วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

กฎ 90/10...ไปถึงนั่นได้ไงเนี่ย

วันนี้ฉันได้ forward email จากเพื่อนที่ทำงานเก่าเกี่ยวกับหลัก 90/10 ของ Steven Covey แม้จะได้เข้าคอร์สเรียนสมัยอยู่ที่ทำงานเก่า แต่ฉันจำไม่ได้หรอกว่าไอ้กฎ 90/10 นี่มันหมายถึงอะไรจริงๆ 

ฉันจะสรุปให้ฟังละกันว่า กฎ90/10 นี่ก็คือว่า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเราโดยที่เราควบคุมไม่ได้น่ะ คิดเป็น 10% เท่านั้นนะ ที่เหลืออีก 90% อยู่ที่เราว่าจะปฏิบัติตนอย่างไร แก้ปัญหาหรือเผขิญกับเหตุการณ์ต่างๆ อย่างไร

นี่คือ "เนื้อ" ทั้งหมดที่ฉันสรุปได้

แต่ก็เถอะ หนังสือที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ก็เพราะเค้ายืดหลักคิดสั้นๆ ให้เห็นชัดเจน แสดงตัวอย่างในการปรับใช้ให้คนที่อ่านหลักก็เข้าใจตามตัวอักษร แต่ไม่สามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับชีวิตได้ 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ฉันได้แต่นึกถึงเรื่องที่ฉันตกลงกับตัวเองว่า จะไม่ปล่อยให้คนๆ หนึ่งมีอิทธิพลกับความรู้สึกของฉันอีกต่อไป ฉันคิดอยู่ในใจว่า ที่ฉันเลือกตอบโต้แบบนี้ ถูกต้องแล้วหรือยัง เป็นผลดีกับฉันจริงๆ แล้วหรือไม่

ฉันบอกตัวเองอยู่เรื่อยๆ ว่า ใครจะทำร้ายเราได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า เรายินยอมให้เขาทำร้ายเรารึเปล่า เรายอมให้การกระทำของเขามีอิทธิพลเหนือจิตใจของเรามากแค่ไหน 

แล้วฉันก็เชื่อว่า ฉันทำได้ 

ฉันบอกตัวเองว่า คนๆ นี้ไม่มีตัวตน ไม่มอง ไม่สบตา ไม่รับรู้ (หรือถ้าจะพูดให้ชัดเจนก็คือ มาแล้วก็ผ่านไปโดยไม่เก็บเศษเสี้ยวใดๆ ไว้ในใจ) 

ทำยังกะคนๆ นั้น เลวร้ายซะเต็มประดา 

เปล่าหรอก

ฉันแค่ปล่อยให้เขาเข้ามาอยู่ในใจฉันลึกเกินไป คนเราเวลาจะปรับก็คงต้องแกว่งไปอีกข้างก่อนแล้วจึงจะหาจุดสมดุลได้ 

ฉันว่าฉันก็แฮปปี้ดีนา ณ ตอนนี้

อีกคน ที่ฉันมีความรู้สึกดีๆ ให้ อยากให้เข้ามาอยู่ในชีวิตของฉัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้อง หรืออะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้นก็แล้วแต่บุญแต่กรรม แม้จะไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ แต่ฉันก็รู้สึกดีที่ได้ส่งผ่านความรู้สึกดีๆ ที่ฉันมีให้ ให้เขาได้รับรู้ ความประทับใจที่ไม่อาจเกิดได้ง่ายๆ ความยินดีที่ได้มีโอกาสอยู่ในวังวนที่เขาชอบอยู่ อยู่กับกลุ่มคนที่ชอบอะไรคล้ายๆ กัน มีใจรักในสิ่งเดียวกัน เพียงแค่นั้น ไม่ต้องใช้สมอง (ยกเว้นแต่ต้องท่องจำ และนึกเนื้อเพลงให้ออก!)

ฉันรู้สึกว่าฉันสบายใจ ฉันโล่งใจแล้วที่ได้แสดงออก ใครจะคิดว่าฉันบ้าไปเองคนเดียวก็ช่างเขา ความรู้สึกดีๆ มีค่าสำหรับฉัน ไม่ว่าผู้ที่ได้รับหรือคนอื่นๆ จะมองมันตำ่ต้อยด้อยค่าอย่างไร

เหมือนๆ กับความสัมพันธ์ของเจ้าชายน้อย กับกุหลาบผู้เย่อหยิ่ง...

คนเราจะมีความหมายแก่กันก็เพราะเวลาที่ใช้ร่วมกัน ความสัมพันธ์ที่เราสร้างร่วมกัน สิ่งนี้จะทำให้เรามีคุณค่าต่อกันและกันในแบบที่ไม่มีความสัมพันธ์ใดเหมือน

แล้วนิ้วมือที่พิมพ์ดีดก็พาใจฉันนึกไปถึงความสัมพันธ์กับคนอีกคนหนึ่ง ฉันเรียกว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ดีตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ที่่ยั่งยืนยาวนานผ่านกาลเวลาย่อมต้องพิสูจน์อะไรหลายๆ อย่าง ฉันเกือบจะปล่อยให้เหตุการณ์และการกระทำที่ไม่ได้คาดหมายทำลายคุณค่าที่ร่วมสร้างด้วยกันเป็นแรมปี สูญสลายหายไปเพียงเพราะความประหลาดใจ ปรับตัวไม่ทัน...

คำว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขใช้ได้กับทุกความสัมพันธ์จริงๆ ...

เหตุผลเดียวที่ทำบางสิ่งบางอย่างคือ...ทำให้เขา เพื่อประโยชน์ของเขา

เหตุผลเดียวอีกเช่นกันที่ทำให้เธอคือ ...เพื่อให้เธอมีเรื่องไปเล่า ไปอวดใครๆ 

แต่แหม ท่าทางมันจะไม่เป็นแค่เหตุผลเดียวแล้วละมั้ง อันที่จริง มันอยู่ที่ว่าเราเลือกจะทำอะไร แล้วเราก็หาเหตุผลมาใส่ให้ดูมีหลักการ น่าเชื่อถือมากกว่านะ

เธอว่าฉันเลือกตอบโต้กับเรื่องต่างๆ ในชีวิตได้ดีพอแล้วรึยัง...

ฉันได้เลือกเป็นนายตัวเอง มีอิสระที่จะทำงานใดก่อนหลังในเวลาใด กำหนดการเป็นเรื่องที่ตกลงกัน ยืดหยุ่นได้ แต่เมื่อใดที่ได้ผูกพันให้คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ฉันก็ต้องเคารพในเวลาและลำดับความสำคัญของคนอื่นเช่นกัน

ตอนนี้ฉันกำลังเครียด(ก็ควรอยู่) กับบิลค่าไฟที่หาใบแจ้งหนี้ไม่เจอและพ้นกำหนดชำระแล้ว อันทำให้ฉันต้องไปชำระที่การไฟฟ้านครหลวงเท่านั้น รอให้ฟ้าสางก่อนเถอะ ฉันก็จะขอให้เจ้าชายเสื้อส้มวิ่งไปจ่ายให้ฉัน

แต่ก็นะ ใจฉันก็ตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าเขาจะตัดไฟฉันรึยังเนี่ย!!

1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ถึงงานหนัก ก็อย่าลืมมาอัพบล้อกนะคะ
มีคนรออ่านอยู่นะ จะบอกให้