วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2552

เมื่อความคิดแตกแขนง...

ข้อความประโยคเดียว ฉันเห็นแล้วอึ้ง ไม่คาดคิด งงๆ ปนสงสัย ตกใจและตื่นตูมอยู่ภายใน...

ไฉนเลยจะดับความสงสัยได้หากไม่ถาม แต่ถามก็ไม่ได้ จะกลายเป็นคิดฟุ้งซ่าน ได้แต่รวบรวมสติอารมณ์ จดจ่อกับงานบ้านและอ่านหนังสือ สองสิ่งที่ฉันทำได้เป็นอย่างดี มีสมาธิ ฉันจะหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง โลกที่เวลาหยุด ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง และเคลื่อนคล้อยไปยังจุดหนึ่งอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึก 

หนังสือเล่มที่อ่านจบวันนี้คือ พูดอย่างไร ไม่ให้พัง (Crucial Conversation) ฉันว่าฉันเคยอ่านหนังสือชื่อเหมือนกันนี้มาแล้วนะ แต่จำไม่ได้ว่ามีอะไรที่เหมือนหรือแตกต่างกัน เล่มนี้ก็เหมือนๆ กับเล่ม พลังจิตใต้สำนึก นั่นแหละ หนังสือประเภทนี้ ต้องอ่านย้ำซ้ำไปซ้ำมาให้ประทับอยู่ในใจ และพลังจากตัวอักษรจะสะท้อนออกมาเป็นเสียงจากภายในให้ทำอะไรสักอย่าง 

ฉันทำอะไรตามที่พลังข้างในบอกมาตั้งแต่วันแรกที่อ่านหนังสือ พลังจิตใต้สำนึก ฉันทำสิ่งที่ปกติฉันไม่ทำ มันต้องอาศัยความกล้ามากทีเดียว ที่จะเผชิญกับความจริง ที่จะเป็นฝ่ายรุก เลิกนิ่งเงียบเมื่อประสบกับเหตุการณ์สำคัญ เรื่องที่กระทบความรู้สึก 

ฉันเพิ่งรู้สึกว่า ความกล้าบ้าบิ่นที่ฉันมีในหลายๆ เรื่อง ไม่ได้เป็นการกล้าในเรื่องที่ควรสักเท่าใด ฉันเองก็เหมือนๆ กับคนที่หลีกหนีความจริง เลือกที่จะนิ่งเงียบเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา หรือบางครั้งก็เฉไฉ แสดงออกในทางก้าวร้าว ตรงตามหนังสือเป๊ะ 

ความเงียบเป็นส่วนที่อยู่นอกสุดของรูปแบบที่แสดงลักษณะของปัญหา ความเงียบเป็นศัตรูตัวฉกาจ เรามักจะใช้วิธีนี้เป็นทางออกของปัญหาที่กระทบกระเทือนความรู้สึก แล้วเมื่อเราเงียบกับทุกเรื่องราว ปัญหาที่ทับถมก็ระเบิดออกในวันหนึ่ง เหมือนไฟใต้น้ำ ฉันนึกถึงชีวิตครอบครัวที่ล่มสลายเพราะความเงียบตัวร้ายกาจตัวนี้

เมื่อเช้านี้ สาวจากบริษัทให้บริการเคเบิลทีวีโทรมา แจ้งว่าการติดตั้งอุปกรณ์ที่ฉันแจ้งไว้ไม่มีปัญหา แต่จะต้องมีการเคลียร์ปัญหาจากบ้านที่ฉันเคยอยู่ซึ่งยังไม่ได้มีการคืนอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ 

เรื่องมันนาน นานจนฉันลืมว่า ณ เวลานั้น ฉันแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ฉันได้แต่บอกว่า ให้เจ้าหน้าที่ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ในพื้นที่นั้นๆ ตามที่อยู่และรายละเอียดที่มี 

วางสายไปไม่นาน โทรกลับมา ต้องการทราบเหตุผลทำไมฉันถึงเป็นตัวกลางจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าจะอดกลั้นไปทำไม ใส่อารมณ์ไปว่า

คือว่า เคยแต่งงานแล้วเขาไล่ดิฉันออกจากบ้านนะค่ะ

คนโทรมา ขอโทษเป็นพัลวัน แน่นอนว่าคงไม่มารบกวนฉันด้วยเรื่องนี้อีก ฉันกลับมาคิดอีกนิดว่า ที่ฉันทำไป เหมาะควรหรือไม่ อย่างไร 

กรณีที่ฉันมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์แบบ ฉันคงจะอธิบายด้วยประโยคเดิมแต่ไม่ใส่อารมณ์ หรือไม่ก็อาจจะเพียงพูดว่า บ้านที่ติดเคเบิลทีวีหลังนั้นเป็นบ้านของสามีเก่า หวังว่าน้องคงจะเข้าใจนะคะ

แต่ ณ เวลานั้น ฉันยังหลับตาพูดอยู่เลย แค่กวนเวลาฉันหลับด้วยเรื่องทางเทคนิคแบบนี้ฉันก็ฉุนอยู่แล้ว แถมยังต้องให้อธิบายชี้แจงให้กระจ่างอีก คราวนี้เลยกระจ่างจนกระเจิงไปนั่น 

หลังจากพบว่า ความเงียบ เป็นพิษร้ายฝังลึก ฉันก็เริ่มพ่นพิษมดตัวจิ๋วทันที 

คนเค้าว่า ไปสุดทั้งสองขั้วแล้วก็คงปรับจนกลับมาอยู่ตรงกลาง แตกต่างกันตรงที่ของคนอื่นๆ แค่กระดิกซ้ายขวานิดเดียวก็พบจุดสมดุล ไอ้ฉันน่ะ มันต้องแกว่งแรงเหมือนเรือไวกิ้งให้คนที่นั่งก้นยกขึ้นตามแรงผลักนั่นแหละ ถึงจะรู้สึก 

เอ จะว่าไปแล้ว ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นคนสัมผัสไวเลยนะ ดูแล้วเหมือนสัมผัสฝืดซะมากกว่า

กลับมาที่หนังสือเล่มที่อ่านจบวันนี้ ฉันคงได้ข้อสรุปสำหรับตัวเองสั้นๆ ว่า

ห้ามเงียบ ห้ามระเบิด แสดงความรู้สึกอย่างเหมาะสม 

เธอรู้มั้ยว่าอะไร ยากที่สุด 

เหมาะสมไง

ความเหมาะสมเป็นเรื่องที่เลื่อนลอยอย่างที่สุดในความรู้สึกของฉัน เหมาะทั้งจังหวะ เวลา อารมณ์ สถานที่ คำพูด รูปแบบคำถาม คำอธิบาย 

เค้าถึงเรียกเรื่องพวกนี้ว่า ศิลปะ ไง 

ทุกอย่างฝึกฝนได้ หากฉันตั้งใจจริงๆ แม้จะเกิดข้อผิดพลาด ฉันเชื่อมั่นว่า ฉันจะแก้ไขได้ในที่สุด 

ขออาศัยพลังจิตใต้สำนึก คิดดีอย่างมีศรัทธา แล้วฉันก็จะเป็นอย่างที่เชื่อมั่น

ฉันก็อยากให้เธอได้อะไรดีๆ เหมือนฉันด้วยนะ ...

ไม่มีความคิดเห็น: