วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วันพบปะกับคน

วันนี้ได้ฤกษ์ออกมาเจอใครๆ ในสังคม...

วันนี้เหล่าญาติๆ ที่เล่นแชร์ด้วยกันมากินแชร์แบบไม่เสียดอกเบี้ย เพียงแค่หักเงินที่ได้แต่ละครั้งเป็นค่าอาหารจำนวนหนึ่ง แล้วคนเล่นแชร์และแขกก็จ่ายค่าอาหารน้อยลง เจอกันทีก็เหมือนนกกระจอกแตกรัง เราไม่ได้กินแชร์กันนานเพราะบางคนก็เพิ่งคลอดลูก ลูกยังเล็กบ้าง แล้วยังมาเจอม๊อบมาราธอน ญาติๆ บางคนอยู่ในพื้นที่เฝ้าระวังของม๊อบ จะผ่านไปไหนมาไหนก็ต้องผ่านด่าน บ้างก็ต้องจำยอมเปิดกระโปรงหลังของรถให้ตรวจระเบิดตามคำอ้างบ้าง วันนี้ฉันก็ผ่านบริเวณนั้นเช่นกัน ดีที่เขาตรวจเฉพาะรถแท็กซี่ วันนี้เลยปล่อยให้ฉันผ่านเข้ามาอย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่ฉันก็กะจะโวยขับผ่านไปเลยเหมือนกัน

ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบแล้วต่างคนก็ชื่นชมเล่นกับหลานๆ น้องทิกเกอร์คนล่าสุดน่ารักมากกกก อายุ 6 เดือนแต่หนัก 10 กิโลเข้าไปแล้ว วันนี้ไม่ค่อยสบายแต่ชอบเล่นแรงๆ แล้วก็หัวเราะเอิกอ้าก พร้อมๆ กับที่ไอคอกแคก หลานแท้ๆ คนเดียวของฉัน น้องนีน อายุขวบกับสี่เดือน แต่ตัวเล็กกว่าทิกเกอร์มาก แต่ก็ใช่ว่าจะผอมเกินขนาด และฉลาดเหมือนเดิม แอบเห็นน้องนีนแกล้งทิกเกอร์แล้วรีบเดินถอยหลังหนีเหมือนปกปิดความผิด แล้วกรรมก็ตามสนองทันตาเห็น เดินหงายหลังล้มหัวทิ่ม น้องนีนทำท่าจะร้องไห้ ฉันก็พูดทันทีเลยว่า เป็นไงล่ะ กรรมตามทันไวทันใจจริงๆ แล้วน้องนีนทำท่าเบะกำลังจะร้องไห้ก็หยุดทันที ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของฉันหรือเพราะไม่ได้เจ็บแค่ตกใจเท่านั้นเอง

คนข้างๆ ช่างรู้จักคนหลายวงการเหลือเกิน วันนี้วันพบญาติ ญาติของฉันแต่เขาดูจะรู้จักคนในแวดวงของญาติฉันมากมายเหลือเกิน มีน้องและหลานที่ทำงานในธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบเต็มๆ occupancy rate ลดลงเหลือ 25% ห้องอาหารจีนและญี่ปุ่นปิด sunday brunch ปิดไม่มีกำหนด โรงแรมให้เลือกระหว่างพักร้อนหรือ leave without pay น่าแปลกที่หลานของฉันเลือกอย่างหลัง ด้วยอยากได้วันสำหรับลาไปเที่ยวมากขึ้น เชื่อเค้าเลย!

ส่วนน้องที่ดูโรงแรมในเครือที่อยู่ต่างจังหวะได้รับผลกระทบทันทีที่ทูตแต่ละประเทศประกาศเตือนการเดินทางมายังประเทศไทย บางประเทศสั่งไม่ให้มาเลยด้วยซ้ำไป

ไปเยี่ยมร้านประจำ ได้ทราบข่าวคราวเพิ่มเติมของคนเคยใกล้ชิด ตอนนี้ไล่เพื่อนร่วมบ้านออกไปแล้วและไม่ได้เหยียบย่างมาที่ประจำอีกเลย น้องที่โดนไล่ออกบอกกับฉันว่า ดีแล้วที่เลิกคบกันไป ฉันอธิบายว่า ฉันไม่เคยโกรธ ฉันเข้าใจเขา ได้แต่สงสาร ส่วนเรื่องที่เขาไปพูดร้ายเกี่ยวกับฉัน ใครฟังแล้วเข้าใจตามนั้นก็หูเบาเองช่วยไม่ได้ ฉันรู้เสมอว่าฉันเป็นอย่างไร และการที่ใครเข้าใจฉันผิด มองฉันในแง่ร้ายมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันแย่ไปตามที่เขาว่า เหมือนๆ กับ แบงค์สิบบาทไม่ว่าจะใส่กรอบวางอยู่บนหิ้งหรือแบงค์สิบบาทที่โดนใครเหยียบย่ำ มันก็มีค่าสิบบาทเหมือนกัน ซื้อสินค้าได้ของมูลค่าเท่ากัน หากมันยับยู่ยี่จนไม่มีใครอยากเก็บไว้ ก็เอาไปแลกใหม่ได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่เท่านั้นหากแบงค์ใบนี้ขาดวิ่น เหลือเพียงครึ่ง ธนาคารก็มีหลักปฏิบัติอยู่แล้วว่าธนบัตรที่ชำรุดจะสามารถแลกเงินได้เต็มมูลค่าหรือไม่

ส่งเพลงให้นักดนตรีประจำร้านลองเอาไปใส่ทำนอง ส่งให้หลายคนแล้วยังไม่ได้รับคำตอบ ฉันได้แต่คิดเข้าข้างตัวเองเหมือนหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ คุยกับหลายสำนักพิมพ์กว่าจะเจอเจ้าที่เห็นคุณค่า แล้วในที่สุดก็เป็นหนังสือขายดีที่สุด ถ้าจำไม่ผิดก็เป็นรองเฉพาะคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น

พรุ่งนี้ต้องไปธุระกับแม่ ยังไม่รู้จะเจอมรสุมลูกใหญ่หรือเล็ก ที่แน่ๆ วันนี้คนข้างๆ บอกว่าฉันเหมือนแม่เปี๊ยบ...

ไม่มีความคิดเห็น: