ฉันใช้ชีวิตอย่างรู้สึกผิดมาเป็นอาทิตย์ ตั้งแต่เสร็จงานนางสาวไทย แทนที่จะสานต่องานเดิมเลย ก็เอ้อระเหยลอยลม ทำโน่นทำนี่ ข้ออ้างสารพัด จนไม่รู้จะเอาอะไรมาอ้างแล้วนั่นล่ะ นอนเกือบยี่สิบชั่วโมงก็แล้ว ดูหนังทีเดียวสิบเรื่องรวดก็ทำแล้ว ร้องเพลงก็เบื่อแล้ว รีดผ้าจนไม่เหลืออะไรให้รีดแล้ว ฉันถึงได้ฤกษ์เปิดคอมเมื่อตอนเย็นย่ำใกล้เวลานกบินกลับรัง แล้วฉันก็ทำงานมาราธอนจนถึงตีสองเนี่ยแหละ เวลาที่ใครๆ ก็ต้องออกเที่ยวเพราะเป็นเย็นวันศุกร์ กลับเป็นเวลาที่ฉันได้เริ่มทำงาน เพราะไม่อยากดูหนังแล้วนั่นแหละ ฉันดูตั้งแต่ Penelope เปิดเป็นเพิ่อนก่อนนอนแล้วเครื่องก็เล่นแผ่นดีวีดีย้อนไปมาเป็นสิบรอบจนตื่นแล้วก็ดูต่อจนจบเรื่อง จากนั้นฉันก็ปัดฝุ่นหยิบ Dr. Dolittle มาดูหอยสีชมพูที่ตอนเด็กๆ ฉันร้องหากันจนพ่อรำคาญ


(เพราะตอนเด็กๆ พ่อซื้อวิดีโอมาให้ดูแค่สอง เรื่อง ไม่โปรดก็ไม่รู้จะทำไง) แล้วพระเอกสอง เรื่องก็เหมือนกัน คือ ทึ่ม ทึ้ม ทึ่ม เรื่องผู้หญิง ต้องรอให้นางเอกเข้าหาตลอด (เป็นไงล่ะ ดูแต่ หนังที่พระเอกขี้อาย ฉันเลยเจอแต่ผู้ชายที่ถ้าเหล้าไม่เข้าปากละก็ไม่กล้าพูดกับฉันหรอก ฉันเลยพูดเป็นต่อยหอยอยู่คนเดียวประจำ) แล้วฟางเส้นสุดท้ายก็คือ Mary Poppins จริงๆ แล้ว ฉันไม่เคยดูหนังเรื่องนี้มาก่อนหรอกนะ แต่ในเมื่อหนึ่งในสองเรื่องในดวงใจตลอดกาลของฉันคือ The Sound of Music ฉันจะละเลยเรื่องที่จูลี่ แอนดรูว์ได้ตุ๊กตาทองไปได้อย่างไร ดูแล้วก็เข้าไม่ถึงครับท่าน นั่นเอง เพราะ Mary Poppins ฉันถึงได้กลับมาเริ่มทำงาน
แต่ยังไงก็ขอพูดถึงเรื่องที่ฉันดูและประทับใจเมื่อคืนก่อนหน่อยนะ เรื่องนี้ถูกต้องตามสูตรของฉันเลย คือ ครบเครื่อง ได้ทั้งอารมณ์และเหตุผล ชวนติดตาม พอตามแล้วก็พบและฉุกคิดเรื่องที่ไม่ได้คาดไว้ก่อน แล้วก็เข้าตัวยังไงพิกล (ว่าแล้วก็ไม่อยากอธิบายเล้ย เดี๋ยวจะโดนหมั่นไส้อีก) แต่ก็เอาเถอะ ได้อย่างเสียอย่าง เนอะ

สาวไปไหน หนุ่มน้อยติดตาม ตามติด


ยิ่งผู้ชายในเมืองหลงใหลในรูปร่าง หน้าตาของสาว แม้ไม่เคยได้พูดจานางนี้ ความอิจฉาริษยาก็เพิ่มพูนในหมู่สตรีในเมือง โดยเฉพาะบรรดาภรรยาถุงกาแฟโทงเทงทั้งหลาย พร้อมๆ กับข่าวลือว่าเจ้าหล่อนคั่วกับหนุ่มรายนั้นรายนี้

มีบัตรสนเท่ห์ไปถึงพ่อของนางที่เป็นอาจารย์ว่า เจ้าหล่อนมีอะไรกับผู้ชายทั้งเมือง
จริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้ แต่พ่อขอลาออก เพราะทนข่าวลือไม่ไหว
อาจมีเพียงเจ้าหนุ่มน้อยผู้คอยสอดส่องผู้เดียวที่รู้ว่า ใครไป ใครมา ใครมีอะไร ไม่มีอะไรกับหล่อนบ้าง บางครั้งหนุ่มน้อยก็ให้อภัย เพราะเธอต้องมีอะไรกับบางคนเพื่อการยังชีพ ไม่มีแม่ค้าคนไหนขายข้าว ขายปลาให้เธอ ใครจะนอนกับเธอก็ต่อเมื่อนำอาหารมาให้ อะไรจะขนัยหนาด

จบแล้วสงคราม พวกเยอรมันจากไป ได้ทีผู้หญิงทั้งเมือง ลากแม่ยั่วเมืองมาทุบตี ตบฉีก เสื้อผ้าขาดวิ่น เลือดไหลผสมน้ำตาเต็มหน้า เนื้อตัวฟกช้ำดำเขียว หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่โต ออกจะเริ่มคล้ายถุงกาแฟ และมันไม่ได้ดูเซ็กซี่แล้วล่ะ ฉากนี้

เธอจากเมืองนี้ไปทางรถไฟ
แล้วสามีของเธอก็กลับมา ไม่มีใครในเมืองยินดีจะเล่า หรือเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ชายที่เมียสุดจะโชคร้ายฟัง แม้แต่ตัวเขาเองก็เหมือนจะโดนลูกหลงไปด้วย ชายแขนเดียว วีรบุรุษสงคราม ไม่มีที่ซุกหัวนอน ...
แล้วหนุ่มน้อยที่ตาเป็นเรดาร์ก็ตัดสินใจเขียนจดหมายสรุปความว่า "ไม่ต้องไปใส่ใจว่าใครจะพูดถึงเมียของคุณว่าอย่างไร เธอจงรักภักดีต่อคุณคนเดียวและเธอขึ้นรถไฟไปที่เมือง..."
เขาจากไป
...
...
เขากลับมา
...
กลับมาพร้อมกับภรรยาคนสวย หุ่นดี แม้จะร่วงโรยตามวัยที่ผ่านพ้น บวกกับความชอกช้ำที่ได้รับทั้งทางกายและใจจากผู้คนในเมือง
หล่อนเดินเคียงคู่ในอ้อมแขนที่เหลือของชายผู้เป็นสามีสุดที่รัก ผ่านจตุรัส ผ่านผู้คน ผ่านสายลมที่พัดกระโปรงบานพริ้ว หล่อนเดินก้มหน้ามองพื้น เช่นเดียวกับหลายๆ ครั้งที่เดินผ่านจตุรัสแห่งนี้
คนทั้งเมืองมีแต่คำถามที่ไม่ได้เอ่ยกับคนคู่นี้
เจ้าหล่อนไปตลาด
แล้วสามีของเธอก็กลับมา ไม่มีใครในเมืองยินดีจะเล่า หรือเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ชายที่เมียสุดจะโชคร้ายฟัง แม้แต่ตัวเขาเองก็เหมือนจะโดนลูกหลงไปด้วย ชายแขนเดียว วีรบุรุษสงคราม ไม่มีที่ซุกหัวนอน ...
แล้วหนุ่มน้อยที่ตาเป็นเรดาร์ก็ตัดสินใจเขียนจดหมายสรุปความว่า "ไม่ต้องไปใส่ใจว่าใครจะพูดถึงเมียของคุณว่าอย่างไร เธอจงรักภักดีต่อคุณคนเดียวและเธอขึ้นรถไฟไปที่เมือง..."
เขาจากไป
...
...
เขากลับมา
...
กลับมาพร้อมกับภรรยาคนสวย หุ่นดี แม้จะร่วงโรยตามวัยที่ผ่านพ้น บวกกับความชอกช้ำที่ได้รับทั้งทางกายและใจจากผู้คนในเมือง
หล่อนเดินเคียงคู่ในอ้อมแขนที่เหลือของชายผู้เป็นสามีสุดที่รัก ผ่านจตุรัส ผ่านผู้คน ผ่านสายลมที่พัดกระโปรงบานพริ้ว หล่อนเดินก้มหน้ามองพื้น เช่นเดียวกับหลายๆ ครั้งที่เดินผ่านจตุรัสแห่งนี้
คนทั้งเมืองมีแต่คำถามที่ไม่ได้เอ่ยกับคนคู่นี้
เจ้าหล่อนไปตลาด
แล้วก็มีการทักทาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น