ยุ่งเกี่ยวกับคนดังก็เป็นอย่างนี้ แล้วหล่อนก็ฝันหวานถึงวันที่ศรุตจะโทรมา สถานที่นัดพบคงไม่มีที่ใดเหมาะไปกว่าร้านอาหารริมบึงกลางเมืองแถวอนุสาวรีย์ชัยฯ หล่อนเตรียมเพลงสำคัญเพื่อร้องให้เขาฟัง ที่ร้านอาหารมีมือเปียโนระดับอาจารย์พร้อมกับคาราโอเกะที่สามารถปรับเสียงให้เหมาะกับหล่อน ถูกใจหล่อนกว่าร้านประจำเสียอีก โดนใจทั้งอาหาร ดนตรี สถานที่และบรรยากาศ หล่อนเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบที่ไม่น่าจะมี แต่ร้านนี้ก็มีทุกอย่างดั่งฝันแถมอยู่กลางเมืองอีกต่างหาก
หลังจากวุ่นวายใจอยู่ร่วมอาทิตย์ นพนาศก็ตัดสินใจได้ว่า สิ่งที่หล่อนควรทำที่สุดคือ เชื่อมั่นในคำพูดของศรุต “เขาจะโทรมา” น่าแปลกที่หล่อนเกิดจะนึกถึงพุดเดิ้ลทอยสุนัขตัวโปรดของหล่อนที่สามีเก่าซื้อให้ในวันเกิด แม้มันจะตกใจตายไปแล้ว แต่ครอบครัวของหล่อนก็รักมันมากกระทั่งตั้งชื่อพุดเดิ้ลทอยตัวใหม่ว่า “ชมพู่” เช่นเดิม
ชมพู่เป็นหมาขี้กลัว ใจเสาะ ตามแบบฉบับของหมาพุดเดิ้ล ตามความเข้าใจของนพนาศ เมื่อใดที่หล่อนอยากจะอุ้มมัน มันก็จะวิ่งหนี แต่หากหล่อนอยู่เฉยๆ ชมพู่ก็จะวิ่งเข้ามาหยอก บางครั้งมาซบอยู่ข้างตัว หรือไม่ก็เดินไปเดินมา
บนตัวหล่อน เมื่อชมพู่หายกลัว คราวนี้จะอุ้มจะกอดอย่างไรก็ทำได้
นพนาศจินตนาการว่าศรุตก็น่าจะเป็นเช่นนั้น ทำไมนะรึ หล่อนวิเคราะห์จากกรณีสาวนักวิจัยที่ผ่านการพิจารณาจากอดีตภรรยาของศรุตแล้ว แต่เขาก็ยังไม่แต่งงานกับหล่อน จนเธอต้องเป็นคนเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาเรื่อยๆ คราวนี้ศรุตรู้สึกเหมือนโดนคุกคาม ยิ่งเหมือนผลักเขาให้ห่างออกไปอีก
หากยึดตามแง่ศีลธรรม นพนาศควรจะเห็นใจลูกผู้หญิงด้วยกัน แต่หากหล่อนอยู่นิ่งๆ หล่อนก็คิดว่า นั่นยิ่งเป็นการเรียกร้องให้เขาเข้ามาหาหล่อน นพนาศมองอะไรไม่เหมือนคนอื่น การกระทำอย่างเดียวกับดูจะถูกต้องในสายตาคนทั่วไปแต่หล่อนกลับคิดว่าการกระทำอย่างที่ว่า เป็นการทำร้ายเธอคนนั้นต่างหาก แต่ก็อีก หากหล่อนทำตามที่หล่อนคิด ติดต่อ พูดคุยกับศรุต เขาอาจสนใจหล่อนเพียงพักเดียวแล้วก็กลับไปหาสาวนักวิจัย แต่ในเมื่อไม่มีใครเค้าคิดเหมือนหล่อน หล่อนก็ควรหัดทำเหมือนที่คนทั่วไปคาดหวัง ถ้าพรหมลิขิตบันดาลให้หล่อนลงเอยกับเขาจริงๆ
เขาจะกลับมา…

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น