วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2551

หรือว่าเป็นคู่...ชีวิต (2)

คนใหญ่คนโตมักเป็นผู้ชาย…

ที่จริงมันก็เป็นอย่างนี้มานานแล้ว การที่หล่อนเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เหลืออยู่ในวงสนทนา หล่อนหวาดหวั่นหรือไม่... คงจะไม่ หรือหล่อนก็เป็นหญิงแกร่งที่ใจดีสู้เสือ

คนส่วนใหญ่มักเปรียบผู้ยิ่งใหญ่ว่าเป็นผู้ที่อยู่บนหลังเสือ เสือที่ผู้เป็นใหญ่ต้องควบและอยู่บนหลังเสือให้นานที่สุด เพราะเมื่อต้องลงจากหลังเสือแล้วอาจถูกรุมทึ้ง เมื่อหมดอำนาจวาสนา เพื่อนฝูงมิตรสหายที่เคยห้อมล้อมก็คงจะเหลือแต่เพื่อนแท้ที่เป็นมิตรยามยาก

อาจเป็นเพราะหล่อนมองอะไรไม่เหมือนคนอื่น หล่อนพอใจที่จะอยู่ในที่ต่ำ เงยหน้าขึ้นมองผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย แล้วเรียนรู้

หนังสือที่หล่อนอ่านสมัยเด็ก หนังสือที่ไม่น่าจะมีใครอ่านเพื่อให้ได้ข้อคิด แต่หนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่งสอนให้หล่อนรู้ว่า เมื่ออยู่ในที่สูงแล้ว การแยกผู้สวมหน้ากากจากผู้ที่มีจิตใจดีโดยสันดานเป็นเรื่องยาก ผู้ที่ใส่หน้ากากมักจะถอดหน้ากากแสดงสันดานเดิมเมื่ออยู่กับผู้ที่ด้อยกว่า

หนังสือเล่มเดียวกันยังหล่อหลอมให้หล่อนมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำอะไรสักอย่างที่หล่อนรัก แม้จะต้องแลกมาด้วยหลายสิ่งหลายอย่าง…ยากที่คนทั่วไปจะยอมสละ หนังสือไม่ว่าเล่มใดย่อมให้ข้อคิด เฉกเช่นเดียวกับการเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากคนทั่วไป ประสบการณ์ที่ไม่ต้องประสบด้วยตัวเอง ใครใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของคนอื่นได้มากก็ไม่ต้องเจ็บตัวมาก ผ่านบันไดชีวิตแต่ละขั้นได้อย่างสบาย

หล่อนคงเลือกแล้วที่จะมองอะไรๆ จากที่ต่ำพร้อมๆ กับทำอะไรที่ใจรัก แต่มันก็ไม่ได้เป็นการตัดสินใจสำเร็จรูปที่เกิดขึ้นตั้นแต่หล่อนยังเด็ก แนววิถีปฏิบัติของคนในสังคมที่หล่อนอยู่ ไม่ได้เป็นอย่างหนังสือที่หล่อนอ่าน หลายคนบอกว่า หล่อนอยู่ในโลกของความฝัน บ้างก็ว่า สิ่งที่หล่อนปรารถนาเหมือนละครช่องเจ็ด หล่อนอาจจะพร้อมกว่าคนอื่นที่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องปากท้อง ถ้าคนที่พร้อมอย่างหล่อนไม่ตามหาฝัน ทุ่มเททำอะไรที่ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจกลับคืนมาได้ยาก เลือกอาชีพการงานที่ใช้สมองแต่กลับได้รับผลตอบแทนต่ำ เทียบไม่ได้กับการทำงานที่ใช้ความสามารถในการบิดพลิ้ว ปรับเปลี่ยนคำพูดการกระทำโดยไม่คำนึงถึงความถูกผิด หล่อนรับไม่ได้จริงๆ หล่อนได้เคยลองแล้ว แต่มันขัดกับความเป็นตัวตน ตัวตนที่ถูกหล่อหลอมมาตั้งแต่เด็กๆ...เด็กที่ถูกหล่อหลอมโดยคนรอบตัวผ่านการกระทำ ผ่านคำพูด และสิ่งที่ติดตัวหล่อนมาตั้งแต่เกิด ความกล้าของหล่อนทำให้เกิดความแตกต่าง มันสะท้อนออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด

แม้แต่เขาก็ยังเห็นว่า มาดของหล่อนเหมือนนางพญาที่ผู้ชายมักจะกลัว ความมั่นใจที่สูงมากจากความเห็นของนายเก่า หากจะมองในทางร้ายก็เป็นสิ่งที่ทำให้หล่อนอยู่อย่างคนธรรมดาไม่ได้ ชีวิตของหล่อนจึงลุ่มๆ ดอนๆ ในสายตาของใครๆ

แต่หล่อนก็พอใจที่จะแตกต่าง แม้จะรับรู้อยู่ว่า ความแตกต่างนี้อาจทำให้หล่อนต้องอยู่คนเดียวในที่สุด ความแตกต่างดึงดูดคนเข้าหากัน หากความแตกต่างนั้นเป็นความแตกต่างที่สุดขั้วก็ย่อมมีแรงดึงดูดมหาศาล แต่การที่คนสองคนจะอยู่ด้วยกันจำต้องปรับตัวเข้าหากัน แล้วหล่อนจะยอมสละความเป็นตัวเองเพื่อปรับตัวให้เข้ากับคู่ชีวิตของหล่อนได้หรือ

ชีวิตคู่เคยสร้างประสบการณ์สุดขั้วให้หล่อนมาแล้ว สิ่งใดตกจากที่สูงย่อมมีแรงผลักให้กระดอนขึ้นสูงเช่นกัน ชีวิตที่สวิงสวายของหล่อนเกือบทำให้หล่อนตายทั้งเป็น เมื่อผ่านทุกข์ถึงขีดสุด คลื่นทุกข์ที่มักมาเป็นระลอก ถาโถมสาดซัดประหนึ่งผู้อยู่เบื้องบนลงแส้กระหน่ำซ้ำเติมให้จบ ให้หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง

หล่อนเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียว แต่เมื่อหล่อนอยู่คนเดียวได้อย่างมีความสุข ผู้อยู่เบื้องบนก็ทำเหมือนจะแกล้งหล่อนอีกครั้ง แม้หล่อนจะไม่ตกลงปลงใจที่จะเลือกใครสักคนหรือยอมถูกเลือกสักที คนต่างสไตล์ก็ผ่านเข้ามากระเซ้าเย้าแหย่หล่อนให้เขว เดินตุปัดตุเป๋ เศร้าสุขคละเคล้ากันไปเป็นพักๆ

เชอะ! คิดว่าหล่อนจะกลัวรึ

ไม่มีทาง

หล่อนได้รับบทเรียนครั้งใหญ่มาแล้ว เมื่อไม่ตายมันก็สร้างภูมิคุ้มกันให้หล่อนเป็นอย่างดี ใครที่รู้เรื่องราวของหล่อนอย่างละเอียด บางคนก็เหนื่อยแทน บ้างก็ “อิน” สนุกสนาน ตื่นเต้นไปกับเรื่องราวของคนที่ผ่านไปมาในชีวิตหล่อน อะไรที่รู้นิดๆ ความไม่รู้ ความลี้ลับดึงดูดคนที่รักความท้าทาย คนขี้เบื่ออย่างหล่อนดีนักล่ะ

ไม่ใช่ว่า"เขา"จะไม่รู้ เมื่อจบงานเลี้ยง การไปนั่งดริ๊งค์ต่อก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่จะแปลกก็ตรงที่หล่อนเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ไปต่อแม้นายของหล่อนจะไม่ได้ไปด้วย เหล่าสมาชิกที่นิยมน้ำสีบุษราคัมและน้ำที่คั้นจากองุ่นราคาแพงสี่ห้านายย้ายไปที่เล้าจน์ของโรงแรมเดียวกับที่จัดงานเลี้ยงนั่นเอง

หล่อนคิดอยู่เหมือนกันว่า นี่หล่อนกล้าไปรึเปล่า

ความรู้สึกนี้มาเกิดตอนที่นายของหล่อนกล่าวขอตัวเพราะติดนัดอีกที่หนึ่ง นายของหล่อนเองก็อยู่ในข่ายของคนที่ผู้อยู่เบื้องบนส่งมาก่อกวนจิตใจสาวหม้ายตั้งแต่แต่งงานยังไม่ถึงสองปีคนนี้เช่นกัน

ระยะหลังๆ มีแต่คนที่มีเจ้าของแล้ววกเวียนเข้ามาในชีวิตหล่อน ไม่ว่าจะมีลูกมีเมียแล้ว มีแฟน มีกิ๊ก มีเด็กแล้ว นายของหล่อนทำหน้าตาเหรอหราหลายครั้งจนหล่อนสังเกตเห็น ไอ้หน้าตาแปลกๆ นี้หล่อนเพิ่งเห็นในระยะหลัง หรือไม่ก็หล่อนเพิ่งสนใจมองหน้านายคนนี้ ทั้งที่หล่อนรู้จักนายมาหกเจ็ดปีแล้ว เคยติดใจกับคำสารภาพรักในวันวาเลนไทน์พร้อมกับขโมยหอมแก้มหล่อน แต่ด้วยความสุภาพและการวางตัวที่เหมาะสมตลอดมา การตัดสินว่าสิ่งที่นายพูด ณ วันนั้น เป็นเรื่องชู้สาว เป็นสิ่งที่หล่อนกังขา แต่ก็ยังคงติดอยู่ในใจ

หล่อนนึกย้อนไปถึงคำพูดของนาย ตอนที่ร่ำลากันเมื่อวันก่อน เหลือแต่หล่อนกับชายสูงวัยที่เกี่ยวข้องกันด้วยหน้าที่เฉพาะกิจ นายพูดด้วยความมั่นใจความหมายโดยนัยว่า "เขาคิดจะงาบหล่อน แต่อย่าหวังเลย ไม่ทันหล่อนหรอก" แล้วเขาก็จากไป

บทสนทนาที่ทำให้หล่อนคิดถึง"เขา"อีกคน เขาที่ผิวคล้ำ สวมแว่นตา รูปร่างออกจะผอมบางเมื่อเทียบกับคนในวัยเดียวกันก็ได้เริ่มขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น: