วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2551

หมดเวลาขี้เกียจ

รูปฉันและคุณตู่โปรดิวเซอร์ในผ้าเคียนนมจากชุมชนนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย ที่ฉันภูมิใจนักหนาที่ได้มีโอกาสเผยแพร่ผลงานของชาวบ้านให้ทั้งคนสุโขทัยและคนไทยได้รู้จัก รวมทั้ง "ข้าวเปิป" หรือชื่อไฮโซว่า ก๋วยเตี๋ยวพระร่วง อาหารพื้นบ้านที่มีที่เดียวในโลก

หลังจากจบงานนางสาวไทย ฉันก็พักไม่แตะอะไร (ใดๆ ทั้งสิ้น) มาหลายวันอยู่



ฉันนอนแบบเอาเป็นเอาตาย ครั้งล่าสุด 18 ชั่วโมง คล้ายจะบอกตัวเองว่า ควรจะนอนให้หายอยากไปเลย และเริ่มทำอะไรๆ เสียที




เมื่อวานฉันได้ประโยคเด็ดจากหนังที่นำชีวิตของ Mr. Johnny Cash และ คุณนาย June Carter มาตีแผ่ให้พวกเราเห็นความขึ้นๆ ลงๆ ของชีวิตศิลปินชื่อดัง (น่าจะเป็นเช่นนั้น แม้ฉันจะไม่เคยได้ยินชื่อพวกนี้มาก่อน ด้วยไม่ฟังเพลงฝรั่ง ยกเว้นเพลงที่พี่ๆ น้องๆ ร้องให้ฟังในคาราโอเกะ) ประโยคนั้นล้อไปกับชื่อหนัง "Walk the line" .......คุณนาย June ด่าอีตา Cash ว่า "You can't walk no line" พอเป็นนักแปลแล้ว ฉันก็กลัวแปลผิดเหลือเกิน






Walk the line หมายถึง การปฏิบัติตนให้เหมาะสม มีชีวิตที่สมดุล แต่ฉันว่า You can't walk no line น่าจะหมายถึงว่า ถ้าไม่มีเส้นขีดให้เดิน อีตา Cash คงจะเดินไม่ได้ละมัง คงต้องมีคนคอยนำทางให้ ไม่งั้นก็จะเดินตุปัดตุเป๋อย่างที่เป็นอยู่ตลอดเรื่อง




หรือฉันเองก็คล้ายจะเป็นเช่นนั้น...




ฉันมักจะเริ่มอะไรใหม่ๆ โดยการทำความสะอาดบ้าน รีดผ้า การจัดระเบียบบ้านเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการจัดระเบียบสิ่งอื่นๆ ในชีวิต บ้านฉันยังรกไม่หายด้วยหนังสือที่นับวันมีแต่จะเพิ่มพูน ฉันก็เริ่มได้ไอเดียจากคุณนาย June อีกเหมือนกัน เธอให้ The Prophet กับอีตา Cash หลังจากเธออ่านจบ เพื่อลดน้ำหนักกระเป๋าที่ต้องหอบหิ้วเดินทางออกทัวร์คอนเสิร์ต และเป็นการแบ่งปันอาหารสมองให้ผู้อื่น ฉันนั่งนึกในใจว่า ช่างให้หนังสือเหมาะกับผู้รับเสียจริง ไอ้การที่ฉันคิดเช่นนี้ทำให้ฉันไม่สามารถระบายหนังสือออกไปได้ซะที ฉันกลัวว่าหนังสือที่ฉันให้ไป จะตกไม่อยู่กับคนที่ไม่เห็นคุณค่า พอๆ กับเสื้อผ้าเก่าๆ ของฉันที่จะตกไปถึงคนที่ใส่ไม่ได้ หรือไม่มีโอกาสเหมาะที่จะใส่ ฉันคงจะต้องเริ่มตัดใจซะบ้าง ไม่งั้นห้องของฉันคงไม่มีที่เหลือสำหรับใส่ของได้อีก พอๆ กับที่ถ้าไม่ตัดสิ่งต่างๆ ออกไปจากใจ ออกไปจากชีวิต ก็คงไม่สามารถรับอะไรใหม่ๆ เข้ามาได้อีก




ฉันมักจะนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งที่มีความสามารถเอกอุในการตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากชีวิต แม้กระทั่งสลิปโอนเงิน เมื่อใดที่อีกฝ่ายคอนเฟิร์มว่าได้รับเงินแล้ว สลิปใบนั้นจะต้องออกไปจากชีวิตของเขาโดยพลัน ร้อนถึงคนรับเงินที่จะต้องเช็คและยืนยันทันทีเพื่อให้ทันใจคนโอนเงิน ฉันว่า ถ้าบวกกันหารสอง คงจะได้คนปกติสองคนเป็นแน่แท้




ต้นไม้ของฉันเริ่มได้น้ำอีกครั้ง...




ช่วงที่เก็บตัวผู้เข้าประกวดนางสาวไทยที่สุโขทัยและที่โรงแรมก่อนรอบตัดสิน ฉันไม่ได้อยู่บ้านเลย นึกในใจว่าต้นไม้ของฉันต้องอึดต้องทน ไม่งั้นก็คงอยู่ด้วยกันลำบาก เฟิร์นก้านดำตายไปล่วงหน้าแล้ว ด้วยเป็นพืชที่ละเอียดอ่อน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะน้ำมาก ขาดน้ำไปสองวัน หรือเพราะไอร้อนจากเครื่องปรับอากาศ แต่ก็พร้อมกันตายทั้งต้น หายไปหนึ่งอาทิตย์ ไอวี่ก็ตามไปด้วย ฉันตัดใจทิ้งทั้งกระถาง จริงๆ ก็รู้อยู่แล้วว่ามันคงอยู่กับฉันไม่นาน เพราะสภาพอากาศไม่เหมาะกับน้องไอวี่เอาเสียเลย ความหวังที่จะเลี้ยงให้เถาไอวี่ยาวจนถึงพื้นเหมือนต้นที่ฉันเลี้ยงสมัยเรียนที่เมืองหนาวมันช่างห่างไกลความจริงเสียเหลือเกิน ชวนชมแย่งกันออกดอก แต่เพลี้ยแป้งก็แย่งกันกัดกินยอดทุกยอดเช่นกัน ดอกไม่ทันบานก็เหี่ยวเพราะโดนศัตรูรุมเร้า พวกต้นไม้จิ๋วต่างๆ ในกระบะใต้ราวตากผ้า ยังรอดตายได้บ้างเป็นบางต้น ตอนนี้พืชจำพวกหัวเริ่มแตกหน่อใหม่แล้วล่ะ




ฉันควรจะรีดเสื้อทั้งเจ็ดที่แขวนอยู่ที่ตู้ข้างทีวีให้เสร็จภายในคืนนี้ จะได้เริ่มซักผ้ารอบใหม่และจัดการเรื่องผ้าๆ ให้เสร็จสิ้นซะที พร้อมๆ กับที่ฉันควรจะคัดเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วเพื่อบริจาค หนังสือที่ไม่ใช้แล้วอีกไม่น้อย จะได้เหลือเฉพาะหนังสือที่จะเก็บจริงๆ กับหนังสือที่ซื้อหามาสะสมแต่ยังไม่มีเวลาอ่านเสียที




นอกจากเรื่องเสื้อผ้าและหนังสือแล้ว ยังมีเรื่องเอกสาร ข้อมูลของสำนักพิมพ์ที่ฉันต้องจัดการก่อนไปเยี่ยมน้องสาวกับแม่ปลายเดือนนี้ ทีจริงแล้ว เวลาสองอาทิตย์ทำอะไรได้ตั้งมากมาย สำหรับคนที่ไม่ได้ทำงานประจำที่ตัดใจแล้วว่าจะเลิกไปที่เที่ยวประจำ รับรองว่าเวลาสองอาทิตย์สะสางได้ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

ไม่มีความคิดเห็น: