วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551

มันอาจเป็นทริปสุดท้าย....

เมื่อนึกถึงชื่อของบทความนี้ทีไร ฉันคล้ายจะน้ำตาซึมทุกครั้ง ใครๆ ก็รู้ว่าฉันกับแม่เกาเหลากันมานานแล้ว มันเป็นเรื่องความรักของแม่กับความรักอิสระของลูก

ยิ่งรักเท่าไหร่ ก็ยิ่งอยากให้ดีเท่านั้น

"เธอไม่เคยมีลูก เธอไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไง เธอไม่ต้องมารักฉัน เธอจะว่าฉัน แว๊ด แว๊ดยังไง แต่ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอดีขึ้น"

คราวนี้แม่ไม่ได้พูดอย่างเกรี้ยวกราดเหมือนทุกครั้ง ปฏิกิริยาฉันจึงแตกต่าง

น้ำมูก น้ำตา ยังคงไหลไม่หยุด (เดี๋ยวฉันต้องแต่งหน้าใหม่แน่ๆ เลย)

"รีบมากินข้าวต้ม เร็ว แม่เพิ่งอุ่นมาร้อนๆ " ฉันก็ยังเอ้อระเหย ทำโน่น ทำนี่เช่นเคย

"แอนมากินสาลี่สิลูก แม่เพิ่งปอกใหม่ๆ เราต้องกินผัก ผลไม้บ้างนะ" เบื่อแสนเบื่อกับความหวังดีซ้ำซาก

"เครื่องบินออกกี่โมง เราต้องเช็คอินที่ไหน แล้วต้องไปจ่ายเงินสำหรับน้ำหนักกระเป๋าที่เกินที่ไหน เรากำลังจะไปไหน อุ๊บมารับที่ไหน เราต้องนั่งรถไฟไปที่ไหน อีกกี่ป้ายถึงจะถึง เร็วๆ รีบจองที่ " สารพัดคำถาม (น่าเบื่อ)ที่ต้องตอบ แล้วฉันก็ได้รับสืบทองนิสัยช่างซัก ช่างถาม อยากรู้อยากเห็น อยากเข้าใจจากแม่มาเต็มๆ

เกลียดอะไรได้อย่างนั้น

ฉันรู้สึกว่า ฉันต้องพยายามให้การเดินทางครั้งนี้ราบรื่นที่สุด ความคิดเห็นที่ขัดแย้งมีเสมอ เราให้คุณค่ากับสิ่งต่างๆ ไม่เหมือนกัน แล้วฉันก็เบื่อที่จะอธิบาย เพราะแม่เป็นคนมีความมั่นใจตัวเองสูง (ฉันก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกันนั่นแหละ) เมื่อต่างคนต่างแข็ง (นอก แต่อ่อนใน)เราจึงจบลงด้วยการทะเลาะกันยืดยาวเสมอ

มาเที่ยวครั้งนี้ฉันกะว่าจะ "ยอม" ให้มากขึ้น แม่อายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว ฉันเองแม้จะเพิ่งครบสามรอบ แต่นิสัยเสียของฉันจะเปลี่ยนไปเลยก็คงยาก (อายุมันมากแล้ว แม่ล่ะ ยิ่งมากกว่าฉันอีก แต่แม่ก็ยังพยายาม พยายามปรับเพื่อจะอยู่กับฉัน แม่อยากที่จะเดินจูงมือกับฉันเหมือนแม่ลูกที่รักกันดี แม่สมหวัง ฉันคิด)

ฉันเลี่ยงที่จะไม่อยู่กับแม่สองต่อสอง แต่เมื่อน้องสาวฉันต้องไปทำงาน ฉันจึงแก้ปัญหาโดยการนอนให้มาก แม่ที่อยู่นิ่งไม่ได้จึงออกไปเดินข้างนอกคนเดียว คนอื่นคงว่า "อกตัญญู ใจดำ ทำไมไม่ดูแลแม่" ฉันก็โดนอย่างนั้นมาเต็มๆ ฉันคงไม่สามารถอธิบายให้ทุกคนฟังได้ บางคนกว่าจะเข้าใจต้องอาศัยเวลาอยู่กับแม่และฉันเป็นปี บางคนต้องเห็นด้วยตาจึงจะเชื่อและเข้าใจ มันเป็นความอัดอั้นตันใจที่ไม่รู้จะไปบอกกล่าวที่ไหน ฉันกับแม่จะว่าไปแล้ว ไม่รู้ว่าเรียกว่า "น้ำกับน้ำมัน" รึเปล่า ฉันพยายามจะหัดยอมอย่างที่ว่า เพราะไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีใครอยู่กับฉันได้

แม้ฉันจะอยู่คนเดียวได้อย่างมีความสุข และจากการวิเคราะห์ของใครๆ ฉันไม่ควรแต่งงาน แต่คนเรา ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ฉันก็ยังอยากจะหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตคู่กับใครสักคน มีลูก

แต่ก็แปลก เมื่อฉันพบคนที่เป็นไปได้ว่า ฉันจะได้ชีวิตดั่งฝัน ฉันก็เบื่อเขาซะแล้ว

คนที่เข้าใจฉันก็มี เขาว่า คนที่จะอยู่กับฉันได้ต้องมีความอดทนสูง พูดน้อย ตอบคำถามฉันได้ทุกคำถาม ถ้าดูจะโง่กว่าฉัน ฉันก็จะไปเลย ถ้าเขาคนนั้นเข้าใจฉันขนาดนี้ เขายังเลือกที่จะจีบฉัน นั่นหมายความว่า เขาถูกใจฉันมากๆ เลย ใช่มั้ยเนี่ย

งั้นฉันก็ยังมีโอกาสสิ

ฉันคิดถึงเขาคนนั้นตลอดเวลาที่อยู่กับแม่และน้องสาว ฉันเลือกที่จะหยุดพูดถึงเขาคนนี้ เก็บไว้ในใจคนเดียวหลังจากที่เล่าให้ทั้งสองคนฟัง รวมทั้งเพื่อนๆ ของน้องสาวอีกเพียบ ขอความเห็น แล้วก็สรุปด้วยการกระทำที่ฉันเลือก คือ รอ

หกวันเต็มๆ แล้ว ที่ฉันอยู่กับแม่มา นี่เป็นทริปที่ยาวที่สุด ฉันทบทวนความทรงจำ ฉันไม่เคยไปไหนกับแม่นานขนาดนี้มานานมากแล้ว นานตั้งแต่พ่อกับแม่ไปเที่ยวแคนาดากับฉันช่วงที่เรียนปริญญาโท ฉันยังจำได้ถึงความโมโหที่แม่วุ่นวายกับการขับรถของฉันให้ได้ความเร็วพอดีเป๊ะ แม่เฝ้าจ้องหน้าปัดที่แสดงความเร็ว ฉันเลยประชดโดยการขับรถด้วยความเร็วต่ำกว่าที่กำหนดมากๆ แม่ก็รู้ว่าฉันแกล้ง แต่ทำไงได้ ฉันเป็นคนขับ พ่อไม่ทำอะไร นั่งเฉยๆ ก็รู้ว่าอยู่กับคนแรงสองคน พ่อเลือกจะอยู่เงียบๆ อย่างนั้น ด้วยความจำใจหรือด้วยไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรดี ฉันก็ไม่มีโอกาสรู้

พ่อทำตัวเป็นปริศนาตลอดมา

ฉันไม่ได้มีกรณีกับแม่คนเดียวหรอก ทุกวันนี้ พ่อก็ยังไม่พูดกับฉัน แต่ฉันไม่เจ็บปวดแล้ว ฉันยอมรับความจริง ฉันรู้สึกเห็นใจพ่อด้วยซ้ำ ถ้าทฤษฏีที่ฉันจำมาถูก มันอธิบายว่า พ่อไม่ต้องการที่จะรักใคร เพราะทนไม่ได้กับความเสี่ยงที่จะเสียใจ ความอ่อนแอที่จะกดข่มจิตใจ พ่อเลยเลือกที่จะไม่รัก แสดงว่าไม่พึ่งพาทางจิตใจกับฉัน ฉันสงสารพ่อที่ไม่กล้ารัก

แม่มีรักเต็มเปี่ยม แม่ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ใครจะคิดอย่างไรไม่สน แม่จะรัก จะหวังดี จะตักเตือนอย่างสุดความสามารถ ไม่ว่าผู้ที่ได้รับรักจะสำลักความรักนั้นหรือไม่

ฉันอยู่กับคนสุดโต่งสองคน ฉันว่าฉันมีความยืดหยุ่นสูงมาก เพราะเมื่ออยู่กับแม่ ฉันจะไม่พูด แต่เมื่ออยู่กับพ่อจะพูดจ้อไม่หยุด เวลาอยู่กับคนอื่นก็เช่นกัน ใครพูดมาก ฉันไม่พูด อยู่กับคนที่ไม่พูด ฉันก็พูดไม่หยุด

ฉันว่าฉันไม่ใช่คนเข้าใจง่ายๆ หรอกนะ

เหลือเวลาอีกเพียงสองวัน แล้วฉันกับแม่ก็จะกลับกรุงเทพ เหลืออีกสองวันที่ฉันจะต้องประคับประคองไม่ให้เราทะเลาะกัน ขัดแย้งกันรุนแรง ฉันรู้สึกถึงความอึดอัดของน้องสาว แต่เธอจะเลือกพูดเมื่อเหลืออดจริงๆ เธอได้อิสระจากการทำงานที่ฮ่องกง เธอทนแค่อาทิตย์เดียว ฉันก็ได้ทางออกเช่นนั้นเหมือนกันตั้งแต่ย้ายมาอยู่คอนโด ฉันตั้งกฏไว้เลยว่า ฉันจะอยู่กับแม่เฉพาะเมื่อมีบุคคลที่สามด้วยเท่านั้น

หมอให้ยาฉันเพิ่มเท่าตัว เพื่อช่วยให้สามารถอยู่กับแม่ได้ทั้งอาทิตย์ ฉันยังฝันสับสนอยู่ อาจเป็นเพราะฉันตั้งใจนอนให้มากระหว่างที่ต้องอยู่กับแม่ตามลำพัง หรือไม่ก็ใช้คอมพิวเตอร์ตลอด วิธีทั้งสองได้ผลในสองแง่ นอนมากเพราะนอนไม่พอ แม่จะไม่กวนเพราะถ้าฉันนอนเพียงพอ อาการจะดี ส่วนวิธีที่สอง เมื่อฉันทำงาน มันเป็นสิ่งดี แม่จะไม่มาวุ่นวาย ขัดจังหวะการทำงาน แม้เพียงสงสัยว่าทำไมทำแต่งานที่ไม่ได้เงิน

ฉันหยุดร้องไห้แล้ว ฉันคงต้องไปเช็คอีกครั้งว่าต้องตบแป้งที่ไหนบ้าง

แม่ยังนอนอยู่ หลังจากที่ไปเดินเล่นซื้อของคนเดียว เรารอเวลาที่จะไปรับประทานอาหารเย็นฉลองวันเกิดของญาติที่มาฮ่องกงในช่วงเวลานี้ทุกปี ฉันจะเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินกับแม่เป็นครั้งแรกเพื่อไปเจอน้องสาวที่สถานีปลายทาง ฉันยังหวั่นใจไม่หาย แม่ฉลาด แม่จะซักจะถาม ถ้าฉันหลง ก็คือ ฉันทำอะไรไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์แบบ แม่ก็จะบ่น ทุกอย่างต้องเพอร์เฟ็ค ฉันต้องศึกษาแผนที่ให้ละเอียดก่อน ความผิดพลาดเกิดขึ้นไม่ได้

ขอให้ฉันโชคดีนะเธอ

ไม่มีความคิดเห็น: