วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

หรือว่าเป็นคู่...ชีวิต (27) จบ

แม้ว่านพนาศจะอายุเกือบสี่สิบแล้ว แต่หล่อนยังต้องทำตัวเหมือนเด็กวัยรุ่น หลบๆ ซ่อนๆ...

อันที่จริงนพนาศออกจะดีใจที่ในที่สุดก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตน หลังจากที่เจอะเจอมาแต่ละคน ไม่เขี้ยวลากดิน จนเป็นข่าวว่าพรากผู้เยาว์ในหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งนพนาศก็รู้สึกขอบคุณป้าเป้ตลอดมาที่เตือนสติให้หล่อนเลิกหลงงมงาย เป็นบ้าเป็นบอ ก็มีเมียแล้วบ้าง หรือมีแฟนจะเอานพนาศเป็นกิ๊ก จริงๆ แล้วมันเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานเลยก็ว่าได้ ว่าการจะคบใครสักคน คนๆ นั้นก็ไม่ควรมีพันธะทั้งทางใจและทางกายกับคนอื่น ไม่เช่นนั้นแล้ว ความสัมพันธ์ที่กำลังจะสร้างขึ้นใหม่บนรากฐานที่สั่นคลอนจะไม่มีวันทานรับแรงเสียดทาน ความกดดันจากสารพัดปัจจัยทั้งที่ควบคุมได้และไม่ได้ สิ่งที่ทำให้การประคับประคองชีวิตคู่เป็นไปได้อย่างยากเย็นเหลือทน

นอกจากที่นพนาศพาบอสไปรู้จักกับเพื่อนสมัยเรียนของหล่อน ญาติๆ ที่มีนัดสังสรรค์กันทุกเดือนก็ได้ยลโฉมบอสหลังจากความสัมพันธ์ตกกระไดพลอยโจนเริ่มต้นขึ้นไม่นาน ตอนแรกนพนาศก็ไม่คิดว่าบอสจะกล้าไปพบญาติกลุ่มใหญ่ร่วม 15 คน และมันก็ออกจะดูผูกมัดจนเกินไปถ้าจะพาบอสไปทั้งๆ ที่เพิ่งคบกันได้ไม่นาน นพนาศจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย เพียงแค่บอกให้รู้ว่า วันนี้ทำอะไร จะไปไหนบ้าง เท่านั้น

ตกบ่าย หลังจากที่นพนาศเอารถไปเช็คตามระยะทางที่บริษัทรถยนต์กำหนด หล่อนก็กะว่าจะแวะไปหาหมอยิงเลเซอร์กระชับรูขุมขนแล้วจึงนั่งรถไฟฟ้ากลับไปเอารถ แต่กลายเป็นว่าหล่อนต้องรอคุณหมอนานจนทำให้แผนของหล่อนเสียหมด ถ้าแวะไปเอารถก่อน อาจจะไปกินข้าวตามนัดไม่ทัน โชคดีที่บอสโทรเข้ามาพอดี ยามคบกันใหม่ๆ อะไรๆ ก็หวาน เมื่อนพนาศบ่นเรื่องต้องไปเอารถ บอสบอกว่าวันนี้ว่างแล้ว ไม่ติดธุระอะไร หล่อนจึงรบกวนให้บอสไปเอารถแทนและไปรับเก้าอี้โยกแบบถอดประกอบได้ที่หล่อนเพิ่งสั่งทำใหม่ จากนั้น บอสก็ต้องขับรถมารับนพนาศโดยปริยาย

นพนาศตื่นเต้นจนออกนอกหน้าเมื่อเจอญาติๆ หล่อนมักจะไม่เก็บความรู้สึกใดๆ อยู่แล้วถ้าไม่จำเป็น ญาติทุกคนรู้ว่านพนาศกำลังเห่อแฟนใหม่ หล่อนก็จาระไนคุณสมบัติของบอสเป็นการใหญ่ บางครั้งคนเรามักจะคิดว่า สิ่งที่น่าภาคภูมิใจในคู่ของเรา น่าจะเป็นจำนวนเงินที่อยู่ในบัญชีธนาคาร หรือหน้าที่การงานใหญ่โต ใส่ชุดสูทไปทำงานทุกวัน นพนาศไม่แน่ใจหรอกว่าสิ่งที่หล่อนคิดอย่างใช้ 'สติ' ที่สุดจะถูกต้องหรือไม่ เพราะมันดูจะสวนกับความรู้สึกของคนทั่วไป

นพนาศประทับใจในตัวบอสในเรื่องที่ดูเหมือนว่าจะเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นการที่บอสตอบคำถามเด็ดของหล่อนได้ถูกต้องโดยใช้เวลาแป๊ปเดียว การที่บอสชอบลงท้ายประโยคด้วยคำว่า 'ค่ะ' เวลาที่พูดกับหล่อน แม้แต่ตอนที่แม่ของบอสหรือน้องบิวที่โทรมาหาอยู่เรื่อยๆ แล้วบอสพูดคุยอย่างสนิทสนม การที่บอสบ่นว่าน้องแบม น้องสาวคนรองที่ทำงานอยู่เมืองนนท์ติดแฟน ไม่กลับไปหาแม่ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์เลย บอสยกที่รองนั่งชักโครกทุกครั้งและไม่เคยทำให้นพนาศต้องหงุดหงิดเห็นคราบเหลืองๆ เวลาล้างห้องน้ำ

บอสอาจจะไม่ใช่คนฉลาดที่สุดที่นพนาศเคยรู้จัก แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หล่อนรู้แล้วว่ามีข้อเสียเรื่องใด และถ้าหล่อนจะเลือกใครสักคนมาเป็นคู่ชีวิต คนๆ นั้นต้องมีคุณสมบัติอย่างไร นั่นเป็นเรื่องของเหตุผล ส่วนเรื่องของความรู้สึก หล่อนขอให้เขาไม่ทำตัวเป็น 'ปลาตาย' แต่มั่นคงกับหล่อน ดูแล้วมันออกจะขัดแย้งกันเอง นพนาศไม่สามารถทนอยู่กับคนที่น่าเบื่อ ทำอะไรตามตาราง กลับบ้านตรงเวลาเป๊ะทุกวัน หล่อนชอบเซอร์ไพรส์ มีกุ๊กกิ๊กหวานแหวว จะว่าไปแล้ว นพนาศก็ชอบเล่นกับไฟนั่นแหละ เมื่อไฟมันมีประโยชน์นานับประการ โทษของมันก็รุนแรงไม่แพ้กัน ชีวิตของนพนาศจึงได้หวือหวาตามแบบศิลปินทั้งๆ ที่ใครๆ ก็ชอบมองว่าหล่อนคิดถึงแต่ผลประโยชน์ ไม่ได้มีความรู้สึกรู้สาอะไรกับใครเขา จะว่าไป หล่อนก็คือแก้วเจียระไนตามที่แฟนเก่าของหล่อนเคยเปรียบเทียบเอาไว้นั่นแหละ นพนาศยอมรับแม้ว่าในสังคมไทยคนเราต้องถ่อมตัว หล่อนทำอะไรได้หลายอย่าง เก่งหลายด้าน คล่อง ไอคิวเกือบ 140 เพราะฉะนั้นหล่อนจึงมักเป็นดาวเด่นเมื่อย่างกรายไปในทุกที่ มีทั้งอิจฉาริษยา และชื่นชม หล่อนเป็นคนอยู่ยาก ถ้าหล่อนเป็นขันพลาสติกที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของคน นพนาศคงไปได้ดีในโลกระบบทุนนิยม แต่ไม่ว่าใครก็ต้องมีข้อด้อย ยิ่งข้อดีของใครเด่นมากแค่ไหน ข้อด้อยก็ยิ่งมีผลลบกับคนผู้นั้นมากเช่นกัน

นพนาศขาดคุณสมบัติข้อสำคัญของคนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต นั่นคือ ความอดทน จะเรียกได้ว่า หล่อนไอคิวสูง อีคิวต่ำก็ไม่ผิด หล่อนเพิ่งรู้ไม่นานว่าชีวิตลุ่มๆ ดอนๆ เป็นผลมาจากระดับสารเคมีในสมองที่ไม่ปกติ ในยามดี หล่อนจะคิดอะไรได้เร็ว มองภาพรวมและภาพย่อยออกชัดเจน ทำให้เรียนรู้เร็วและเหมาะกับงานที่ต้องริเริ่ม หรือทำโครงการที่ต้องรู้รอบรู้ลึกแต่เป็นโครงการเฉพาะกิจ ไม่ต้องมีภาระความรับผิดชอบมากมายนัก ในยามแย่ ความคิดเร็วๆ ซึ่งเคยอำนวยประโยชน์ในด้านดีให้หล่อน กลับหยุดไม่ได้ เมื่อหล่อนไม่หยุดคิดในเวลาที่ควรจะหยุด นพนาศก็อ่อนเพลียเพราะนอนไม่หลับ และการที่พักผ่อนไม่เพียงพอนานๆ หล่อนก็จะไม่มีอารมณ์ทำงาน ดูทีวีทั้งวันทั้งคืน ชอปปิ้งกระจุยกระจาย ก่อนที่จะกลับมาสุดขั้วอีกด้านโดยหลบหน้าผู้คน หมกตัวอยู่ในห้อง นั่งอยู่เฉยๆ เหมือนคนที่ถูกปิดสวิตช์ซะอย่างนั้น

นพนาศเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ทุกคนที่หล่อนคบฟัง แม้ว่าแม่ของหล่อนจะห้ามไม่ให้เล่า นพนาศถือว่า เมื่อเราอยากได้ความจริงใจจากใคร เราก็ต้องมอบสิ่งนั้นให้คนอื่นก่อน นพนาศไม่อยากมานั่งเสียใจทีหลังว่าคนที่คบกับหล่อนรับ 'ความแตกต่าง' ของหล่อนไม่ได้เมื่อมารู้ความจริงในที่สุด นพนาศเปิดไพ่ให้ดูกันตั้งแต่ต้นเลย ไม่มีการลักไก่ ถ้าจะมาบ่นทีหลัง ก็จะหาว่าหล่อนปกปิดไม่ได้ นี่เป็นกลไกการป้องกันตัวเองของนพนาศ

บอสรับฟังเรื่องเหล่านี้มาแล้ว นพนาศอธิบายอย่างนักวิชาการ หล่อนศึกษาข้อมูลอย่างลึกซึ้งจนเป็นคนไข้ประเภทที่แพทย์ไม่อยากรักษา เพราะต้องอธิบายนาน ไม่เหมือนตาสีตาสาที่ให้กินยาอะไรก็กิน แต่คนอย่างหล่อนต้องแจกแจงเหตุผล อธิบายจนยอมรับเท่านั้น นพนาศโล่งอกที่ได้เล่าปัญหาของหล่อนให้บอสฟัง โดยที่บอสไม่ได้ตกอกตกใจใดๆ เขาเพียงพูดสั้นๆ ว่า "รู้มั้ยว่าเค้าเป็นคนที่ใครๆ ชอบมาปรึกษา มาระบายให้ฟัง" นพนาศตีความเอาเองว่า เขาก็ทำตัวเป็นจิตแพทย์อยู่แล้ว เรื่องแค่นี้ ขี้ผงในสายตาของเขา

เมื่อได้บอกเล่าเรื่องราวของหล่อนแล้ว นพนาศก็พร้อมที่จะแนะนำให้เขารู้จักกับญาติๆ ของหล่อน แม้ว่าปฏิกิริยาจากหลายๆ คนจะเป็นไปตามความคาดหมาย คือ มองว่าบอสมาหาประโยชน์จากหล่อน หรือไม่ก็หล่อนกินเด็ก แต่นพนาศก็ไม่สะทกสะท้าน เพราะเป็นอะไรที่หล่อนคาดเดาได้อยู่แล้ว หล่อนจึงเล่าให้บอสฟังว่ามีคนเตือนว่าอย่างไร นพนาศแค่คิดว่า บอสคงจะเข้าใจและไม่แคร์กับสายตาของใครๆ ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่หลังจากวันนั้น บอสก็ปฏิเสธไม่ไปงานแต่งงานเพื่อนของนพนาศ หรือไปกินข้าว ดูคอนเสิร์ตร่วมกับญาติๆ ของนพนาศอีกเลย

นพนาศแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่ดูเหมือนจะเข้าใจบอสซะจนหล่อนนิ่ง ไม่โวยวาย งอน หงุดหงิดกับการกระทำของบอส แต่นพนาศก็เชื่อว่า หล่อนได้ใช้สติ พิจารณาแบบคนที่ไม่ยอมให้ความรักบดบังให้มองไม่เห็น หล่อนยอมรับแม้กระทั่ง เรื่องการเงินที่คงจะลุ่มๆ ดอนๆ จากอาชีพที่เขาใฝ่ฝัน อาชีพของศิลปินที่ไม่มีอะไรแน่นอน มีความเสี่ยงสูงที่จะไปไม่รอดอย่างเช่นคู่ของเพื่อนหล่อนที่แต่งงานมีลูกได้สองคน สามีเป็นนักดนตรี สังคมก็ต่างจากเพื่อนหล่อน หน้าที่การงานก็ไม่มั่นคง รายได้ไม่พอกับรายจ่าย จนเพื่อนของหล่อนต้องลุกขึ้นมาทำงานและเลี้ยงลูกไปพร้อมๆ กัน เมื่อเรื่องเงินเป็นปัจจัย ความตึงเครียดก็มาแวะเวียนแบบไม่ห่างหาย จนท้ายที่สุด หล่อนเพิ่งทราบข่าวไม่นานว่า เพื่อนหล่อนหย่าขาดจากสามีเรียบร้อยแล้ว เป็นอันว่า ชีวิตคู่ของศิลปินจบลงเหมือนๆ กับคนในวงการมายาที่เราเห็นๆ กัน

ความสัมพันธ์ครั้งนี้เป็นอะไรที่นพนาศเรียกว่า 'ไม่มีอนาคต' ไม่มีตำราใด หรือ ใครๆ จะสนับสนุนการตัดสินใจเช่นนี้ของหล่อน ตัวหล่อนเองก็รู้ว่าต้องอยู่กับปัจจุบัน ไม่คาดหวังอะไรทั้งนั้น แต่หล่อนก็แอบหวังอยู่ลึกๆ ว่า เมื่อไม่หวังอะไร เตรียมใจกับความล้มเหลว มันคงจะทำให้มีแต่ดีกว่าที่คาด อยู่ได้สองเดือนก็ดี ได้สามเดือนก็โอ้โห เก่งนะ เมื่อครบสี่เดือนก็เออ ไม่น่าเชื่อ

นพนาศย้อนนึกไปถึงวันที่ไปหาบอสที่บ้านแม่และป้าๆ ของเขา หล่อนคิดว่า ครอบครัวแบบนี้เป็นครอบครัวดีที่หายาก พื้นฐานที่กล่อมเกลาให้บอสเป็นบอสในวันนี้ มาจากคนที่เป็นอาจารย์ นักวิชาการ คุณทวดของบอสจูงมือภรรยาเดินเล่นรอบบ้านและพูดถึงแต่เรื่องในอดีต นี่เป็นภาพที่บอสนึกในใจเวลาพูดถึงญาติผู้ใหญ่ของเขา มันเป็นชีวิตสมถะ เรียบง่าย ใสสะอาด เป็นครอบครัวในฝันสำหรับนพนาศเลยทีเดียว บางคนอาจจะรู้สึกว่าน่าเบื่อที่ต้องพูดคุยกับนักวิชาการหรืออาจารย์ที่วันๆ มีแต่ตำรา นพนาศเองก็ไม่ได้มีพื้นฐานต่างไปจากบอสเท่าใดนัก คนที่เป็นหมอ ครู อาจารย์ ข้าราชการ(ที่ดี)จะมีศีลธรรม ทำอะไรเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่เหมือนนักธุรกิจพวกวัตถุนิยมที่จะมองคนกลุ่มนี้ว่า จน ซื่อบื้อ หลอกง่าย ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ นพนาศเลือกจะมองโลกแบบตรงข้ามกับนักธุรกิจ แม้ว่าหล่อนก็ต้องทำงานให้อยู่รอดด้วยเช่นกัน หล่อนเลือกแล้วที่จะทำพอมีพอกิน ไม่ไขว่คว้าตะกายดาว ทั้งด้วยสภาพจิตใจของนพนาศรับไม่ได้และอาการของโรคประจำตัวไม่อำนวยให้หล่อนพบเจอกับความเครียด การแข่งขัน

นพนาศแค่คิดว่า หล่อนจะประคับประคองความสัมพันธ์อย่างไรให้ทั้งหล่อนและบอสสบายใจ นพนาศจะไม่ทำอะไรที่จะทำให้หล่อนเจ็บใจตัวเองว่าเหตุผลที่บอสคบกับหล่อนก็เพื่อผลประโยชน์ ฉะนั้นหล่อนจึงจะอำนวยประโยชน์ให้เขาตามที่ควรจะเป็น ไม่ได้ใช้เงินซื้อผู้ชาย ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้เขาภูมิใจในตัวเอง แม้จะมีงานบ้างไม่มีบ้างตามธรรมชาติของอาชีพในวงการนี้

นพนาศอยากเหลือเกินที่จะบอกกับบอสว่า 'บอสไม่ต้องรู้สึกไม่ดีกับตัวเองเลยนะ ถ้าเห็นว่านาศทำอะไรๆ ก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งบอสเลยด้วยซ้ำ นาศแค่หวังว่าบอสจะไม่รู้สึกว่านาศทำอะไรข้ามหน้าข้ามตา หรือเด่นซะจนกลบบอสมิด บอสมีความเก่งของบอสที่คนทั่วๆ ไปอาจจะมองว่าไม่สำคัญ แต่นาศมองว่า มันเป็นคุณสมบัติที่จะทำให้ชีวิตคู่ของเราเป็นไปได้ ไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องเก่งเรื่องเดียวกัน บอสเก่งเรื่องคนที่จะมาเติมเต็มในจุดด้อยของนาศ และบอสมีอะไรๆ ที่ทำให้นาศยอมรับ คนอย่างนาศไม่ได้จะยอมใครง่ายๆ ขอให้บอสจำข้อนี้ไว้ให้ดีและอย่าเขวไปตามกระแสสังคม ส่วนในเรื่องความแตกต่างของอายุ สังคมและอะไรต่างๆ ที่เราก็พอจะเห็นกันบ้างแล้ว บอสอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบ นาศมีเวลาอีกไม่นาน ในแง่ของสรีระผู้หญิง ถ้าเราจะมีลูกด้วยกัน นาศรอได้อีกไม่เกิน 2 ปี ถ้าบอสเจอคนใหม่ นาศจะไม่แปลกใจเลย ถ้าเราคบกันได้ยาวนั่นสิเป็นเรื่องแปลก ทุกวันนี้ นาศก็ได้แต่มองไปทีละวัน ทางสายนี้ดูจะมืดมนไปหมด แต่มันก็น่าตื่นเต้นดีที่เราก็อยู่กันมาเพิ่มขึ้นทุกวัน มันเป็นวันที่มีค่า ถ้ามันจะจบ นาศก็เข้าใจ เข้าใจมานานแล้วด้วยซ้ำ'

นพนาศยังมีคำถามอยู่ในใจตลอดมา เรื่องของนพนาศไม่มีวันจบเพราะถ้าความสัมพันธ์ของหล่อนกับบอสจบลง นพนาศก็จะมีคำถามว่า หรือคนนี้จะเป็นคู่ของหล่อน อยู่เสมอ แม้ในใจหล่อนจะรับรู้ตลอดมาว่า คนอย่างหล่อนอยู่คนเดียวดีที่สุด แต่บางครั้งชีวิตเราก็มีสีสัน เจอมรสุมบ้าง จะได้ทำให้เราตระหนักว่า เวลาที่มีความสุขมันมีค่าเพียงใด

ไม่มีความคิดเห็น: