วันอังคารที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2553

ออกจากรัง

วันนี้เป็นวันที่ฉันออกไปหาสิ่งเพลิดเพลินใจนอกบ้านหลังจากอุดอู้มาสองสามอาทิตย์ พบเรื่องราวที่เหมือนเป็นแบบทดสอบว่าฉัน "พร้อม" เผชิญโลกแล้วหรือยัง...

เร่ิมต้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไปดูหนังตลก "ตลกไว้ก่อน พ่อสอนไว้" แต่น้ำตาไหลสะอึกสะอื้นเป็นทางมาถึงเนินอก ด้วยเกรงคนข้างๆ จะรู้เลยรอจนต้องสั่งน้ำมูก ค่อยแอบสอดกระดาษทิชชูเช็ดน้ำตาและระเรื่อยมาจนหยดสุดท้ายที่คอเสื้อ

หนังเรื่องนี้มีทั้งเรื่องตลกและเรื่องกินใจ แถมพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูกอีกต่างหาก ภาพความทรงจำตอนที่ฉันกับน้องชายนั่งที่ชิงช้าสีครีมหน้าตัวบ้านรอรับแม่และน้องสาวคนเล็กที่เพิ่งคลอดกลับบ้าน พ่อเป็นคนขับรถไปรับ ฉันไม่รู้ว่าทำไมภาพนี้ถึงได้อยู่ในความทรงจำ มันต้องมีอะไรที่ประทับใจเป็นพิเศษแน่ๆ ฉันจำภาพนั้นได้ ภาพที่พ่อเดินตามหลังแม่ที่อุ้มน้องสาวคนเล็ก พ่อไม่ได้ยิ้ม ดูเหมือนพ่อแบกภาระอะไรสักอย่าง ความรับผิดชอบของพ่อต่อลูกสามคนละมัง

ฉันเคยเห็นน้ำตาของพ่อครั้งนึง ร้องไห้แบบสะอึกสะอื้นภายใต้แว่นกันแดดยืนอยู่หน้าป้ายบอกเวลาขึ้นลงเที่ยวบินต่างๆ ที่สนามบิน พ่อหายไป ฉันเป็นคนไปตาม จึงเป็นคนเดียวที่เห็นภาพๆ นั้น ฉันเดาเอาเองว่าคงเป็นเพราะพ่อสงสารฉันที่ไปรักคนที่ไม่ควรรัก สายตาผู้ชายคงมองกันออกมั้ง

หลังจากฉันอกหักครั้งนั้น ฉันนั่งอ่านการ์ตูนสองกล่องใหญ่แล้วโทรทางไกลต่างประเทศหาพ่อที่โรงพยาบาล พ่อมารับสายแล้วบอกว่ากำลังตรวจคนไข้อยู่ ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรจึงวางหูไป แล้วฉันก็กลับมาทำ Thesis จนจบปริญญาโท

ดูหนังและกินข้าวเย็นเสร็จ คนข้างๆ ฉันอยากไปดูลูกร้องเพลงกับวงใหม่ที่เพิ่งรวมตัวกันแค่เดือนเดียว อะ ไปก็ไป วันจันทร์คนไม่เยอะจะว่าไปแล้วมีแต่คนฟังที่เป็นญาติหรือไม่ก็แฟนของนักร้อง วงนี้หน้าตาดีแฮะ เล่นเก่งเข้าท่า เวลาดังน่าจะแบ่งกันดังประมาณแบบวงนูโว

ย้อนกลับมาระหว่างกินข้าว ฉันนั่งทบทวนการกระทำและแอบเหม่อลอยเป็นครั้งคราว คนที่กินข้าวด้วยก็ถามเป็นครั้งคราวเช่นกัน ฉันยังยืนยันว่าทางที่ฉันเลือกเป็นทางที่ดีที่สุดในสายตาของฉัน ฉันเตรียมพร้อมสำหรับทางเลือกนี้มาตั้งแต่ต้น รู้ว่าวันนี้จะต้องมาถึงในที่สุดเพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ฉันทำงานไม่เกิน 3 ปี ที่ผ่านมา ไม่ฉันลาออกเองเพราะเลือกทางเดินใหม่ สุขภาพไม่อำนวย ก็มีอันต้องเปลี่ยนงานเพราะบริษัทถูกปิด นายลาออก ได้งานใหม่ที่ดีกว่า หนนี้มาแบบสายฟ้าแลบ ฉันไม่คาดคิดและไม่ประมาณตนเอง ฉันไม่อยากให้ใครลำบากเพราะความแปรปรวนของฉันอีก เพราะนั่นเป็นความเครียดและรู้สึกผิดที่ฉันไม่สามารถบอกตัวเองให้ไม่จริงจังกับมันได้

จบเรื่องงาน กลับมาเผชิญหน้ากับเสียงนินทาที่หนาหูกว่าเคย มันมากซะจนพี่คนดีถึงกับต้องมาเล่าให้ฟังว่าคนเค้าพูดอย่างไร กลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งไปทั่วถ้ามีเครื่องแปลงคำนินทาเป็นกลิ่นเน่าเสีย ฉันพอใจตัวเองในการจัดการเรื่องนี้ ฉันไม่โกรธใคร เพราะแม้ไม่ได้ยินกับหูก็รู้ว่าคนเข้าใจเรื่องของฉันอย่างไร ฉันยังไหว้และเข้าไปกอดคนสำคัญเช่นเคย ห่วงก็แต่คนข้างตัวที่เหมือนจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทั้งๆ ที่เขาผ่านพายุอารมณ์ระลอกใหญ่จากฉัน แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ตัวพอที่จะกลับก่อน อย่างน้อยไม่ได้เห็นหน้าก็ทำให้อารมณ์ที่คุกรุ่นเจือจางลงบ้าง ฉันลงไปด้วยแล้วกลับขึ้นมาเคลียร์บิล หวังเล็กน้อยว่าจะได้เคลียร์เรื่องอื่นด้วย แต่ก็ไม่ได้โอกาสเหมาะกลายเป็นพี่คนดีบอกกล่าวด้วยความเป็นห่วง สักพักคนที่เพิ่งลงไปข้างล่างกับฉันก็เดินขึงขังขึ้นมา เอาล่ะ ถึงเวลาที่ฉันต้องจากไปเสียที

ความคิดเรื่องนายกับลูกน้องแว่บเข้ามาระหว่างทางกลับบ้าน ฉันจำได้ว่านายที่เรียกได้ว่าทำให้ฉันชอกช้ำใจที่สุด คือ นายที่ทำให้ฉันพัฒนาตัวเองที่สุดเช่นกัน ฉันใช้เวลานานหลายปีกว่าจะคิดได้เรื่องนี้ และฉันก็ได้แต่หวังว่า ลูกน้องทั้งหมดที่ฉันเคยมีจะมีประสบการณ์เช่นฉันเหมือนกัน ฉันเป็นนายประเภทที่โยนงานให้ลูกน้องทั้งหมด จะว่าไปก็ปล่อยให้ลงสระว่ายน้ำแล้วหาทางรอดเอาเอง เหมือนๆ กับที่ฉันเคยโดนมา ยังผลให้ผูกใจเจ็บ เก็บกดจนถึงวันระเบิด ฉันไม่ให้โอกาสนายคนนั้นเลยหลังจากฟางเส้นสุดท้ายก็ไม่เหลือแล้ว หรือจะเรียกว่าเผาสะพานก็ว่าได้ ฉันหายไปเฉยๆ ไม่พูดไม่จา เจอหน้าในงานสังคมก็ไหว้ตามปกติ นายเคยไม่รับไหว้บ้าง รับบ้าง พูดคุยกันบ้าง ชวนไปเจอบ้าง แต่ฉันก็ยังไม่เคยสร้างโอกาสที่จะบอกเธอคนนั้นว่า ฉันขอบคุณที่สอนงานฉันด้วยวิธีนี้ ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมาย และฉันก็เลือกที่จะสอนงานลูกน้องทุกคนด้วยวิธีนี้ วิธีที่ฉันเห็นว่าดีที่สุด ฉันรู้ว่าลูกน้องของฉันเก่งขึ้นพร้อมๆ กับความรู้สึกด้านลบรุนแรงที่มีกับฉัน ทั้งๆ ที่รู้ แต่ฉันก็ต้องทำใจเวลาได้รับปฏิกิริยาตอบกลับที่ไม่พึงประสงค์ ฉันยังเชื่อเสมอว่า ฉันทำส่ิงที่ควรจะทำแล้ว

พรุ่งนี้ฉันจะออกงานสังคมอีกครั้งแปลงร่างจากสาวเซอใส่แว่นเป็นสาวเปรี้ยวออกงาน ไปเผชิญหน้ากับสารพัดข่าวอีกครั้ง ให้รู้กันทั่วว่า ฉันเป็นแบบนี้แหละ การแต่งตัวก็เป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น: