วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

หรือว่าเป็นคู่...ชีวิต (18)

ยังไงๆ คืนนั้นนพนาศก็ยังทำตัวไม่ถูกอยู่ดี ร้องเพลงคู่ด้วยกันไปสักสี่ห้าเพลง มีคนแอบมาแซวก็แล้ว พอขยับขยายไปที่ผับใกล้ๆ กัน หล่อนก็ชิ่งหนีไปร้องเพลงเฮฮาแบบไม่มีเจ้าของ หรือเกี่ยวข้องใดๆ กับใคร หล่อนยังนึกภาพเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนที่หล่อนกับพี่จูนแกล้งกันแย่งตัวบอส ประมาณว่า "นี่เด็กของชั้นนะ" ตอนนั้นหล่อนยังไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ



นพนาศทำตัวเป็นปกติ คือไม่สนใจใคร ร้องเพลงลูกเดียว จะว่าไม่สนใจทีเดียวเลยก็ไม่ได้ หล่อนเหลือบมองบอสเป็นครั้งคราว แต่ก็ดูเขาจะนิ่งๆ นั่งดูเหมือนจะวิเคราะห์คนที่แหกปาก เต้นแร้งเต้นกา ร้องเพลงซ้ำๆ ทำท่าเดิมๆ ใส่อารมณ์กับบางเพลงเหมือนเก็บกดมาจากไหน



"เมาแล้ว" บอสหันมาบอกนพนาศ ตอนที่หล่อนหยุดร้องเพลงแล้วบอสก็มาป้วนเปี้ยนอยู่ข้างหน้า



แค่นั้น...



ไม่มีอะไรมากกว่านั้น...



ไม่ช้าไม่นาน ไชยา เพื่อนชาวอินเดียที่ช่วยนพนาศเรื่องกล้วยไม้แวะมาทักทาย ไชยาชอบนพนาศมานานแล้ว หล่อนก็รับรู้ความรู้สึกดีๆ ที่เขามีให้ตลอดมา แต่ของแบบนี้ถ้าไม่ใช่มันก็ไม่ใช่ แต่ถึงจะไม่ใช่ก็ทำให้บอสเกิดอาการที่นพนาศคิดเข้าข้างตัวเองว่า "หึง" กลุ่มเพื่อนไปเที่ยวต่ออีกร้าน นั่งกันแปดคนทั้งโต๊ะ ช่างประจวบเหมาะเหมือนกามเทพแกล้ง นพนาศไปห้องน้ำเดินกลับเข้ามา ที่เดียวที่เหลืออยู่คือ หัวโต๊ะ ซ้ายเป็นบอส ขวาเป็นไชยา หล่อนไม่ได้ตั้งใจให้การสนทนาในคืนนั้นเหมือนเป็นการประลองภูมิแต่อย่างใด แต่คนที่ชอบถามคำถามจิตวิทยาอยู่เรื่อย ก็ประหลาดใจที่บอสตอบคำถามได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไชยาที่เป็นอัจฉริยะในความรู้สึกของนพนาศกลับใช้เวลาคิดนานแล้วก็ตอบไม่ถูก นี่ก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้นพนาศทึ่งในกึ่นของบอส

วงดนตรีเล่นเพลงแจ๊สเสียงไม่เบาเลยแต่นพนาศกลับไม่ได้ยิน หันไปทางซ้าย ที่ผนังมีรูปแขวนอยู่สามสี่รูป รูปแรกเป็นรูปที่มีโคมไฟสว่างในขณะที่ฉากหลังเป็นชนบททุ่งนาสุดลูกหูลูกตา รูปที่สองเป็นรูปราวตากผ้ามีผ้าตากอยู่หลากสี และมีเงาทอดยาวที่พี้นหญ้าด้านหลัง อีกรูปเป็นด้านหลังของผู้ชายคนหนึ่งเดินไปตามทาง สองฟากเป็นบ้านแถวทำด้วยไม้ แสงอาทิตย์สลัว

"พี่เห็นอะไรในรูปนี้" บอสถามนพนาศหลังจากนั่งมองรูปเหล่านั้นอยู่พักใหญ่

"แสงสว่างในความมืด" นพนาศพูดถึงรูปแรก จากนั้นก็อธิบายเป็นเรื่องเป็นราวถึงสิ่งที่หล่อนเห็นในรูปที่สอง "เห็นอับราฮัม ลินคอน ตรงที่เป็นเงาๆ นั่นไง เห็นด้านล่างมั้ยเป็นคางยื่นๆ แล้วตรงนั้นเป็นจมูกไง"

"แล้วรูปนี้ล่ะ"

"รูปชายกำลังเดินไปตามแสงตะวันที่กำลังขึ้น" พอถึงรูปที่สามทั้งนพนาศและบอสก็ไปอ่านชื่อรูปที่เหมือนเป็นคำเฉลย กลายเป็นว่าภาพนั้นเป็นภาพพระอาทิตย์กำลังตก

"เอ เราจะรู้ได้ยังไงว่าอาทิตย์ขึ้นหรือตกเนอะ" บอสยังสงสัยในความแตกต่างของแสงยามอาทิตย์ขึ้นกับอาทิตย์ตก

"ก็มองโลกในแง่ดีซิ"

...

นพนาศรู้ว่าอากัปกิริยาของหล่อนไม่พ้นสายตาเหยี่ยว สายตาดั่งเป็นเรดาร์ของไชยา บ่อยครั้งที่หล่อนคุยกับคนอื่นแต่ก็รู้สึกได้ว่าไชยาจ้องมาที่หล่อนจนทำให้หล่อนถึงกับไม่กล้าสบตา

บอสก็ใช่ว่าจะไม่รู้ ไชยาช่วยหล่อนเรื่องกล้วยไม้ ทั้งๆ ที่บ้านบอสทำเรื่องจุลินทรีย์รักษาสมดุลของธรรมชาติ แต่เขาไม่เคยเอ่ยปากเสนอที่จะทำธุรกิจกับหล่อน วันนี้เหมือนจะอดรนทนไม่ได้ บอสคุยให้ฟังในรายละเอียดจนหล่อนเกือบจะให้เขาเข้าไปที่บ้านเพื่อดูกล้วยไม้อยู่แล้ว

"นี่มันดึกแล้ว จะทำอะไรก็ทำกันตอนกลางวัน ฉันง่วงจะแย่แล้ว" ป้าเป้พ่นเพราะอดนอนมาร่วมสองคืน

ได้เวลาร้านปิด กลุ่มเพื่อนเริ่มแยกย้าย แต่บางคนก็ยังไปกินก๋วยจั๊บเจ้าอร่อยต่อ

แน่นอน ทั้งบอสและไชยาไปกินกับกลุ่มป้าเป้และนพนาศ

เพิ่งเป็นคราวแรกที่หล่อนสังเกตเห็นขนหน้าอกของบอสที่โผล่พ้นคอเสื้อคอกลมขึ้นมา

"มีขนหน้าอกด้วยเหรอ"

"มีเยอะด้วย...เป็นรูปตัวทีเลย"

แล้วพรุ่งนี้ทั้งนพนาศและบอสก็รู้ว่าทั้งสองจะได้เจอกัน...

ไม่มีความคิดเห็น: