วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Gossip Girl ในวันลอยกระทง

วันนี้หลังจากตัดใจเสียเงินค่า Limewire Pro ฉันก็ดาวน์โหลดดู gossip girl season 3 ทั้ง 6 ตอนอย่างหนำใจ ได้ฝึกภาษาอังกฤษแบบเต็มๆ เพราะไม่มี subtitle แล้วเธอรู้มั้ยว่ามันลงท้ายด้วยอะไรที่ฉันขอสรุปว่า destiny ได้ยังไง...

น่าสงสาร... วลีนี้จากคนคนนั้นยังติดอยู่ในใจฉันเรื่อยมา มันคือการแสดงความรู้สึกดูถูกดูแคลนรึเปล่า หรือเป็นเพียงแค่ความเห็นตรงไปตรงมากับข้อความก่อนหน้า มันตีความได้หลายแบบ ความเป็นไปได้มีตั้งหลายทาง คนในโลกหนังสือถึงได้ปัญหามากกว่าโลกธุรกิจในแง่ที่ไม่เข้าใจกันละมัง แต่ในโลกธุรกิจที่ชอบพูดอะไรเคลียร์ๆ ก็ไม่รู้อีกอยู่ดีว่าเจตนาที่แฝงอยู่เป็นไปอย่างที่แสดงออกมารึเปล่า  

เฮ้อ! สรุปว่าพอกัน ไม่ว่าอยู่โลกไหนก็ปวดหัวอยู่ดี 

คราวนี้ฉันดู gossip girl ด้วยความรู้สึกว่า เราจะไม่สามารถเขียนเรื่องให้ตื่นเต้นได้เลยใช่มั้ยถ้าไม่มีเรื่องรัก สับคู่กันไปมา กว่าจะจบนี่ไม่รู้แต่ละคนมีแฟนพันกันไปมาเท่าไหร่แล้ว ไม่เคยเห็นจะวุ่นวายเรื่องเรียน มีแต่ไปปาร์ตี้ แต่งตัว เปลี่ยนเครื่องประดับทุกวัน เฉดการแต่งหน้าก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ประมาณว่าถ้าต้องการดูให้เข้าใจอาจต้องดูซ้ำและจะจับผิดได้ว่าฉากในวันเดียวกัน แต่งหน้า แต่งตัวไม่ตรงอีกซะงั้น

วันนี้ตื่นแต่เช้า ดูแลสวนสวรรค์อันน้อยนิด ดูแลปากท้องตัวเอง ทำกับข้าวอย่างที่ไม่ได้ทำมาตั้งนาน แล้วก็ไม่พ้นติดต่อคนที่พยายามตัดใจอีกจนได้ มีเบอร์โทรศัพท์ของเขาไว้กับตัวอีกแล้ว อย่างนี้จะไม่เรียกว่า โชคชะตาฟ้ากำหนดแล้วจะให้เรียกว่าอะไร...

ฉันกะว่าจะไม่ไปที่ประจำ เพราะฉะนั้นคงไม่เจอ เรื่องติดต่อกันก็คงไม่อยู่แล้ว โลกออนไลน์ฉันก็ตัดซะ รวมทั้งเพื่อนคู่หูคนสนิทที่ไม่รู้ว่าเลยเถิดรึเปล่า ดูเข้าอกเข้าใจกันดีจัง กันภาพบาดตา ภาษาออนไลน์บาดใจ หากไม่ปะเหมาะจริงๆ ก็คงจะไม่มีอะไรสะกิดให้ย้อนนึกถึงคุณคนนี้ได้ง่ายๆ แล้ว แต่ส่วนที่มาแวะเวียนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอันนี้ฉันไม่รู้จะตัดยังไง

ภาพของเขาในความคิดคำนึงไม่เคยหายไปเลย เหมือนเงาตามติดเมื่อยามที่ว่าง สมองไม่ได้จดจ่อกับสิ่งใด ฉันไม่เคยรู้สึกอะไรกับใครมากมายขนาดนี้มาก่อน จะว่าคนที่เคยใกล้ที่สุด รวมเวลาที่คบและทำใจอาจจะมากกว่าคนนี้ แต่ฉันบอกได้เลยว่า คนๆ นี้มัดใจฉันไว้ได้โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย มัดแบบที่ฉันรู้ตัวว่าหมดสิทธิ์ที่จะไปทำความรู้จักคุ้นเคยกับใครใหม่ๆ แม้เมื่อเขายังไม่ว่าง ฉันก็ให้โอกาสตัวเองและคนที่เข้ามา กำลังจะเข้าได้เข้าเข็ม ประมาณว่า เอาวะ ตัดใจเสียเถิด ไม่มีหวังหรอกชาตินี้ 

ที่ไหนได้ ดันมาเกิดเหตุการณ์ทีี่่ไม่มีใครคาดคิด ทันทีที่ฉันรู้ ฉันก็รู้ตัวเลยว่า คนที่ฉันพยายามจะให้โอกาส ตั้งหลักปักฐาน เริ่มชีวิตคู่อีกสักครั้ง ไม่มีความหมายไปในทันที โชคยังดีที่ฉันไม่ได้ให้ความหวังอะไรกับฝ่ายนั้นจนต้องรู้สึกโกรธตัวเองมากนัก

แต่ก็ใช่ว่าฉันจะได้ลงเอยกับเขาคนนี้ แม้เมื่อทั้งคู่ก็ไม่ได้มีพันธะอื่นใด ทำไมใจฉันถึงไม่เคยบอกเลยว่าเขาไม่ได้รักฉัน ทำไมฉันถึงได้มั่นคงกับความรู้สึกที่ว่าฉันเข้าใจเขาอย่างไม่เสื่อมคลายคล้ายกับหลอกตัวเองตลอดเวลา ปฏิเสธ ไม่รับรู้ความจริง 

ฉันเชื่อในสิ่งที่ฉันรู้สึก มันไม่ใช่ความรู้สึกข้างเดียว แม้เขาจะพร่ำปฏิเสธไม่รู้กี่ต่อกี่ครั้ง ฉันก็เข้าใจและรู้ว่าแม้เพียงสองครั้งที่เขากล่าวความในที่มาจากใจจริงๆ มันก็ยังคงเป็นความจริงเสมอมา ฉันไม่แน่ใจว่าเคยมีผู้ชายคนไหนบอกรักฉันรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ เขาของฉันบอกโดยที่ฉันไม่ได้ขอ ในเวลาที่ฉันไม่ได้คาดหมาย ในค่ำคืนที่เกิดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย มันได้ถูกลิขิตไว้แล้ว ทั้งสภาพแวดล้อม การกระทำของฉัน และปฏิกิริยาตอบกลับของเขา

เพราะเหตุการณ์นั้น ฉันหมดข้อกังขาใดๆ ไม่ต้องไขว่คว้า ไม่ต้องตามหา ฉันเจอแล้ว อยู่นี่ อยู่ตรงนี้ ไม่ใกล้ ไม่ไกล เหมือนจะห่างไม่ได้เห็นหน้า แต่เขาไม่เคยห่างไปจากความคิดคำนึงของฉันเลย 

เกือบครึ่งปีแล้วที่ความรู้สึกที่ลงหลักปักฐานไม่แปรเปลี่ยน 

มัดใจ...เป็นเช่นนี้เอง 

และในวันนี้ วันที่ฉันอยากจะให้เกิดภาพในความทรงจำสำคัญอีกครั้ง ฉันจะต้องลงทุนจริงๆ เหรอ หรือเหตุการณ์ต่างๆ จะช่วยนำเขามาใกล้ฉันอีกครั้ง 

ใจนึงฉันก็พยายามหนีเพื่อที่จะตัดใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหวังลมๆ แล้งๆให้มันเด้งกลับ เพราะเรื่องของเรามันคาราคาซังอยู่ในใจฉันไม่รู้จบ พร้อมๆ กับที่ฉันก็มั่นใจว่ามันก็อยู่ในภาวะที่ไม่แตกต่างกันนักหรอกในใจเขา แม้ภาพสำหรับคนภายนอกที่รับรู้เรื่องราวมาแต่ต้นจะเป็นภาพที่ฉันไม่รู้จักเลิกราอยู่นั่นแหละ

น่าแปลกนะ ผู้หญิงที่หลายๆ คนคิดว่า เลือกใครก็ได้อย่างฉัน ดูจะเป็นทาสเขาอยู่อย่างนี้ตลอดมา หรือฉันต้องเป็นคนที่ make the first move  อีกไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่  ต้องเสี่ยงกับการปฏิเสธอยู่ร่ำไป แม้จะเคยมีครั้งนึงก็เถอะที่เขาตอบรับอย่างที่ฉันไม่คาดคิด 

อีกสองอาทิตย์ก็รู้ว่าฝันของฉันจะเป็นจริงรึเปล่า หรืออีกทีก็หวังลมๆ แล้งๆ ตามที่มีผู้้พยากรณ์ว่าภายในสิ้้นปีนี้ เขาจะกลับมา...


ไม่มีความคิดเห็น: