วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2552

เสียงเรียกร้องจากภายใน

มีหนังสือดีหลายเล่มที่ฉันได้อ่านตั้งแต่เด็กจนโต แต่หนังสือ "พลังจิตใต้สำนึก" เป็นหนังสือที่ฉันอ่านแล้วเห็นผลทันที...

ฉันเคยสงสัยมาหลายปี เหตุใดเวลาเมาอาการของแต่ละคนจึงแตกต่างกันมากมายนัก นั่นขึ้นอยู่กับว่า ในเวลาปกติที่จิตสำนึกทำงาน เราได้ทำตามความรู้สึกมากน้อยเพียงใด ยิ่งเก็บกดอารมณ์ความรู้สึกมากเท่าใด ความแตกต่างเวลาเมากับไม่เมาก็มากขึ้นเท่านั้น

ทำไมเราจึงต้องมาใส่ใจกับจิตใต้สำนึก...

หนังสือบอกว่าจิตใต้สำนึกมีพลังมากมายมหาศาล มากถึง 90% ของพลังทั้งหมด จิตสำนึกที่มีเหตุผลมีผลแค่ 10% เท่านั้น

เราจะปรับจิตใต้สำนึกให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการได้อย่างไร...

การสวดอ้อนวอน มีศรัทธาในสิ่งที่เชื่ออย่างแรงกล้า การพูดตอกย้ำ้ซ้ำในสิ่งที่ต้องการบ่อยๆ ก็จะทำให้สิ่งเหล่านั้นประทับอยู่ในจิตใต้สำนึก ผลโดยตรงคือ เราจะปฏิบัติในรูปแบบที่ทำให้เราได้อย่างที่ต้องการ และเมื่อเราเปลี่ยนแปลงตัวเอง ความเปลี่ยนแปลงนั้นก็จะกระทบสิ่งต่างๆ รอบตัวให้เป็นไปในทางที่เราต้องการดั่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์

ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้ไปได้ไม่กี่หน้า ความคิดหนึ่งก็แว่วเข้ามาทันใด แล้วความรู้สึกในตอนนั้นก็จูงใจให้ฉันเขียนอีเมลถึงคนที่อยู่ในใจฉันตลอดมา ฉันส่งบทความเรื่องการตอกย้ำความคิดบวกในจิตใจที่จะยังผลให้ผู้นั้นมีความสุข ด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจที่อยากให้คนๆ นั้นมีความสุข 

ความสุขของใครคนนั้นจะมีฉันอยู่หรือไม่นั้น ไม่สำคัญเท่ากับว่า ฉันขอให้เขามีความสุขจากการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ชีวิต ถ้าฉันเป็นใครคนนั้น คงอดไม่ได้ที่ฉันจะดีใจ แต่อย่างไร เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา การปฏิสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขาก็ดีขึ้นอย่างนึกไม่ถึง 

ฉันสรุปเอาเองว่า อะไรไม่ดีที่เกิดขึ้นกับฉันนั่นเป็นเพราะฉันคิดว่าสิ่งไม่ดีเหล่านั้นจะเกิดขึ้น มันคงมีผลทำให้หน้าตาของฉันบูดบึ้ง ดุ คนจึงไม่กล้าเข้าใกล้ แต่เมื่อฉันรู้สึกดีภายในแล้ว ความสุข ความเอิบอิ่มก็จะฉายฉานปรากฏออกมาให้ใครๆ เห็น

ฉันเลิกรู้สึกกระอักกระอ่วน ทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่ต่อหน้าใครๆ ด้วยรู้สึกเอาเองตลอดเวลาว่าจะมีคนวิพากษ์วิจารณ์ ฉันจะปฏิบัติตนไม่สมควรซ้ำแล้วซ้ำอีก 

ฉันกลับมานั่งที่ร้านประจำคนเดียวได้แล้ว หลังจากที่ขาดความมั่นใจมาแรมปี 

ฉันปรารภกับพี่คนหนึ่งว่า ฉันไม่เข้าใจ ทำไมปฏิกิริยาที่ใครๆ มีต่อฉันจึงไม่ค่อยน่าพิสมัยนัก ญาติผู้พี่ของฉันเคยบอกว่า ฉันเป็นคนจำพวก Aloof  น้องอีกคนก็บอกว่าฉันมีโลกส่วนตัว แปลกแยกจากผู้อื่นวันคุย บางวันไม่คุย คนเลยไม่รู้ว่าวันนี้ฉันอารมณ์ไหน 

ฉันอยากขอบคุณในทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำให้ฉันรู้สึกดี มีความสุข ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

ขอบคุณที่เขาสนใจน้องแอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์เครืองใหม่ของฉัน เครื่องที่ฉันบอกกับตัวเองก่อนซื้อว่า เราไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลทุกอย่างก็ได้นะ เราแค่ซื้อของที่เราชอบแต่มันก็มีคุณภาพและเห็นได้ถึงความใส่ใจของคนออกแบบ 

ขอฉันพรรณนาถึงความใส่ใจในการผลิตอุปกรณ์อิเลคโทรนิคชิ้นนี้หน่อยเถอะนะ

ตัวต่อที่ชาร์จไฟเข้าเครื่องทำด้วยแม่เหล็กทำให้ตัวต่อยึดติดกับเครื่องได้ง่าย ที่สายไฟมีตัวเกาะกับขอบโน้ตบุคเพื่อให้สายไฟเลียบไปตามขอบเครือง สายไฟไม่เกะกะรุงรัง ตัวปลั๊กสองขาสำหรับเสียบเต้าไฟฟ้าสามารถพับเก็บได้ ตรงขอบอีกสองมุมสามารถดึงขึ้นมาสำหรับพันสายไฟด้วยวัตถุประสงค์เดียวกับตัวเกาะสายไฟกับขอบโน้ตบุค 

แม้จะเป็นคอมพิวเตอร์ที่จอขนาดเล็ก 13.3" แต่เราก็สามารถขยายขนาดตัวอักษรที่หน้าจอได้อย่างง่ายดายด้วยสองนิ้วสัมผัส เพียงสัมผัสนิ้วทั้งสองที่แผ่นเมาส์แล้วลากนิ้วออกจากกัน โน้ตบุคอัจฉริยะก็ปรับขนาดตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้นทันที 

แป้นพิมพ์ที่ใหญ่เทียบเท่าโน้ตบุคขนาดปกติเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับฉัน หากแมคบุค แอร์เครื่องนี้น้ำหนักเบาเพียงอย่างเดียว แต่ขนาดของแป้นพิมพ์เล็ก ฉันก็คงไม่เลือกแน่นอน งานส่วนใหญ่เป็นการพิมพ์ ฉันเคยใช้โน้ตบุคจิ๋วของนายเก่า สวยแต่ใช้งานลำบาก กว่าจะพิมพ์งานเสร็จใช้เวลานานมาก นานจนอารมณ์คนพิมพ์แปรปรวน

เมื่อพูดถึงน้ำหนักก็ต้องยกเรื่องความบางของเครื่องที่มีผลให้นำ้หนักของเครื่องน้อยเทียบเท่าโน้ตบุคขนาดเล็กจอ 10" เมื่อบวกกับดีไซน์ คุณสมบัติไม่ติดไวรัส ความเสถียรของเครื่อง ฉันก็ยอมแพ้กับราคาที่สูงกว่าโน้ตบุคอื่นที่มีขนาดเดียวกันประมาณ 3-5 เท่า

ขอบคุณที่เขาคุยกับฉันโดยไม่แคร์สายตาของผู้ที่อาจจะนินทา วิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวในอดีตระหว่างเรา เขาทักฉัน พูดคุยกับฉันเหมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่ม กลุ่มที่ฉันรู้สึกมานานว่า ฉันเป็นส่วนเกิน

ขอบคุณที่เขาใส่ใจ ติดตามเรื่องราวของฉันในชุมชนออนไลน์อย่าง facebook เขาเคยบอกฉันชัดเจนว่า อีเมลใดที่ฉันส่งให้ เขาทิ้งลง Trash หมด เว้นก็เสียแต่บทความเกี่ยวกับหนังสือเล่มแรกของฉันที่ลงในผู้จัดการออนไลน์ และนั่นเป็นที่มาของหัวข้ออีเมลที่ฉันส่งถึงเขา ด้วยหวังว่าอีเมลแห่งความปรารถนาดีฉบับนั้นจะไม่โดนทิ้งลง Trash เหมือนฉบับอื่นๆ  เขาพูดคุยกับฉันเกี่ยวกับเรื่องราวความเป็นไปของฉันที่ปรากฏอยู่ใน facebook ฉันไม่มีทางรู้หรอกว่า เขาอ่านหรือผ่านตาข้อมูล เรื่องราวใดของฉันบ้าง สิ่งที่ฉันรู้ก็คือ ฉันเข้าไปดูเรื่องราวของเขาเสมอมา อาจจะจำไม่ได้ทุกสิ่งอัน ฉันถือเสมือนว่าที่นี่ โลกเสมือน เป็นอีกที่หนึ่งนอกจากร้านประจำที่ฉันกับเขาจะได้รับทราบความเป็นมาเป็นไปของกันและกัน โดยไม่ทำให้เราทั้งสองคนเป็นขี้ปากชาวบ้านอีกครั้ง เรื่องราวที่กระทบกระเทือนความรู้สึกของเขาอย่างมากมาย เขาผู้ที่ต้องรักษาความดี ความเป็นสุภาพบุรุษต่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับใครอีกคนหนึ่ง

ขอบคุณสำหรับบทสนทนาเมื่อวานหลายๆ ช่วงที่ทำให้ฉันรู้ว่า ความสุขจากการไม่ได้ครอบครองเป็นอย่างไร มีน้องที่เข้าใจ เห็น ความรู้สึกระหว่างเราที่ไม่อาจเปิดเผย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ความรู้สึกนี้ก็ยืนยาวมาหลายปี น้องถามเขาว่า ฉันสวยมั้ย ฉันรู้ว่ามันเป็นคำถามที่จะทำให้เขากระอักกระอ่วนใจ ฉันจึงเฉไฉไปว่า น้องขายกาแฟเหรอ ด้วยว่าชอบชงเหลือเกิน แล้วมันก็ทำให้ฉันนึกถึงตอนที่น้องคนเดียวกันเห็นสายตาที่ฉันมองเขา (และที่เขามองฉันรึเปล่าก็ไม่แน่ใจว่าน้องรู้หรือไม่) เมื่อถึงตอนที่ฉันและเขาใกล้จะเดินสวนกัน น้องกล่าวขึ้นมาว่า ฉันถามเขาในเรื่องใดสักอย่าง เรื่องกาแฟช่วยยืดเวลาให้เขาคิดก่อนจะตอบพร้อมกับก้มหน้ามองพื้นว่า "สวยจากข้างใน" จากนั้นเสียงที่ดังที่สุดคือความเงียบ

ขอบคุณที่เขาคิดอยากมีลูก อยู่ดีๆ เขาก็พูดลอยๆ ขึ้นมา มันทำให้ฉันแปลกใจอย่างแน่นอน เพราะเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาเลิกศึกษาฉัน เพราะเขาไม่ต้องการมีลูก เพราะเขาอายุมากแล้ว และครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้ว่าเขาจะเริ่มรู้สึกอยากมีลูก แต่ก็ยังไม่วายกังวลเรื่องอายุที่มากขึ้นทุกที ลูกเพื่อนๆ โตจนทำงานทำการกันหมดแล้วด้วยซ้ำ ฉันไม่แน่ใจว่าตอนที่เขาพูด เขามีสีหน้าอย่างไร เพราะเขายืนอยู่ข้างหลังฉัน เหมือนพูดให้ฉันฟังที่ข้างหู ฉันดูปฏิกิริยาจากพี่อีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม  เมื่อพี่คนที่นั่งตรงข้ามพูดขึ้นว่า มันไม่เกี่ยวว่าผู้ชายอายุเท่าไหร่ มันเกี่ยวกับคนที่ตั้งท้อง ผู้ชายมีหน้าที่ "ทำ" แล้วก็อีกครั้งที่ฉันเฉไฉเหมือนจะเปลี่ยนคนที่ถูกพูดถึงว่า ถึงทำไม่ได้ ไม่ได้ทำมานานก็ท้องได้ ประมาณว่าแค่มีน้ำเชื้อก็เอามาผสมเทียมได้แล้ว พี่คนที่ฉันพาดพิงสะดุ้งเล็กน้อย เขาคงสงสัย เพราะนั่นเป็นบทสนทนาที่เขาเคยพูดเมื่อนานมาแล้ว 

ฉันคงอดไม่ได้หรอก ที่จะคิดว่า คนที่เขาคิดจะสร้างครอบครัวด้วยคือ ฉัน แล้วฉันก็รีบพูดกับตัวเองทันที ฉันขอให้เขามีความสุข เขาจะเป็นผู้เลือกเองว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา

ขอบคุณที่เขาทำให้บรรยากาศบนโต๊ะคืนนั้นดำเนินไปอย่างไม่ขัดเขิน พวกเราสนุก หัวเราะไปกับเรื่องราวต่างๆ ที่สรรหามาเล่า ฉันได้เป็นส่วนหนึ่งไม่ใช่ส่วนเกินอย่างที่แล้วๆ มา

ขอบคุณที่ดูแลด้วยสายตา รอและดูให้ฉันกลับจากร้านพร้อมๆ กับเขา

ฉันขอบคุณเขาด้วย sms ...condo ka. don't get drunk yet.

มันอาจจะไม่หวาน แค่บอกข้อเท็จจริง 

แต่นั่นคือ วิธีการที่เขาเคยบอกฉัน บอกความรู้สึก บอกใครสักคนว่าถึงบ้านแล้ว คนที่กำลังห่วงจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง...






ไม่มีความคิดเห็น: