วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วุ่นวายหลายเรื่อง

ก่อนเขียนวันนี้ฉันกลับไปอ่านเรื่องล่าสุด แล้วก็เขียนเหมือนจะเป็นห่วงแฟนประจำที่ไม่มีอะไรให้อ่านมานานจะหายไป...

วันนี้ตื่นมาเพราะต้องโทรบอกพี่ว่าให้พาหลานไปเทสต์หน้ากล้องถ่ายภาพนิ่งบ่ายวันพรุ่งนี้ ตากล้องก็เป็นคนที่ทั้งฉันและคนข้างๆ รู้จัก แล้วหลานสุดเท่ของฉันคุณสมบัติพร้อมขนาดนี้จะไม่ได้งานได้อย่างไร

คุยกับพี่แล้วก็นึกภูมิใจตัวเองว่า แม้เรื่องของตัวเองจะไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ได้ช่วยเพื่อนฝูงพี่น้องก็โอเคแหละ ใครจะไม่เห็นค่า คิดว่าสิ่งที่ฉันทำไปไม่ได้เรื่อง ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดบ้างล่ะ แต่ทำไงได้ คนที่พูดก็คนที่มีพระคุณกับฉันที่สุดนั่นแหละ

หาเรื่องบันเทิงใจประจำวัน ดูพระจันทร์ลายพยัคฆ์ ละครเรื่องเดียวที่ฉันติดตามทุกตอน บางตอนหากตื่นไม่ทันดูก็เข้าเว็บเอ็มไทยดูย้อนหลัง การดูทีวีเริ่มจะเป็นปัญหาเล็กน้อย เพราะคนข้างๆ ไม่ยอมหยุดนิ่ง ดูมันทุกช่องเวลาโฆษณา บางทีเลยหมุนกลับมาไม่ทัน ฉันก็ขี้เกียจจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็หงุดหงิดในใจแล้วก็ไว้ไปตามดูเอง

เริ่มโอนค่าใช้จ่ายในการทำหนังสือให้คนที่เกี่ยวข้อง บางก้อนเอาไปฝากธนาคารให้ดูจะดีกว่า พรุ่งนี้ก็กะจะเข้าแบงค์ที่บิ๊กซีแล้วก็ไปดูหลานเทสต์หน้ากล้อง

วันนี้ดูละครไปก็แต่งเพลงไป ได้ส่งเพลงให้นักร้องชื่อดังคนโปรดของฉันด้วยล่ะ หวังว่าเขาจะชอบมันมากพอที่จะเอาไปใส่ทำนองและเลือกเป็นเพลงในอัลบั้มใหม่ของเขา ตอนแต่งเพลงๆ นี้ ฉันพยายามนึกหน้าเขาในใจ นึกเรื่องราวของเขาจากที่คนข้างๆ เล่าให้ฟัง จากที่ฉันรับรู้ในฐานะแฟนเพลงธรรมดาคนหนึ่งและที่ฉันได้มีโอกาสสัมผัสด้วยตัวเองครั้งสองครั้ง

ถ้าฉันแต่งเพลงได้ตังค์ ฉันคงจะเป็นที่ยอมรับในสายตาของพ่อแม่บ้างมั้ง...

คนข้างๆ ดูแลฉันเป็นอย่างดี ทำกับข้าว ล้างจานให้กินอย่างเคย เมื่อคืนไปดูลูกชายเขาร้องเพลงที่ร้านประจำ ฉันน่ะกึ่มๆ ตั้งแต่ก่อนออกจากบ้าน พอไปเจอเบียร์มันๆ เจ้าโปรดก็นั่งขยับขา ทำท่าตีกลองเลียนแบบมือกลองประจำวง เพิ่งรู้สึกว่าตีกลองมันมันส์ก็คราวนี้นี่เอง

แล้วก็แฮปปี้ไปตามประสา ระหว่างทางไปต่อร้านประจำ เจอด่านเสื้อแดง คนกำลังอารมณ์ขึ้นๆ ก็รู้อยู่ ฉันเอาตัวโผล่ไปนอกหน้าต่างแล้วก็ด่าๆๆๆๆๆๆ ด้วยความหงุดหงิดและรำคาญใจเป็นเดือน มีอะไรมั้ย ฉันมันก็ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึง แต่อยากมามากนัก บ้านเมืองมีขื่อมีแป ทำไมต้องมาตรวจรถ มาดูมีอาวุธรึเปล่า สิ่งที่พวกตัวเองทำมันเหมาะสมแล้วเหรอ หมอต้องย้ายคนไข้ออกนอกตึก เอาไม้ไผ่ ยางรถยนต์มาทำเป็นกำแพงขวางไม่ให้รถเข้าออก เข้าออกได้เฉพาะที่ไอ้พวกถือว่าพวกมากกำหนดเท่านั้น โรงเรียนจะเปิดเทอมก็ทำไม่ได้ คนล้มละลายไปไม่รู้เท่าไหร่ มันจะยุบสภาช้าลงสองสามเดือนจะอะไรกันนักหนา ปล่อยให้อยู่ครบเทอมไป ไม่ต้องเปลืองงบไปจัดการเลือกตั้งดีกว่ามั้ง ทำอย่างงี้มันเสียหายซ้ำซ้อน ทั้งเศรษฐกิจพัง คนเดือดร้อน แล้วก็เสียงบจัดการเลือกตั้ง ยิ่งเปลืองเท่าไหร่ เดี๋ยวนักการเมืองก็ต้องมาเอาทุนคืนจากเงินภาษีอีก วนเป็นวงจรอุบาศว์อยู่อย่างนั้น

พูดแล้วเซ็ง ไม่เอาดีกว่า เฮ้อ!

ที่ฉันปรับขนาดยาเอาเองก็ดูท่าจะดีขึ้น ได้ซื้อหนังสือออนไลน์เกี่ยวกับ Da Vinci Types ก็ทำให้รู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้น เพิ่งเริ่มอ่านไปนิดๆ เอง แต่แค่นี้ก็ทำให้มีความสุขแล้ว ใครจะไม่เข้าใจก็ช่าง ฉันเข้าใจตัวเอง และคนข้างๆ ก็คงพอรับฉันไหว(มั้ง)

ไม่มีความคิดเห็น: