วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2552

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร...รัฐบาลทำได้ในที่สุด


สามสี่วันมานี้ ไม่มีใครรู้ว่าประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ แต่ไม่ว่าอย่างไร ท่านนายกฯ สุดหล่อพร้อมสมองและคุณธรรมเป็นเลิศก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การแก้ปัญหาด้วยความสุขุมทำให้ภาวะความรุนแรงทางการเมืองใกล้จะกลับเข้าสู่ปกติในไม่ช้า 

หลายๆ คนรู้สึกว่า รัฐบาลชุดนี้ทำงานไม่ทันใจ อ่อนเกินไป การใช้กำลังขอรัฐบาลที่มีกำลังทหารและอาวุธครบครัน ทำได้ง่ายดายเหลือเกิน การที่รัฐบาลไม่ใช้กำลังในการสลายม็อบครั้งนี้ทำให้เกิดข้อกังขาว่ารัฐบาลสามารถควบคุมกำลังทหารและตำรวจได้จริงหรือ ตำรวจและทหารจะรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับรัฐบาลหรือถูกซื้อและแปรพักตรไปอยู่กับฝ่ายเสื้อแดงแล้วรึเปล่า 

นายกฯ รู้ว่าควรจะพูดอะไร และทำได้ตามนั้น เมื่อรู้ว่าคนไทยเกิดข้อกังขา ก็เสนอภาพจากการประชุมกับฝ่ายต่างๆ เพื่อเป็นหลักประกันให้ประชาชนแน่ใจได้ว่า ทุกฝ่ายยังร่วมทำงานกันเพื่อแก้ไขปัญหาทางการเมืองโดยไม่ใช้ความรุนแรง 

ทุกคนมีความรู้สึกมีอารมณ์ หากให้ทหารและตำรวจมีอาวุธคู่กาย ไฉนเลยจะไม่นำสิ่งที่ตนมีอยู่มาใช้เพื่อป้องกันตัวเอง การทำตามหลักการก่อให้เกิดความเสี่ยงและยากกว่าการจัดการปัญหาโดยใช้กำลังอย่างเหลือเกิน 

รัฐบาลไม่ได้ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงอยู่ในภาวะ "หมาจนตรอก" เสนอทางเลือกให้กลับต่างจังหวัดและเปลี่ยนเสื้อแดงเป็นสีอื่น 

ฉันมีความรู้สึกว่าความขัดแย้งของรัฐบาลกับกลุ่มผู้ประท้วงเปรียบเหมือนการทะเลาะ ลองดีของเด็กเกเรกับผู้ใหญ่ เด็กเกเรพยายามก่อกวน ปั่นป่วน เหมือนประชดตัวเองว่าไม่มีความสำคัญ ทำอะไรก็ได้เพื่อยืนยันและพิสูจน์ว่าตนมีค่า มีความหมายนะ เด็กเกเรเสื้อแดงนี้ เป็นเด็กฉลาด เลือกที่จะแกล้งผู้ใหญ่ที่จุดอ่อน ก่อความเดือดร้อนร้ายแรง ทำให้การสัญจรไปมาเป็นอัมพาต ก่อกวนกลุ่มประชาชนที่การศึกษาน้อยหรือมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำ หากเปรียบเป็นการทำร้ายร่างกายก็อาจจะสาดแป้งเข้าตา ขัดขาให้ล้ม แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ผู้ใหญ่คนนี้ก็ไม่โกรธ เข้าใจ ใช้จิตวิทยาจนเสื้อแดงรู้สึกละอายใจ กลับมาทบทวนในสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป ไม่ว่าจะโดยน้ำเงินที่ีมีคนจ้าง หรือการถูกหลอกใช้ 

ผู้ใหญ่เอาโทษเด็กเกเรตามหลักเหตุผล หลักกฏหมาย มิใช่ด้วยอารมณ์

ในขณะเดียวกัน ผู้ใหญ่คนอื่นๆ ที่เข้าร่วมการประชุมในพัทยา ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าผู้ใหญ่คนอื่นๆ มีวุฒิภาวะเพียงพอ พวกเขาก็จะรู้ว่า ในยามที่ผู้ใหญ่คนนี้ต้องจัดการปัญหากับเด็กฉลาดแต่เกเรอย่างที่สุดรายนี้ ต้องทำให้ผู้ใหญ่เสียเวลาในการจัดการธุระปะปัง และเมื่อปัญหานี้ได้รับการแก้ไข ก็เป็นเครื่องแสดงว่า การมอบหมายให้ผู้ใหญ่คนนี้จัดประชุมครั้งใหม่เป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดพลาด 

เสียเวลา งานเสร็จล่าช้า แต่ได้ระงับเวรด้วยการไม่จองเวร 

คนไทยไม่ได้จัดการปัญหาอย่างคนไร้การศึกษา อย่างคนป่าเถื่อน ไม่ว่าจะเกิดความขัดแย้งทางการเมืองอย่างไร คู่กรณีก็สามารถจัดการปัญหาได้เอง 

ไม่ใช่ต้องคอยให้ "พระ" มาคอยแก้ปัญหาอย่างที่แล้วๆ มา...

ไม่มีความคิดเห็น: