วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2551

หอยหลอดยักษ์ของฉัน

และแล้ว วันสุดท้ายก่อนวันกลับก็มาถึง

เมื่อวานทั้งครอบครัวและญาติๆ ไปกินอาหารทะเลที่หมู่บ้านชาวประมงแถบ Yua Tong ฉันไม่รู้หรอกว่าที่นั่นเรียกว่าอะไร รู้แต่ว่านั่งรถไฟใต้ดินจากอพาร์ตเมนท์น้องสาวไปต่อสายสีม่วงที่ North Point แล้วก็ลงที่ป้ายที่สอง เราสามแม่ลูกมาถึงก่อนเวลา เดินรอบตลาดขายอาหารทะเลสดแทบครบทุกเจ้า แถมเข้าไปนั่งรอผิดร้าน อันนี้เป็นความผิดของคนที่ตลาด น้องสาวของฉันเอาชื่อภาษาจีนให้ดู เธอก็น่ารัก เดินพาไปส่งถึงร้าน เรายังซาบซึ้งในน้ำใจของหล่อนไม่หาย แต่พอความจริงปรากฏ ความปลื้มก็ลดลงพอเป็นพิธี นี่ถ้าไม่เห็นญาติของฉันที่แต่งตัวเป็นเอกลักษณ์ เราคงยังนั่งรออยู่ที่ร้านนั้น หรือไม่ก็เสียค่าโทรศัพท์สื่อสารกันอีกนาน

อาหารมื้อนี้เป็นอาหารมื้อพิเศษฉลองวันเกิดของลูกพี่ลูกน้อง เราสามแม่ลูกบุญหล่นทับ มาเที่ยวฮ่องกงตรงวันเกิดของพี่คนนี้พอดี แม้จะลืมของขวัญวันเกิดตามสไตล์คนเบอะๆ อย่างฉัน แต่เราก็ตามเอาไปให้อีกทีที่ The Pawn (แต่ขอโทษ ความเบอะไม่สิ้นสุด ห่อของขวัญผิดกล่อง กล่องที่ให้ไปเป็นกล่องเปล่า ดีนะ ที่ให้ไปสองกล่อง พี่ผู้มองโลกในแง่ดี เข้าใจว่าเป็นการเล่นมุข ฮาไป แต่ฉันก็จะตามไปให้ที่เมืองไทยแทนล่ะคราวนี้)

กลับมาพูดเรื่องอาหารต่อดีกว่า ตัวอะไรสารพัดที่เราเห็นในตู้กระจก เราได้กินเกือบทั้งหมด (เหลือไว้บ้างน่า สงสารคนจ่ายตังค์)ไม่ว่าจะเป็น หอยหลอดยักษ์ หอยงวงช้างลวก หอยเป๋าฮื้อ (ทำอะไรหว่า จำไม่ได้) หอยเชลล์ (ทำเหมือนหอยหลอดยักษ์) (หมดตระกูลหอยแล้ว) ปลานึ่งซีอิ้ว (ที่ฉันได้กินหัวปลา อันเนื่องมาจากไม่มีใครในทริปกินส่วนอร่อยที่สุดนี้) ยังมีปลาหมึกชุบแป้งทอด (ที่ชิ้นใหญ่หวานอร่อย ไม่เหนียวดังที่คิด)กุ้งลวก กั้งทอดกระเทียมลอบสเตอร์ผัดเอาแต่หัวซุปและปูผัด เนื้อหวานจริงๆ ตบท้ายด้วยข้าวผัดปลาเค็ม (ที่ฉันขอบาย เพราะเมนูก่อนหน้า ฟาดไปซะเหนื่อย หมดแรงกิน)

อาหารทะเลสดนี่มันหวานจริงๆ ที่ติดใจที่สุดเห็นจะเป็นหอยหลอดยักษ์อบวุ้นเส้นและกระเทียม เราได้กินอาหารกันมากมายในราคาย่อมเยา (แต่จะว่าไปก็หัวละประมาณ 400 เหรียญ)เพราะได้คุณ Johnny (เจ้าหน้าที่สถานกงสุลไทยชาวจีนที่พูดไทยคล่องซะจนนึกว่าเป็นคนจีนที่เกิดในเมืองไทย) มาช่วยส่งภาษาและช่วยสั่งอาหารเป็นชุดให้เราได้กินของดีคุ้มราคาอย่างที่สุด คุณ Johnny เป็นคนจีนที่เคยไปทำธุรกิจในเมืองไทย โลกกลมอีกแล้วที่เขาเคยไปทำธุรกิจน้ำปลาที่ระยองและธุรกิจขายยาที่ลพบุรี แถมด้วยทำอะไรก็ไม่รู้ฉันจำไม่ได้ที่กรุงเทพ ฟังแล้วไม่น่าเกี่ยวกับงานสถานกงสุลเลยนะเนี่ย

เจ้าของร้านถ่ายซีรอกซ์เมนูที่พวกเราสวาปาม คาดว่าเอาไว้เป็นตัวอย่างให้คนไทยที่มาเยือนสั่ง แต่เห็นน้องที่มาด้วยกันบอกว่า เขาก็ขอทุกปี แต่เหมือนว่าเอกสารจะหายไปอยู่เรื่อย สรุปแล้วเราต้องพกเมนูส่วนตัวมาด้วยทุกครั้ง อีกเรื่องที่ควรเตรียมคือ น้ำจิ้มซีฟู้ด เพื่อให้ถูกลิ้นคนไทย แต่เชื่อฉันเถอะ อาหารสุดเริดมื้อนี้ ไม่ต้องห่วงเรื่องน้ำจิ้ม ฉันคนนึงล่ะที่ไม่จิ้มอะไรทั้งนั้น ด้วยความสดทำให้เนื้อสัตว์ในทะเลทั้งหลายหวานอร่อยอย่างที่สุด

ตบท้ายด้วยเค้กสัญลักษณ์วันเกิด หน้าเละเพราะหอบมาไกล แต่ไม่ต้องห่วง เราซื้อสตอเบอร์รี่มาแต่งหน้าและข้างเค้กให้ดูดีขึ้นอีกจม แถมฉันยังชอบเทียนรูปตัวอักษรประกอบเป็นคำว่า Happy Birthday น่ารักน่าเก็บเหลือเกิน

ฉันคงจำอาหารมื้อนี้ไปอีกนานทีเดียวล่ะเธอ

ว่าแต่ มีใครสงสัยมั้ยเนี่ย ว่าในสไลด์ไม่มีหอยหลอดยักษ์ ...ก็แน่ล่ะ มันเป็นอาหารจานแรกที่มาถึง ทุกคนหิวหลังจากรออาหารพักใหญ่ พอจานถึงโต๊ะก็ตักเอาตักเอา ลืมซะสนิทว่าควรจะถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย หอยหลอดที่บ้านเรากระจิ๋วหลิวจริงๆ ว่าแต่อะไรๆ ที่นี่มันจะ "ใหญ่" หมดมั้ยนะ

ไม่มีความคิดเห็น: