วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553

วันอันยาวนาน

วันนี้ก็ยังนอนอึดทึดอยู่เหมือนเดิม...

แต่จะดูมีเหตุผลให้อ้างนิดว่า คืนวันพฤหัส ตื่นตอนเที่ยงคืนและไม่หลับตาจนถึงประมาณตีสามคืนวันศุกร์ แปลว่าไม่ได้นอนเกิน 1 วันเต็มๆ ที่ทำแบบนี้เพราะรู้ว่า หากนอนแล้วจะไม่ได้ตื่นไปศูนย์สิริกิติ์ทันเวลาอย่างที่คิดไว้ ติดต่อพี่ที่แสนดีไม่ได้ตั้งแต่ก่อนเที่ยง ทำไงดี ไปจัดการเรื่องเงินๆ ทองๆ นานเกินควรเพราะพบปัญหาที่ไม่ได้คาดไว้ เลยไปถึงศูนย์สิริกิติ์เกือบสามโมง ยังแอบหวังอยู่เล็กๆ ว่า น่าจะมีโอกาสเข้าเฝ้าเพื่อถวายหนังสือเสียที จอดรถแล้วเข้าไปในศูนย์เจออุปสรรคอีกเช่นเคย เห็นคนที่รู้จักอยู่ในห้องรอรับเสด็จแล้วเลยรู้ว่าคงติดต่อไม่ได้ คนทั่วไปจะเข้าได้ก็ต่อเมื่อเสด็จกลับแล้ว สรุปว่าไม่มีโอกาสเข้าเฝ้าอย่างที่ตั้งใจไว้ ก็คงต้องรอโอกาสต่อไป ของไม่เน่าไม่เสีย ไม่เป็นไร

ทีนี้ไปไหนดี ตัดสินใจไปใช้บัตรลดราคาและเหล้าฟรีที่ pan pacific ดีกว่า เกิือบจะเปลี่ยนไปกินอาหารเกาหลีแล้ว เพราะเป็นช่วงเทศกาลอาหารแคลิฟอร์เนียพอดี ต้องกินเมนูพิเศษที่จัดไว้เท่านั้น แต่บริกรสาวช่างเก่งจริงๆ เอาใจทุกอย่างไม่ยอมให้ออกจากร้านอาหาร ได้กิน tapas 7 อย่างอร่อยสมใจแบบครึ่งราคา เสียแค่หกร้อยกว่าๆ ได้นั่งกินแบบ chill chill พร้อม Black ผสมน้ำจนถึงห้าโมงเย็น

เนื่องด้วยอากาศกรุงเทพวิปริตผิดธรรมชาติ เย็นจนต้องตัดสินใจซื้อผ้าคลุมมิฉะนั้นอาจไม่สบายตอนไปฟังลูกคนข้างๆ ร้องเพลงคืนนี้ไม่ได้ คนข้างๆ พาเดินทะลุพัฒน์พงศ์แบบผู้เชี่ยวชาญแวะซื้อผ้าสีน้ำเงินเข้มถูกใจเข้ากับชุดสีม่วง(อีกตามเคย)ของฉันได้เป็นอย่างดี คนข้างๆ ก็ตั้งใจซื้อเสื้อเชิ้ตสักตัว ที่ไหนได้ซื้อมัน 5 ตัวเลย ก็ราคาตัวละร้อยกว่าบาทมันอดซื้อไม่ได้หนิ

ได้เสื้อแล้วก็ยังไม่ถึงเวลาเล่นดนตรี คราวนี้เลยเลือกไปดูหนัง ด้วยความที่วันก่อนไปดู up in the air เสียเงินแค่ 90 บาทได้นั่งที่ดีที่สุด วันนี้ต้องมาจ่ายคนละ 200 ที่เอ็มโพเรียมเลยคิดถึงค่าของเงินขึ้นมา และให้รู้สึกดีกับเงินที่จ่ายค่าอาหารโรงแรม เพราะรวมค่าตั๋วหนัง ป๊อปคอร์นและน้ำแล้วเกือบจะเท่ากับที่เพิ่งจ่ายมาเลย

เลือกดูหนัง Green Zone ตามใจคนข้างๆ บ้าง แล้วฉันก็ต้องทนจริงๆ หนังสงครามในอิรักเนื้อหาดีแต่รูปแบบการถ่ายทำเป็นการที่เดินถือกล้องตามไปถ่ายเหตุการณ์แทบจะตลอดเรื่อง ฉันปวดหัวถึงกับต้องหันไปมองข้างจอบ้าง หลับตาบ้างเป็นพักๆ ออกมาจากโรง คนข้างๆ ก็บอกว่าปวดตาเหมือนกันต้องหันไปมองทางอื่นเช่นกัน

กะเวลาได้เหมาะเจาะไปถึง Bamblu ดูลูกคนข้างๆ ร้องเพลงทันพอดี คุณลูกชายมาในมาดเท่เสื้อแจ๊กเก็ตแบบมีฮู้ดด้วย มานั่งคุยกันอยู่พักนึงก่อนขึ้นเวที ฉันรู้ว่าลูกคือสุดที่รักของคนข้างๆ เป็นความผูกพันที่ปลื้มใจ เมื่อเห็นพัฒนาการร้องเพลงของลูก การประสานเข้ากันได้อย่างเหมาะเจาะกับทั้งวงเก่าวงใหม่ทำให้พ่ออดยิ้มและปรบมือให้ไม่ได้ทั้งๆ ที่ปกติแล้วก็กลัวลูกจะเหลิง วันนี้เล่นได้ดีมาก แน่นมาก และลูกคนข้างๆ ก็น่ารักพอที่จะนัดแนะกับเพื่อนพ้องในวงให้เล่นโชว์เหมือนที่เราเห็นกันในคอนเสิร์ตน่ะเธอ เจ๋งจริงๆ อนาคตรุ่งแน่นอน ทำงานได้เงินแล้วก็สนุกไปด้วย เล่นดนตรีกันเสร็จแล้วคุณพ่อคอมเมนท์เตเตอร์ก็เริ่มร่ายอีกตามเคย หัวหน้าวงที่เป็นคนตีกลองมาพูดคุยด้วย

แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้เพราะนักร้องนำกำลังจะต้องจากไปเพื่ออนาคตสดใสที่รออยู่ข้างหน้า มันก็น่าท้อใจเหมือนกันเพราะแม้จะตีดีแต่วงดนตรีก็ต้องขายที่ตัวนักร้องนั่นแหละ โลกเราก็แบบนี้ วงนี้ไปออดิชั่นเรื่องฝีมือก็เหนือกว่าเค้าไปทั่วแต่ผับบาร์นั้นๆ ก็ไม่รู้จะเอาวงเก่าออกยังไง ก่อนจากก็แฮปปี้เบิร์ดเดย์ลูกชายซะหน่อย นั่นเป็นสาเหตุหลักที่ต้องไปฟังเพลงคืนนั้น

แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ฉันยังต้องถ่างตาและหาวต่อไป พี่อีกคนซื้อของมาฝากจากเกาหลีและพี่อีกคนก็ถามหาด้วยความคิดถึง ฉันจึงต้องไปจบที่ที่ประจำอย่างเคย ได้เล่นมุขให้แฟนหอมแก้มกันด้วย แกล้งคนอื่นน่ะของชอบฉันเลย อันที่จริงแล้วเค้าก็อยากจะหอมกันแหละ แต่จะให้ผู้หญิงเริ่มก่อนก็ไม่น่ารัก ไอ้ผู้ชายก็ไม่รู้ไม่กล้ารึเปล่า ฉันก็จัดการชงว่า ผู้หญิงเค้าชอบนะแต่ก็พูดไม่ได้ เชียร์กันไปกันมา หนุ่มหล่อที่ฉันชอบมองก็โน้มตัวลงไปหอมเบาๆ ที่ขมับ แล้วเราก็เฮเป็นที่สนุกสนาน

เพื่อนสนิทพี่สุดหล่อไม่ยอมน้อยหน้า ฉันมาก่อนฉันเป็นเมียหลวง ว่าแล้วก็คว้าตัวมาหอมแก้มดังฟอด เมียน้อยถ่ายรูปได้ทันพอดี ฉันบอกโพสต์ขึ้นเฟซบุคเลย ภาพเด็ดมาก เห็นท่าเวลาหันและสีหน้าเวลาโดนหอมแก้มได้อารมณ์ดีแท้

มีพี่ๆ น้องๆ ที่น่ารักอีกตั้งหลายคน แทนที่จะไปจดจ่ออยู่แต่กับคนที่มองฉันไม่ดี คนข้างๆ ก็บอกเหมือนกันว่า มีคนเข้าใจฉันผิดเยอะ แต่มันก็ดีนะ จะได้รู้ว่าใครดีกับเราจริงๆ ส่วนคนที่เข้าใจผิด พอรู้ว่าฉันเป็นยังไงเดี๋ยวก็รู้สึกผิดไปเองนั่นแหละ แหม แต่ถ้าเขาเข้าใจผิดไปตลอด ฉันมิแย่ไปเลยเหรอนั่น คุ้มกันมั้ยเนี่ย

เมื่อคืนโดนไปหลายขนานทั้งแบล็ค เบียร์โฮการ์เด้นสุดมัน กลับมาที่แบล็คอีกครั้ง แล้วตบท้ายด้วยเบียร์สิงห์และไฮเนเก้นฟ้าประทาน ฉันขึ้นไปสุดสวิงริงโก้บนเวทีอีกเช่นเคย โชคดีที่นักฟังตัวพ่อบอกฉันว่ามันไม่เพี้ยนเป็นอันใช้ได้ หวังว่าเขาคงไม่ได้บอกไปอย่างนั้นเพื่อไม่ให้ฉันเสียใจนะ

ลงจากเวทีฉันก็ยืนฟังกันนิ่งๆ กับคนข้างๆ แบบไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ใดนอกจากทักทายกับคนรู้จักตามธรรมเนียม เห็นคู่อื่นกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันนัวเนีย อ้อ ลืมเล่าเรื่องเด่น น้ำชา ขึ้นไปร้องรักแท้...ยังไง ของตัวเองตอนนักดนตรีเปิดคาราโอเกะเพลงนี้ด้วย น่ารักและเซ็กซี่เหมือนเคย ไม่แค่นั้นยังไหว้ฉันแบบงามๆ น่าชื่นชมดีแท้ แฟนหนุ่มสุดหล่อของน้ำชาก็มา คุยกับคนข้างๆ สนิทสนมกันดี ด้วยคำแนะนำที่เคยมีให้เป็นคำแนะนำที่ใช้ประโยชน์ได้จริงๆ แล้วเราก็คงจะได้เห็นนักร้องคุณภาพอีกคนในไม่ช้า

มีสายตาหนึ่งมองฉันด้วยความสงสัย ฉันเคยเห็นสายตานี้จากเพื่อนสนิทของเขาไปแล้ว ทั้งยังนึกถึงบทสนทนาอ่อนโยนจากคนที่เคยมองฉันด้วยสายตาเหยียดหยามตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาคนมันบอกอะไรได้มากมายเหลือเกิน หวังว่าคราวนี้เขาจะสงสัยจนใช้เหตุผลวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ฉลาดขนาดฉันแคร์เขามาตั้งนานแล้วน่าจะเข้าใจฉันซะทีนะคราวนี้

ไม่มีความคิดเห็น: