วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

V (2009)

ฉันกลับมาเป็นราชินีซีรีส์อีกครั้ง...

ความคิดนี้แว่บขึ้นมาทันที... เมื่อใดที่ส่วนลึกฉันปรารถนาให้โลกหยุดนิ่ง ฉันจะวิ่งเข้าไปอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง หรือจะเรียกกันภาษาชาวบ้านว่า "หนีความจริง" ก็คงไม่ผิด เวลาที่ใช้ในการเข้าไปอยู่ในโลกอีกใบดูจะยาวขึ้นเรื่อยๆ เป็นวัน เป็นอาทิตย์ เป็นปี...

เหตุผลเดินคู่กับอารมณ์แบบโลกคู่ขนาน เหมือนใน Fringe พิกล ยิ่งดูแล้วทำไมฉันยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคุณด็อกเตอร์วอลเตอร์หว่า!?!? ยิ่งดูยิ่งเข้าใจ ออกจะเข้าใจมากกว่าคุณหมอเฮ้าส์ด้วยซ้ำ

ดีใจที่ไม่ได้พลาดซีรีส์ดีๆ อย่างองค์หญิงต๊อกมาน บทงี้สุดยอด ใครจะว่าหนังมันก็คือหนัง ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ฉันว่ามันสะท้อนความต้องการของคนดูได้อย่างชัดเจน เหมือนๆ กับที่เราสามารถอ่านคนได้จากรูปที่เขาถ่าย จะว่าไปก็ทุกๆ สิ่งที่คนทำสะท้อนความเป็นตัวตนบางอย่าง อาจมีภาพที่ต้องการสร้างปะปนอยู่ด้วย แต่ถ้ามีหลักในการมองก็จะเข้าใจ เพียงแต่อย่าหยิบขยะออกมาวิเคราะห์แล้วทำให้ข้อเท็จจริงบิดเบือน แหม แต่ก็ไม่แน่นะ คนวิเคราะห์อาจจะเห็นอะไร เข้าใจคนๆ นั้นในสิ่งที่เจ้าตัวยังไม่รู้ก็ได้ เหมือนกับที่มึนโนบอกว่ายูซิลยังไม่รู้ศักยภาพของตัวเอง

ยูซิลซ้อมกระบี่ด้วยการฟันดาบที่หุ่นฟางด้วยความตั้งใจจนครบหมื่นครั้งทุกวัน หากมีเพียงครั้งหนึ่งครั้งใดที่ไม่ได้ลงดาบไปด้วยความมั่นใจหรือทำเพราะขาดสมาธิ เขาจะเริ่มนับใหม่ทันที กิจวัตรนี้ยังคงติดตัวจนเติบใหญ่ในหน้าที่การงาน ทุกครั้งที่สับสนหรือคิดไม่ตกเขาจะไปฟันหิน แล้วจนวันหนึ่ง ดาบไม้ที่ฟันหินจนหักไปไม่รู้เท่าไหร่ก็ทำให้หินแตกได้ในที่สุด

นี่ถ้าหนังสือเรียนประวัติศาสตร์สมัยเด็กๆ สนุกอย่างนี้ นักเรียนคงไม่ต้องท่องจำหนังสือก่อนสอบเพื่อที่จะลืมเป็นปลิดทิ้งหลังสอบเป็นแน่ คนไทยสมัยนี้ท่าทางจะรู้เรื่องราวในประวัติศาสตร์เกาหลีมากกว่าประวัติศาสตร์ไทยเสียแล้ว

ส่วนการฝึกความฉลาดและความอดทน ความจำเป็นของการโกหก ปัญหาความเชื่อใจ ช่องว่างระหว่างวัย การผจญอุปสรรคและอีกหลายๆ เรื่อง ฉันกำลังศึกษาจาก V (2009) จ้า

ไม่มีความคิดเห็น: