วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552

Stone Head...Head Stone...หัวหินไม่ใช่หัวใจ (1)

ไป...จนกลับมาแล้ว ฉันก็ยังจำไม่ได้ว่า ครั้งล่าสุดที่ไปหัวหินน่ะ เมื่อไหร่...

ทริปไม่ได้คาดฝันนี้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่ก็ไม่ได้รวดเร็วฉับไวเหมือนหลายๆ คนที่ฉันได้รับฟังมา ไม่ว่าจะชวนกันไปกินข้าวต้มที่มาเก๊าแล้วก็บินกลับกรุงเทพ หรือเที่ยวเสร็จในคืนหนึ่งก็ขับรถจากกรุงเทพไปหัวหินถึงตอนรุ่งสาง 

ด้วยว่าน้องคนหนึ่งต้องไปทำธุระที่ประจวบฯ คนอื่นๆ เลยหาเรื่องไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เราตกลงกันได้ว่าจะไปหัวหินจริงๆ ก่อนการเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง 

บางครั้งอะไรๆ ก็ไม่ต้องไปวางแผนล่วงหน้านักหรอก 

ที่จะต้องวางแผน เห็นจะเป็น ถามหาคนดูแลหมาแสนรักของพี่คนหนึ่งที่กำลังป่วย(การเมือง)รึเปล่าไม่แน่ใจ 

ส่วนฉันน่ะ อิสระเสรีจะไปไหนไม่มีปัญหา ปัญหาคือมีคนไปด้วยรึเปล่า ฉันขอเอาไว้เรื่องนึงล่ะที่จะต้องหาคนไปด้วย ไม่เช่นนั้นแล้ว ฉันจะไม่มีข้ออ้างใดๆ ให้มีคู่หรือเพื่อนเลย 

บางคนติดงาน บางคนติดหนุ่ม บางคนหนุ่มงอน แล้วก็รวบรวมได้ 10 คนพอดิบพอดี

นั่งรถ 4 คัน คันแรกไปทำธุระแต่หัววัน คันที่สองมาแบบครอบครัว พ่อ-แม่-ลูก-พี่เลี้ยง คันของฉัน 3 คน 3 เพศ คันสุดท้าย หนึ่งเดียวคนนี้ไม่ต้องมีใครมาเป็นเพื่อน

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันไปเที่ยวต่างจังหวัดค้างคืนกับเพื่อนที่สังสรรค์กันในยามค่ำคืน มีลูกพี่ลูกน้องอยู่คนที่ด้วยความเป็นญาติเราเคยไปไหนมาไหนด้วยกันมาก่อนแล้ว น้องที่มีลูกอ่อนก็เคยไปเที่ยวกันหนนึง เหมือนนั่งเรือไวกิ้งทั้งตามตัวอักษรและตามนัย

หัวหินถิ่นเดิมๆ แต่เหมือนการผจญภัยครั้งเล็กๆ 

คนเราต่างใจต่างที่มา เรื่องละเอียดอ่อนอย่างอาหารการกิน จะอร่อยถูกปากทุกคนก็ยากเหมือนๆ กับความเห็นเวลาออกแบบปกหนังสือยังไงอย่างงั้น ใครที่เป็นต้นคิดมักจะมีแต่แย่หรือเสมอตัว ถ้าอาหารอร่อย บริการเป็นเลิศ ราคาโอเค (ซึ่งมาตรฐานของแต่ละคนก็ต่างกันอีกนั่นแหละ) ก็เสมอตัว ยิ่งเดินทางกว่าจะรวมตัว ทยอยสั่ง มีเด็กอยู่ด้วย อาหารได้ช้า ไม่ถูกปาก ราคาแพง คนแนะก็โดนซะ 

นึกแล้วก็สงสาร ฉันเพิ่งถึงบังอ๋อว่าทำไม น้องคนแนะนำร้านอาหารถึงได้ลังเลเวลาแนะนำที่พัก ฉันเองรอดตัวไปเพราะราคาแพงกว่าที่เพื่อนคนอื่นหาได้

นอกจากเรื่องมาตรฐานเรื่องรสชาดแล้ว ราคาและความมากน้อยในการกินก็เป็นปัจจัยที่ทำให้คนทะเลาะกันได้ง่ายๆ เขียนๆ อยู่นี่ก็นึกถึงเรื่องติดฉลากที่น้ำส้มกล่องในตู้เย็น สมัยที่น้องของฉันพักร่วมกันอยู่กับเพื่อน การที่น้องฉันชอบกินน้ำส้มมาก กินเกินโควต้าจนเพื่อนๆ ติดฉลากไว้กันไม่ให้กินเกิน จะว่าน้องฉันผิดก็ผิด หรือจะว่าเพื่อนของน้องเรื่องมากไม่ยืดหยุ่นก็ว่าได้ 

ว่าแล้วมันก็เรื่องของคน เมื่อใดที่คนมาอยู่รวมกันก็มักจะเป็นเช่นนี้ 

สรุปว่าร้านอาหารร้านแรกที่เรานัดเพื่อนๆ แต่ละคันมาเจอกันเป็นร้านที่นำความซวยมาให้ผู้แนะนำเป็นอย่างมาก จากนั้นเราก็ไปเจอกับเพื่อนคันแรกที่เสร็จธุระแล้วก็มากินข้าวรอบสอง สำหรับผู้ตกค้างยังไม่ได้ทานข้าวเย็น เราจึงเริ่มเคลื่อนย้ายขบวนจากชะอำผ่านเวทีคอนเสิร์ตริมทะเลร่วมบรรเลงโดยนานาศิลปินแต่คนเดียวที่จำได้คือ เจนนิเฟอร์ คิ้ม ราคาค่าตั๋วสองพันห้าที่ทำให้ชาวกรุงกลุ่มนี้ตัดใจอย่างไม่เสียดาย แล้วก็อย่างที่เห็นๆ คนโหรงเหรง ขาดทุนเป็นแน่แท้  จะขับเข้าหัวหินก็ต้องขับตามกันเป็นขบวน โทรหากันทุกระยะ แตกแถวเป็นไม่ได้เชียว โอ้! สงสัยฉันจะเป็นพวกศิลปินเดี่ยวมานาน พอจะขอแซงแก้เมื่อยขาหน่อยเป็นต้องมีมือยื่นมาจากหน้าต่างรถคันหน้าให้เบาลง พร้อมกับโทรมากำชับว่า อย่าแซง

ด้วยว่าเคลื่อนย้ายไปเป็นขบวน อาหารก็อยากกินร้านอร่อย ไปถึงร้านที่ตั้งใจก็ปิดหรือไม่อาหารก็ขายหมดซะแล้ว แต่ท้ายที่สุดไปจบที่แสงชัยซีฟู้ด ร้านใหญ่ริมทะเล ขอให้สั่งมีทุกอย่าง อารามหิว ทุกคนสั่งอาหารเหมือนไม่ได้กินมาแล้วหนึ่งรอบ ปลาสามตัวที่มาหลังสุดจึงต้องห่อกลับบ้านไปตามระเบียบ อันได้แก่ ปลากระพงทอดน้ำปลา ปลากระพงแป๊ะซะ และปลากระพงทำอะไรอีกสักอย่างเนี่ยแหละ 

แวะซื้อกะปิหวานสำหรับจิ้มมะม่วงจากร้านดังในตลาดฉัตรชัย ไอ้ฉันก็ไม่รู้ว่าหน้าตามันเป็นยังไง ขอตามไปด้วย แล้วเพื่อนกลุ่มนี้ก็ชื้อกะปิกันคนละ 5 กระปุก 7 กระปุก ขอแถมนั่นนิดนี่หน่อย มะม่วงแรดสามถุง น้ำจิ้มกระปุกเล็กรวบหมดเท่าที่เห็น ซื้อกันจนเจ้าของร้านที่ถ่ายรูปคู่กับท่านนายกฯติดหราหน้ารถเข็นยิ้มรอยตีนกาเป็นเส้นๆ ร่องรอยตามแก้มเห็นเป็นวงเล็บ

จากนั้นก็ถึงเวลาตกลงว่าเราจะใช้ชีวิตในราตรีนี้อย่างไร ร้องเพลง เต้นรำ นั่งกินกันเองแบบชิวๆ 

คราวนี้พวกเราขอเปลี่ยนรูปแบบการสังสรรค์ให้เข้ากับสถานที่ เลือกเป็นนั่งกันเองแบบส่วนตัวที่คอนโดริมทะเล...


ไม่มีความคิดเห็น: