วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เลิกเขียนนิยาย...ยังไม่สายกับชีวิตจริง

ฉันแทบจะเขียนนิยายมาตลอดระยะเวลาที่เริ่มเขียนตั้งแต่ตอนที่ 1 ของ หรือว่าเป็นคู่...ชีวิต เว้นแต่มีการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหลานป้าและหนังสือเล่มล่าสุดที่ฉันแปล ยังมีอะไรอีกมากมายให้ฉันทำ ทั้งๆ ที่มันไม่น่าจะมากมายขนาดนั้น ฉันนั่งนึกอยู่ว่า วันๆ นึงฉันทำอะไร แม้ว่าฉันจะทำงานทั้งวัน อยู่หน้าทั้งพีซีและน้องฟ้าที่นับวันจะมีปัญหาขึ้นเรื่อยๆ อันมาจากการอุตริของฉันเองที่ทำตนเป็นคนดี ลงทุนซื้อซอฟท์แวร์ป้องกันไวรัสมาลงเอง บางครั้งการเป็นคนดีก็ดูจะทำให้ชีวิตยุ่งยากจนเกินไป

สองสามวันมานี้ฉันไม่สามารถเช็คเมลที่จีเมลด้วยเวอร์ชั่นปกติได้ คล้ายกับว่าเน็ตของฉันช้า อันที่จริงแล้ว ฉันว่ามันคงเป็นเพราะคุณซอฟท์แวร์ตัวดีป้องกันภัยให้ฉันดีเกินไป ประมาณว่า เหมือนกว่าจะเข้าประตูเมืองก็เจอด่านอยู่เป็นสิบด่านอะไรอย่างนั้น ฉันไม่สามารถเช็คจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมบล้อกได้เหมือนเคย เวลาส่งเมลที่จีเมลจะเจอข้อความเหมือนส่งไม่ได้ทุกครั้ง แต่เมื่อใดที่ฉันคลิกกลับไปดูหน้าก่อน ก็เห็นว่า เมลได้ถูกส่งไปเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเช้าเป็นการเริ่มต้นวันที่ทำให้ฉันหงุดหงิดเสียจริง อย่างที่ใครเค้าว่ากัน ถ้าเริ่มต้นวันด้วยความหงุดหงิดมันก็จะยุ่งยาก เสียอารมณ์ทั้งวัน จริงๆ แล้วสายโทรศัพท์แรกที่โทรเข้ามา ไม่ได้ทำให้อารมณ์เดือดคุกรุ่น แต่มันก็เป็นเหมือนมอร์นิ่งคอลล์สำหรับมนุษย์นกฮูกอย่างฉัน หรือฉันควรจะปิดเสียงปิดเครื่องก่อนนอนจริงๆ ให้คนทั่วไปยอมรับชั่วโมงทำการของฉัน

ฉันเสียอารมณ์กับการโกหกของใครบางคน การไม่รับผิดชอบไม่ทำตามคำพูด การที่ฉันต้องคอยตามแล้วตามอีกกับงานที่ใครๆ ก็ว่าง่าย แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด มีคนบอกว่าจะส่งเอกสารมาให้ฉันตั้งแต่สิ้นเดือนมกราคม จนบัดนี้ก็ยังไม่ถึง จะว่าไปรษณีย์ไทยช้าขนาดนั้นก็ใช่ที่ แถมได้รับแจ้งว่าจะให้คนมาส่งเอกสาร ทางนี้ทวงไป ทางนั้นทวงมา พอฉันจัดการเรื่องที่เขาทวงฉันเสร็จ ฉันก็ทวงตอบโดยเลือกถามกลับจากอีเมลที่ส่งมาเมื่อเดือนที่แล้วนั่นแหละ

แค่ตามเรื่องเอกสาร ข้อมูลอะไรต่อมิอะไร ก็กินเวลาฉันไปหลายชั่วโมงในแต่ละวันแล้ว แม้การสื่อสารจะมีประสิทธิภาพ ทุกคนที่เกี่ยวข้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนทำเป็นอย่างดี แต่เรื่องมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น มันต้องมีการสื่อสารทำความเข้าใจ มีปัญหาจุกจิก เรื่องที่ต้องถามให้แน่ใจ จำต้องรอคำตอบก่อนที่จะส่งงานให้คนที่รับผิดชอบในลำดับต่อไป ฉันเบื่อตัวเองพอๆ กับที่ฉันคิดว่าคนรอบข้างที่ฉันตามเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็คงจะเบื่อการตามของฉันเช่นกัน

แต่ตามดวงฉันน่ะ เหมาะแก่การตามหนี้นะ เพราะคนจะรำคาญจ่ายๆ ไป ถ้างั้นมันก็น่าจะเทียบเคียงกับการตามงานได้สินะ คงเป็นฉันเองที่ต้องเปลี่ยนนิสัยให้เป็นคนชอบตาม คนชอบสร้างความรำคาญให้ชาวบ้านชาวช่องเพื่อให้งานคืบหน้า

ถ้าฉันยังเป็นคนที่ใครทำอะไรก็ไม่ถูกใจอยู่เช่นนี้ ฉันคงต้องทำอะไรเองทั้งหมด แล้วฉันจะไปสร้างความลำบากให้กับชีวิตทำไมละนั่น

แต่อย่างน้อยๆ นะ เจ้าชายเสื้อส้มของฉันก็ยังเป็นอัศวินตัวอ้วนผมเคลียไหล่แบบศิลปินที่ฉันเชื่อใจได้มากที่สุดแล้วล่ะ (แต่แฟนของเจ้าชายเสื้อส้มกลับหึงสะบัด โทรมาหาฉันถามว่าติดต่อที่เบอร์นี้ทำไม ฉันฉุนอีกแล้ว ฝากบอกไปว่า ถ้ายังจะโทรมาหึงอะไรกับฉัน ฉันก็จะเลิกใช้บริการเจ้าชายเสื้อส้มนะ แม้ว่าฉันจะไม่ได้มีปัญหากับบริการของเจ้าชายขนาดนั้น) วันนี้เจ้าชายของฉันมารับสิ่งตีพิมพ์ไปส่งไปรษณีย์ตามเคย แต่ฉันทนรอเจอหน้าเจ้าชายไม่ได้ ฝากน้องประชาสัมพันธ์ไว้แทน เป็นไงล่ะ แทนที่จะส่งเป็นของตีพิมพ์เสีย 6 บาทกลับส่งเป็นจดหมายเลยเสียตามน้ำหนัก 9 บาทซะนั่น

โถ จ่ายเพิ่มอีกสิบกว่าบาทสำหรับการส่งหนังสือผิดประเภททั้งหมด รวมกับค่าบริการ 50 บาท เทียบกับแทบจะเป็นคนเดียวที่ช่วยแบ่งเบาภาระฉันได้จริงๆ แค่นี้ ไม่เรียกว่าคุ้มแล้วจะให้เรียกว่าอย่างไรเจ้าคะ

ไม่มีความคิดเห็น: