ป้าเป้ชวนนพนาศไปแซทเทิร์น บาร์เกย์แห่งนี้มาหลายครั้งแล้ว
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างต้องรอเวลาที่เหมาะสม นพนาศได้ยินกิตติศัพท์บาร์เกย์แห่งนี้จากลูกพี่ลูกน้องเกย์รุ่นใหญ่มาพักนึงแล้ว และในที่สุดก็ได้ฤกษ์ไปเยือนเสียที หล่อนเสียค่าเข้าหรือจะเรียกว่าค่าดริ๊งค์ที่บังคับให้จ่ายในราคา 300 บาทสำหรับดูโชว์ชายล้วน ป้าเป้ขยายให้ฟังว่า โชว์ที่นี่เป็นโชว์ที่รีรันไปจนถึงเที่ยงคืนครึ่ง เข้าชมเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วก็ดูไปจนถึงโชว์สุดท้ายที่เรายังไม่ได้ดู
โชว์วันนั้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าผู้ชายแก้ผ้า ปิดๆ เปิดๆ อาบน้ำ ถูสบู่บ้าง หรือไม่ก็ถือหนังสือโป๊เป็นเครื่องช่วยให้ตนถึงจุดสุดยอด นพนาศไม่รู้หรอกว่า ตอนจบโชว์ที่ว่า มีเครื่องยืนยันว่าถึงจุดหรือไม่ หล่อนดูไปทั้งอยากรู้ชะโงกหน้าไปดูจากชั้นลอย อีกทีก็หลบไปข้างหลังเพราะพี่จูน สาวเปรี้ยวชอบเคี้ยวเด็กที่มาด้วย ส่งเสียงร้องวี๊ดว้ายถูกใจเป็นที่สุด พี่จูนกับหล่อนชอบผู้ชายคนละสไตล์ แต่หล่อนก็ไม่บอกให้เธอรู้หรอกว่าหล่อนชอบแบบไหน จะแบบไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่สูงผอม ผิวคล้ำอย่างศรุต
หล่อนมองอย่างพิศวงในความสามารถของเด็กที่เต้นโชว์ ทำไม "น้องชาย" ของเขาเหล่านั้นไม่รู้จักหลับจักนอน
น้องชาย "ลุก" ทั้งเพลง!
ในสายตาของนพนาศ ผู้ชายที่แสดงโชว์บางคนหน้าตาไม่ได้เรื่องเลย แต่ก็อีก รสนิยมของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ หล่อนพอจะเข้าใจอะไรได้นิดหน่อย น้องชายของอีตานั่น สูงใหญ่ ยาว ผิดมนุษย์มนา เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ได้เห็นกับตาตัวเองก็คงไม่เชื่อ อีกทั้งญาติผู้พี่เกย์รุ่นใหญ่ของหล่อนก็เคยเล่าให้ฟังว่า "เด็กคนนึงของพี่ก็เท่าไม้บรรทัดเลย ไม่ใช่ไม้โปรนะ"
เรื่องสัปดนเบี่ยงเบนความสนใจของนพนาศจากศรุตได้พักหนึ่ง หล่อนรู้ตัวดีว่า อาการของหล่อนหนักขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ทำอะไรหรือหาทางแก้ปัญหา หล่อนต้องแย่ไปกว่านี้อีกไม่รู้เท่าไหร่ อายุขนาดหล่อนจะทำตัวเหมือนเด็กอายุสิบหกไม่ได้อีกแล้ว
นพนาศอยู่กับเพื่อนๆ มากขึ้น และเพื่อนๆ ก็ดูจะเข้าใจอาการ "รักเป็นพิษ" ของเธอได้เป็นอย่างดี อันที่จริง ความสัมพันธ์ของหล่อนกับศรุตยังไม่ทันไปถึงไหน มือก็ยังไม่ได้จับ ไปไหนด้วยกันก็ยังไม่ได้ไป แต่ไอ้ระเบิดลูกที่ว่า "จะเลี้ยงดูตลอดชีวิต" มันใหญ่โตมีผลมากจนหล่อนลืมไม่ลง ไม่ใช่เพราะว่าหล่อนหลงใหลได้ปลื้มว่ามีผู้แสดงความประสงค์ว่าจะขอเลี้ยงดู แต่เป็นเพราะว่า ชีวิตรักผาดโผนหลายสิบปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีใคร "ทิ้งระเบิด" ลูกใหญ่ขนาดนี้มาก่อน
ศรุตไม่ใช่ผู้ชายเหลาเหย่ ไม่มีความรู้ความสามารถ เขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง สูงจนเป็นผู้นำหล่อนได้อย่างแน่นอน แน่นอนแบบที่หล่อนปราศจากอาการกังขา เขาเคยเพาะกล้วยไม้มาก่อน ก่อนที่จะเขียนบทความ พัฒนาวงการกล้วยไม้ของไทยให้เป็นที่รู้จัก สร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจทำเงินมหาศาล แค่เขามุ่งผลิตกล้วยไม้พันธุ์พื้นๆ ปลูกง่าย ตรงกับความต้องการของตลาด การส่งออกก็สร้างฐานะให้เขาไม่รู้จักเท่าไหร่
นพนาศไม่ได้คิดอย่างเขา หล่อนอยากให้กล้วยไม้พันธุ์ที่ใกล้สูญพันธ์หรือพันธุ์หายาก ยังคงอยู่ หล่อนรู้ว่ามันเสี่ยงมากในแง่ธุรกิจ แต่ถ้าหล่อนไม่ทำแล้วใครจะทำ ใครจะเอาชีวิตไปเสี่ยงด้วยความรักความผูกพันที่มีต่อบางสิ่งอย่างร้อนแรง
นพนาศพยายามตามรอยศรุตโดยไม่รู้ตัว หล่อนต้องการเขียนบทความประชาสัมพันธ์ ชักจูง โน้มน้าวให้คนสนใจกล้วยไม้พันธุ์หายากและที่ผสมพันธุ์ขึ้นใหม่ของหล่อน นพนาศเริ่มต้นศึกษาศรุตผ่านบทความของเขา หล่อนเป็นเชอร์ล๊อค โฮมอยู่แล้ว ไม่ยากที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับเขาและผลงานผ่านอินเตอร์เน็ต ในเมื่อนพนาศเกิดมาเป็นผู้หญิง หล่อนจะทำอะไรได้มากไปกว่า "นิ่ง" แต่คนไฮเปอร์อย่างหล่อนก็ต้องทำอะไรสักอย่าง อยู่เฉยๆ หล่อนก็คงจะอกแตกตาย
ยิ่งหล่อนหาข้อมูลเกี่ยวกับเขา หล่อนก็ยิ่งทึ่ง วิธีที่เขาเขียน เนื้อหาสาระของข้อมูล เขามองกล้วยไม้พันธุ์พื้นๆ ในแง่ที่นพนาศไม่ได้คิดมาก่อน เขามีเหตุผล มีความคิดที่เป็นระบบระเบียบ เขาเขียนจนชิน เดือนนึงเขาเขียนบทความได้มากกว่า 50 บทความสบายๆ งานบางชิ้นของเขาก็เป็นที่ประทับใจหล่อนตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน หล่อนก็เพิ่งทราบว่าเป็นฝีมือของเขานี่เอง แล้วก็อีก ที่คนวิพากษ์วิจารณ์มากเหลือเกิน แต่หล่อนกลับเห็นดีเห็นงามกับงานชิ้นนั้น แถมยังปลื้มในความฉลาดที่เขาสามารถสร้างกระแสเพิ่มมูลค่าในเชิงธุรกิจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
นพนาศไขว้เขวขนาดที่ฉีกนามบัตร ลบเบอร์มือถือศรุตแลt sms ที่ส่งให้แก่กันในวันปีใหม่ ชื่อเสีย(ง)ของเขาเรื่องผู้หญิงรุนแรงเลวร้ายเหลือคณา แต่ก็อีก หล่อนก็เข้าข้างเขา ด้วยตัวหล่อนเองก็มีข่าวในเชิงนี้ไม่น้อย ทั้งๆ ที่ความจริงมีเพียงนิด แต่ก็ใส่สีกันซะใหญ่โต หล่อนยิ่งไม่เชื่อสิ่งที่ป้าเป้และใครต่อใครที่ปรารถนาดีกับหล่อน ให้ข้อมูลมากมายสนับสนุนความร้ายของเขา ยิ่งหล่อนพบข้อมูลของเขาในอินเตอร์เน็ต หล่อนยิ่งเชื่อตัวเอง นพนาศไม่ได้เสียใจกับการกระทำของหล่อน "ก็ดีแล้ว ไม่มีเบอร์ติดต่อ ไม่มีอีเมล ไม่ว่าจะอยากโทรหาขนาดไหน ก็ทำไม่ได้ นอกจากจะไปถามกับพี่ตุ่ม" หล่อนคิดเข้าข้างตัวเอง หาเหตุผลให้ตัวเองอย่างที่เคย
หล่อนบ้าขนาดที่ก๊อปปี้บทความของเขาไว้ในอีเมล์ จนถึงตอนนี้ก็มีเป็นสิบฉบับแล้วล่ะ เคยมีคนบอกหล่อนว่า ข้อเขียนของคนสะท้อนความเป็นตัวตนของคนๆ นั้น แบบที่เสแสร้งกันไม่ได้ หล่อนยังเชื่อในความรู้สึกที่มีต่อศรุตอยู่ แม้ว่าป้าเป้ผู้หวังดีจะบอกว่า ถ้าเขาไม่ติดต่อมาภายในหนึ่งอาทิตย์ให้ตัดออกจากสารบบ แต่หล่อนก็เชื่อมั่นในตัวเองซะจนบอกกับตัวเองว่า ถ้าศรุตไม่ติดต่อมาภายในหนึ่งอาทิตย์ หล่อนก็ยังเชื่อว่าเขามีใจให้หล่อนอยู่ เขาเคยพูดถึงเรื่องชีวิตคู่ไว้ในบทความหนึ่ง น่าแปลกซึ่งมันไม่น่าจะเกี่ยวกับกล้วยไม้ แต่เขาก็โยงให้ชีวิตรักเข้ากับกล้วยไม้ได้อย่างไม่ขัดเขิน
"ถ้าเราคิดถึงคนที่รักให้น้อยลง เราจะเข้าใจเขามากขึ้น"
นพนาศไม่รู้ว่าหล่อนคิดถึงศรุตในระดับที่จะเข้าใจเขาได้มากขึ้นหรือไม่ แต่คนที่มีลางสังหรณ์อย่างหล่อนก็เลือกจะเชื่อความรู้สึกของตัวเอง
มีชายมากมายผ่านเข้ามาในชีวิตของนพนาศ แต่คนที่หล่อน "คิดได้" ว่าจะแต่งงานด้วย มีแค่สามีเก่าของหล่อนกับศรุตเท่านั้น!
นพนาศหาเหตุผลให้ความรู้สึกจากส่วนลึกเรื่องนี้ไม่ได้ หล่อนแค่รู้สึก หล่อนไม่รู้ว่าเขาเป็นคนมีระเบียบ หรือสะอาดแค่ไหน ชอบทำอะไรยามว่าง ชอบท่องเที่ยวผจญภัยรึเปล่า อายุแก่กว่าหล่อนถึง 20 ปีมั้ย หล่อนไม่รู้อะไรเลย หล่อนรู้แต่เพียงว่า
หล่อน "คิดได้" ว่าจะแต่งงานกับเขา
หล่อนมีความหวังเล็กๆ ว่าหล่อนอาจจะเจอเขาในงานวันเกิดของพี่ฬาร เพื่อนของป้าเป้ที่อยู่ในวงการต้นไม้ หล่อนแค่คิดว่าคนในวงการกล้วยไม้กับต้นไม้คงจะเป็นคนกลุ่มเดียวกัน
วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น