552

หรือว่าเป็นคู่...ชีวิต (11)

จะใครซะล่ะที่โทรมา...ป้าเป้นั่งเอง

ป้าเป้มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ พร้อมมุขตลกๆ ให้คนอยู่ใกล้ได้ขำอยู่เสมอ นพนาศเองก็สงสัยในอัจฉริยภาพของป้าที่สามารถคิดมุขได้ทุกสิบนาที ป้าโทรมาคอนเฟิร์มอีกครั้งว่า หล่อนจะไปงานของพี่ฬารรึเปล่า

"ไปซิ ไป" นพนาศย้ำให้ป้ามั่นใจว่า ไม่เบี้ยวแน่คราวนี้

หล่อนไปรับป้าที่บ้าน น้องดอม เด็กขี้เหงาอายุ 22 ที่มาติดป้าอย่างหนักพร้อมกับปรึกษาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับป้าเสมอๆ รออยู่ที่นั่นอยู่แล้ว สามคนนั่งรถของนพนาศ ป้าเป้เป็นนาวิเกเตอร์บอกทางที่แสนจะลดเลี้ยวเคี้ยวคด นพนาศเคยขับตามคำบอกของป้าหลายครั้งแต่ไม่เคยจำได้สักที ร้านนมวัวย่างของโปรดที่หล่อนเพิ่งค้นพบก็ไปทางนี้เช่นกัน

"ถ้าป้าไม่ได้มากับนาศ แล้วนาศโทรถามทาง ป้าจะบอกถูกมั้ยเนี่ย"
"คงถูกมั้ง ป้าอาศัยจำเอา"

นพนาศไม่คิดว่าป้าจะสามารถบอกทางโทรศัพท์ได้หรอก คงต้องมาเห็นแยกเห็นสถานที่ถึงจะบอกได้ว่าต้องเลี้ยวไปทางไหน

นพนาศไม่รู้จักใครแม้สักคนในงาน แต่ถ้าจะบอกว่าเคยเห็น รู้จักผ่านวารสาร ผ่านทีวี อย่างนั้นก็พอมีบ้าง หล่อนจึงนั่งอยู่ที่โต๊ะในสนามหญ้ากับดอมระหว่างที่ป้าเป้ไปทักทายใครๆ ในงาน

งานเลี้ยงนี้จัดที่บ้านของพี่ฬารและพี่รอยสามี เป็นทั้งงานปีใหม่ งานครบรอบแต่งงาน 30 ปีและงานวันเกิด

"จัดแล้วคุ้มจริงๆ " นพนาศเอ่ยขึ้นลอยๆ

บ้านพี่ฬารเป็นบ้านสองชั้นมีถนนปูนเป็นทางเข้า แต่ตอนนี้ก็วางโต๊ะให้แขกที่มาร่วมงานนั่งได้สัก 20 คน สุดถนนที่ว่า เป็นโต๊ะวางอาหาร ปูนึ่ง กุ้งลวก หอยแมลงภู่ สปาเก็ตตี้ แกงเขียวหวาน ต้มยำหัวปลา ปูอัด วางเรียงรายรอให้แขกในงานเกิน 70 มาตักด้วยตัวเอง เดินไปอีกนิดทางด้านหลังหน้าห้องน้ำ มีเตาปิ้งปูและกุ้งอยู่ ด้านซ้ายของถนนเป็นตัวบ้านส่วนทางขวาเป็นสนามหญ้า ที่ปรับเป็นตั้งของเวทีและโต๊ะร่วมสิบ

ทีมป้าเป้เปิดโต๊ะใหม่นั่งไม่ไกลจากเตาปิ้งย่างเท่าใดนัก อาหารจานแรกจึงเป็นปูและกุ้งย่าง ป้าเป้คนชอบบริการเดินไปตักอาหารมาให้คนที่โต๊ะรับประทานอยู่หลายรอบ

จากนั้นไม่นาน น้องบอสกับน้องโจ้ก็ตามมา นพนาศเคยเจอน้องบอสแล้ว เขาเป็นพิธีกร เคยเล่นละครและเล่นหนัง แต่อาชีพพวกนี้ก็ไม่แน่นอน งานพิธีกรก็หมดสัญญาไปแล้ว รอเทสต์หน้ากล้องและเจรจาเรื่องการเป็นพิธีกรอีกรายการหนึ่งของเคเบิลทีวี น้องบอสจึงเป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่วนเวียนไปมาในชีวิตป้าเป้ แต่อย่างไรก็ไม่เท่ากับน้องดอม ดอมเบื่อๆ เซ็งๆ ไม่อยากอยู่บ้านตั้งแต่พ่อของดอมย้ายเข้ามาทำงานที่กรุงเทพ วันๆ ดอมโทรหาป้าเป้ร่วม 10 ครั้ง ตอนแรกนพนาศก็ไม่เชื่อตามที่ป้าเป้เล่าให้ฟัง เพราะเกย์อย่างป้าอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองก็เป็นได้ ดอมเป็นผู้ชายที่หล่อมาก รูปร่างหน้าตา เป็นนายแบบได้สบายๆ เพียงแต่ตอนนี้ ยังว่างงานอยู่ กอรปกับลงเรียนน้อย เวลาอยู่กับแฟนนัมเบอร์วันก็อึดอัด เพราะสาวเจ้ามีความต้องการมากเหลือเกิน ส่วนแฟนนัมเบอร์ทูที่วิ่งตามน้องดอม แม้จะไม่สวยเท่าคนแรก แต่การถูกรักย่อมสบายใจกว่าไปรักใครแล้วมักมีปัญหา

ไม่นาน สาวนัมเบอร์ทูของน้องดอมก็ตามมานั่งที่โต๊ะ ทั้งหมด 6 คน นพนาศ ป้าเป้ ดอม หมวย บอสและโจ้เหมาโต๊ะไปทั้งโต๊ะ นพนาศไม่แน่ใจว่า มันออกจะเกินไปรึเปล่าที่ป้าเป้ขนน้องๆ มาร่วมงานทั้งโต๊ะ แต่พอหล่อนเหลียวไปข้างหลังเห็นมีโต๊ะว่างอยู่อีกหนึ่ง หล่อนก็โล่งใจว่าอย่างน้อยถ้ามีใครมาเพิ่มก็ยังมีที่นั่ง

น้องโจ้เป็นคนที่พูดน้อยที่สุดในโต๊ะ และการที่มีคาราโอเกะบนเวที เสียงคนร้องก็กลบเสียงการสนทนาที่โต๊ะซะส่วนใหญ่ อีกทั้งอาหารทะเลสด หวานยิ่งดึงดูดความสนใจจากการสนทนา

เรื่องสำคัญของวันนี้ก็ไม่พ้น การสืบข่าวของศรุตเพิ่มเติม ตามแผนของป้าเป้และน้องเจนที่ต้องการให้นพนาศตาสว่างซะที ป้าเป้ไปคุยกับที่ฬารอยู่พักใหญ่ พอป้าเป้เดินกลับมา แม้นพนาศจะอยากรู้สักแค่ไหน หล่อนก็รู้ว่าควรจะรอจนจบงาน ให้ป้าเล่าให้ฟังตอนที่อยู่ในรถ

นพนาศอยากให้งานจบเร็วๆ หรือไม่ก็ทั้งกลุ่มตัดสินใจโยกย้ายไปเที่ยวที่อื่นซักที แต่หล่อนก็รู้ว่า ต้องรอ ป้าเป้ขึ้นเวทีร้องเพลง Live & Learn เหมือนกับป้ากมลามาร้องด้วยตัวเอง แต่เสียท่าตอนขึ้นเวที เดินตกเวทีให้ต้นไม้รับซะอย่างงั้น

"ใครจะไปรู้ว่าเวทีมันแคบอย่างนั้นล่ะ" ป้าเป้กล่าวอย่างหัวเสีย ส่วนทุกคนก็ขำกันอย่างที่คนไทยมักจะขำเมื่อยามที่ใครทำเรื่องเปิ่น หรือเซ่อๆ ซ่าๆ โชคดีที่คนเปิ่นเป็นป้าเป้ หากเป็นจำพวกที่มีอีโก้สูง ก็จะกลายเป็นหัวเราะเยาะไป

นพนาศได้ขึ้นร้องบนเวทีด้วย หล่อนเลือกเพลง "คนพิเศษ" เพลงเดียวกันกับที่หล่อนตั้งใจจะร้องให้ศรุตฟังหากมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง นพนาศร้องราวกับว่า หล่อนรู้...โอกาสเช่นนั้นคงไม่มาถึง

และแล้ว คนทั้งสามเพศทั้งหกคนก็ขอตัวกลับก่อน น้องดอมไปส่งหมวยที่บ้านและต้องรีบกลับบ้านเพราะวันรุ่งขึ้นมีนัดกับน้องแต้ว สาวนัมเบอร์วันแต่เช้า ที่เหลืออีกสี่คนไม่มีเคอร์ฟิว ป้าเป้ขึ้นรถของนพนาศ โจ้กับบอสขับตามไปอีกคันเพื่อไปเจอกันที่ร้านประจำของป้าเป้กับนพนาศ

ขึ้นรถ...นพนาศไม่รอช้า

"ป้า เล่ามา"

ไม่มีความคิดเห็น: