วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552

อวยพรให้โง่

ฉันกำลังเข้าไปอยู่ในโลกใบใหม่...

โลกของแมค...

มีอะไรให้เรียนรู้มากมาย ในขณะเดียวกันมันก็คล้ายๆ กับวินโดว์เจ้าเก่า คงเป็นอย่างที่หลายๆ คนว่ากัน ว่าแมคเน้นเรื่องกราฟฟิค ความงาม ความปราณีต แค่เวลาปิดหน้าต่างเว็บแล้วมีออปชั่นให้เลือกเหมือนกระดาษค่อยๆ บิดลงไปอยู่ด้านล่างของหน้าจอ ฉันก็หลงรักแมคเข้าให้แล้ว

น่าแปลก ที่ฉันสัมผัสได้กับความงาม ความละเอียดอ่อน แต่ฉันกลับไม่รู้สึกเวลาคนกัด จิกฉัน เพราะฉันถือคติว่า ถ้าไม่ได้รับการพิสูจน์แบบคาหนังคาเขา ฉันจะไม่คิดว่าใครจะกัดฉัน จะคิดกับฉันในแง่ร้าย คิดๆ ไปแล้วฉันก็นึกถึงเรื่องพิธีการในชั้นศาล การตัดสินคดี เราถือว่า ผู้ต้องหาถูกจนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่าผิด 

ฉันมองทุกคนในแง่ดี เหมือนๆ กับว่า จนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่า เลวจริงๆ แต่จนบัดนี้ ฉันก็ยังไม่เจอคนประเภทนั้น เพราะอะไรเหรอ เพราะคนเหล่านั้นน่าสงสารมากกว่าจะน่ารังเกียจหรือหลีกหนีให้ห่าง 

คนเพิ่งบอกว่าสงสารฉันไม่นานนี้เอง 

ได้แต่หวังว่า เขาจะมองคนในแง่บวก ไม่ใช่พูดเพื่อเอาดีเข้าตัว อย่างที่พี่คนนึงเคยสรุปให้ฉันฟัง

หลังๆ มานี้ ฉันได้ยินข่าวซุบซิบเกี่ยวกับหลายๆ คนที่รู้จัก วันนั้นพี่ที่นั่งตรงข้ามหน้าตามู่ทู่ยังไงพิกล ทั้งๆ ที่ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรกับใครเค้าหรอก ว่ามีคนเริ่มไม่พอใจฉัน โกรธฉัน โมโหฉัน นั่นก็เพราะว่า ถ้ามีใครมาทำกับฉันอย่างที่ฉันได้ทำให้คนเหล่านั้น ฉันจะไม่โกรธ ไม่โมโห  รู้สึกเฉยๆ จะไม่รู้สึกว่ามีใครมากระตุ้นต่อม กระตุ้นแผล

นั่นล่ะ ที่ทำให้ฉันสงสารและเห็นใจคนที่เดือดเนื้อร้อนใจ เวลาที่ฉันพูดอะไรไปด้วยจะสื่อความหมายนัยตรง ไม่ใช่นัยยอดนิยมอย่างที่คนเค้าชอบทำกัน

พาลให้นึกถึงละครที่ดูเมื่อวันก่อน แม่ของนางเอกเห็นและมองออกว่าเพื่่อนของลูกกำลังจะแย่งคู่หมั้นของลูกสาวตัวเอง ลูกสาวกำลังขนต้นไม้ไปแต่งเรือนหอ แม่จึงได้ทีเอ่ยขึ้นว่า "อุ้ย เอาต้นไม้ไปปลูกเยอะๆ รกแล้วเดี๋ยวงูเงี้ยวจะมากัดเอานะ" แล้วฉันก็เห็นภาพนางอิจฉามองมาที่แม่ของนางเอก 

ฉันนั่่งคิดอยู่นานเลยล่ะ ว่าแม่นางเอกตั้งใจแขวะ (รึเปล่าวะ) 

เธอเอ๊ย ถ้าฉันเป็นนางอิจฉา รับรอง ฉันไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วยหรอก เพราะฉันไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรใดๆ ด้วย คนที่ชอบกัด จิกชาวบ้าน เวลาได้ยินใครพูดอะไรเข้าหู ก็จะกลายเป็นหูหาเรื่อง คอยรับความทุกข์เข้าตัวอยู่ร่่ำไป

อีกอย่างที่น่าแปลก มีคนสารภาพว่าเกลี่ียดฉัน  เขาใช้คำว่าเกลี่ยดฉันเลยล่ะ แต่ก็แน่ละนะเธอ ว่าเขาพูดเช่นนั้นหลังจากที่ได้รู้จักฉันมากขึ้นแล้ว และพบว่า ฉันไม่ได้เป็นแม้เพียงเศษเสี้ยวของสิ่งที่เขาคิด 

ภาษากายก็สำคัญอย่างนี้แหละ จริงๆ แล้ว ใจของเราคิดอะไร ไม่มีใครรู้หรอก ถ้าไม่แสดงออก แล้วคนที่รู้ก็คือเจ้าตัวเพียงคนเดียว เราต่างหากที่จะเลือกรับรู้ เลือกมองไปในแง่ใด ในแง่ที่ดีหรือร้ายต่อตัวเราเอง 

คนโง่ถึงมีความสุขไงเธอ ฉันพยายามจะโง่และซื่อให้มากขึ้นทุกๆ วัน 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าใครก็อยากมีความสุข 

เอ แล้วถ้าฉันขอให้ใครมีความสุข เขาจะหาว่าฉันอวยพรให้เขาโง่มั้ยละนั่น


ไม่มีความคิดเห็น: