วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

หรือว่าเป็นคู่...ชีวิต (21)

แม้นพนาศจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเข้าเรือนกล้วยไม้อย่างเคย แต่สิ่งที่สร้างสีสันให้ชีวิตหล่อนในวันนั้นคือ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์จากบอส...

"สวัสดีค่ะ"

"บอสนะครับ"

"ค่ะ จำได้" นพนาศตอบรับ หัวเราะเบาๆ ด้วยใจอิ่มเอม

"ผมโทรหาป้าเป้แล้วแกยังโกรธผมอยู่เลย"

"แหม คนแก่ก็อย่างงี้แหละค่ะ อ้อนไปอีกหน่อยเดี๋ยวก็ดีเอง" นพนาศให้ความหวังแม้จะไม่รู้ว่าป้าเป้จะโกรธจริงจังขนาดไหน แล้วหล่อนก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์อีกรายแทรกเข้ามา พอเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ หล่อนรีบตัดบทกับบอส "ป้าเป้โทรมาค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน"

"หวัดดีค่ะ ป้า" นพนาศเรียกพี่เป้ว่าป้ามาจนเกือบจะลืมไปว่าป้าไม่ใช่ผู้หญิง หล่อนปฏิบัติต่อเขา(เธอ)เหมือนเป็นพี่สาว จะกอดจะหอมก็ไม่กระดาก ทั้งที่ปกติหล่อนก็ไม่ได้ให้ใครกอดง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง

"ไอ้บอสมันโทรมาหาเธอใช่มั้ย" ป้าเป้ถามแบบจะหาเรื่อง

"ก็ ค่ะ" นพนาศยังตั้งตัวไม่ติด

"นี่มันยังไงกัน ทำไมคุยกับชั้นไม่ได้แล้วจะต้องโทรมาคุยกับเธอ หึ"

"ป้าก็ นาศเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องข้าวหลามน่ะ เขาจะปรึกษาใครได้ล่ะถ้าไม่ใช่นาศ"

เหมือนเหตุผลเริ่มจะยึดพื้นที่ในใจป้าเป้เข้าบ้างแล้ว

"นี่ นาศ ป้าบอกจริงๆ นะว่า เราน่ะ 'เลือดขัตติยา' คงรู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง ต่อไปนี้ถ้าจะนัดเจอกันอย่ามาใช้บ้านชั้นนะ ชั้นไม่ต้องการรับรู้อะไรทั้งสิ้น"

"...." นพนาศไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี บางทีความเงียบอาจจะเป็นคำตอบที่นพนาศควรเลือกในสถานการณ์นี้ วิธีนี้อาจจะทำให้ป้าเป้เกรงใจไม่ล้ำเส้นหล่อนจนเกินไป

นพนาศกับป้าเป้คุยอะไรต่ออีกนิดหน่อย จบลงที่ว่าหลังจากเสร็จธุระป้าเป้จะมาหาหล่อนที่คอนโดเพื่อออกไปกินข้าวกัน

วางสายป้าเป้ นพนาศโทรกลับไปหาบอส หล่อนยังทำหน้าที่เดิมที่รับมาโดยที่ไม่ได้มีใครมอบให้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นหน้าที่ๆ หล่อนอยากทำ เพราะทำแล้วมันก็น่าจะเกิดผลดีกับหล่อนในที่สุด คุยไปคุยมาจบเรื่องป้าเป้ บอสชวนนพนาศไปกินข้าวได้ยังไงไม่รู้ หล่อนอ้างว่าป้าเป้บอกว่าจะมาหาแล้วไปทานข้าวกันคงไม่สะดวก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้บทสนทนาของทั้งสองจบลง ไม่ว่าจะคุยเรื่องใดก็เห็นจะต่อกันไปได้เรื่อยๆ วกไปเวียนมา เหมือนบอสจะถามว่าทำไมหล่อนถึงวางฟอร์มนัก แต่ก็ถามหล่อนเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่น พอหล่อนจะพูดตรงประเด็นว่าบอสไปติดใจใครเข้ารึเปล่า บอสเองก็ใช่จะไร้ฟอร์ม แต่แล้วก็ยังคุยไปคุยมาอยู่ในเรื่องประมาณว่าผู้ชายผู้หญิงถ้าชอบกันแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร นพนาศคันปากจนเอ่ยถามว่า "ตกลงจะจีบมั้ยเนี่ย"

บอสไม่ทันตั้งตัว ถามกลับมาว่า "อะไรนะ เมื่อกี้หูมันอื้อๆ ฟังไม่ได้ยิน"

"ไม่ได้ยินก็ช่วยไม่ได้" นพนาศก็อายเป็นเหมือนกัน

"ถึงออฟฟิศแล้ว แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยว chat ทาง M"

ทั้งคู่ก็ยังคุยกันไปกันมาจนบอสที่ไม่ได้เป็นมนุษย์คอมพิวเตอร์เลือกจะโทรเข้ามาแทน เขายังคงชวนนพนาศไปกินข้าวอย่างไม่ลดละ แถมยังบ่นว่าถ้าไปซะตั้งแต่แรกก็กลับมาทันนัดกับป้าเป้ คุยไปจนเลยห้าโมง ป้าเป้ก็ไม่โทรเข้าหรือมาหา นพนาศเห็นว่าถ้าป้าไม่โทร หล่อนก็น่าจะสามารถออกไปไหนต่อไหนได้แล้ว หล่อนจึงโอเคที่จะกินข้าวเย็นกับบอส ยอมให้บอสมารับไปกินชาบูชาบูร้านโปรดของหล่อนไม่ไกลจากบ้านนัก

สองหนุ่มสาวนั่งนิ่งไม่ได้พูดอะไร บางครั้งความสุขก็เกิดขึ้นได้ง่ายๆ แค่ได้นั่งใกล้ๆ คนที่เราชอบ เรื่องมาสะดุดก็ตรงที่นพนาศได้รับ SMS จากป้าเป้ผู้ทั้งหวงและห่วงใยหล่อนจนคล้ายจะเป็นอาการหึง

"บอสอยู่ที่บ้านเธอใช่มั้ย"

นพนาศอึ้ง ส่งมือถือให้บอสอ่านแล้วก็มองหน้ากันอย่างงงๆ ครั้นจะรู้สึกโกรธที่ป้าเป้มายุ่งเรื่องส่วนตัว นพนาศกลับเข้าใจป้าเป้อย่างดีจนกลบความรู้สึกส่วนตัวไปสิ้น หล่อนสบายใจที่ทั้งคู่ออกมาจากบ้านหล่อนแล้ว เพราะฉะนั้น การที่หล่อนตอบกลับไปว่า "เปล่าค่ะ" จึงเป็นคำตอบที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงและเป็นคำตอบที่ควรจะตอบด้วย มีหรือที่ป้าเป้คนฉลาดจะไม่เช็คสอบว่าเป็นความจริงรึเปล่า เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทันที ตอนนั้นนพนาศกับบอสมาถึงมอลล์เล็กๆ เรียบร้อยแล้ว เสียงดังจอแจเป็นเสียงพื้นหลังที่ดีทีเดียว

"หวัดดีค่ะ ป้า" หล่อนทักทายแบบปกติทั้งที่น่าจะอารมณ์ขึ้นบ้างแล้ว

"อยู่ไหน" ป้าพูดกลับสั้นๆ เหมือนเป็นหน้าที่ๆ นพนาศต้องตอบเป็นกิจวัตร

"ออกมากินข้าวค่ะ ก็ตอนแรกป้าบอกจะแวะมาหาที่บ้าน ไม่เห็นมา นาศเลยออกมาหาอะไรกินนะค่ะ"

"อ๋อ เหรอ"

"แล้วคืนนี้ตกลงป้าจะพาไปดูพ่อหนุ่มนักดนตรีที่ผับตรงสยามสแควร์นั่นรึเปล่าคะ"

"ใคร อะไร ที่ไหน ไม่รู้เรื่อง" ป้าเป้พูดแบบงงๆ เต็มไปด้วยคำถาม

"ก็เมื่อคืนไง ป้าบอกเองว่าจะพาไปดูหนุ่มนิสัยดี อายุประมาณ 40 ยังโสดด้วยน่ะ"

"นี่ ชั้นจำไม่ได้จริงๆ นะเนี่ย ตายแล้ว ท่าทางจะเมาสุดๆ "

"งั้นก็ไว้วันหลังละกันนะคะ ขี้เกียจไปแล้วอะค่ะ อยู่บ้านดีกว่า" นพนาศรีบตัดบท ระหว่างที่เดินไปร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูชาบูเจ้าโปรดกับบอส

"โอเคๆ แล้วโทรหากันนะ" ป้าเป้มักจะจบบทสนทนาอย่างนี้เสมอ

"ค่ะ"

พอวางสาย สองหนุ่มสาววิเคราะห์กันใหญ่ นพนาศพยายามอธิบายให้บอสฟังว่า อย่าไปถือสาป้าเป้แกเลย แกอายุขนาดนี้แล้วก็ขี้เหงา กลัวว่าเพื่อนที่มีอยู่ พอเป็นแฟนกัน ติดต่อกันเองแล้วแกจะหลุดไปอยู่นอกวงโคจร แล้วทั้งสองก็คิดว่า การที่ป้าเป้ส่ง SMS มาแบบนี้ ดูจะล้ำเส้นไปมากทีเดียว อีกทั้งโทรมาเช็คอีกต่างหาก แต่ก็ด้วยความเข้าใจในตัวป้าเป้ นพนาศให้อภัยและไม่ถือสาได้ทั้งหมด

ทั้งสองเดินเข้าร้านอาหาร สั่งอาหารแล้วก็ยังคุยต่อเรื่องป้าเป้ ต่างคนก็ต่างค่อยๆ แพลมออกมาว่า ป้าเคยพูดกับตนไว้อย่างไร ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะโกรธไม่มองหน้าไปแล้วอีกเหมือนกัน ป้าเป้ว่าบอสไม่เคยออกค่าใช้จ่ายอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าเหล้า ส่วนนพนาศ ป้าเป้ก็บอกไปว่า หล่อนเป็นคนมีปัญหา เที่ยวหว่านเสน่ห์ไปทั่ว อยากมีแฟนซะเหลือเกิน สรุปแล้ว ไม่ได้พูดดีเกี่ยวกับใครใดๆ ทั้งนั้น แต่นพนาศก็รู้ว่าป้าเป้ห่วงหล่อนจริงๆ ที่เตือนเรื่องบอส ในใจของหล่อนเอง ก็รู้สึกตงิดๆ อยู่แล้ว เพียงแต่หล่อนเป็นคนที่ชอบเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง แน่นอนว่าเจ็บหนักกว่า แต่ก็จำแม่น ส่วนจะหลาบจำทำซ้ำหรือไม่ อันนี้เป็นอีกประเด็น ตัวหล่อนย่อมรู้ดีว่า ความผิดพลาดในอดีตตลอดมา หรือคนที่เข้ามาในชีวิตหล่อน ก็หนีไม่พ้นคนที่มีลักษณะพื้นฐานคล้ายๆ กัน แต่หล่อนก็อยากจะลองคบกับคนที่(หล่อนเข้าใจว่า)ไม่มีพันธะใดๆ

เมื่อนพนาศบอกกับบอสว่าป้าเป้พูดเรื่องเงินซะอย่างนั้น บอสจึงเป็นคนจ่ายเงินเลี้ยงนพนาศเอง บอสพูดด้วยความรู้สึกเหมือนถูกกดดันว่า "ถ้ามีก็จ่ายไปเรื่อยๆ ไม่มีแล้วจะบอก"

หลังจากกินชาบูชาบูกันอย่างอิ่มหนำสำราญ บอสก็ขับรถไปส่งนพนาศที่บ้าน ไม่มีอะไรพิเศษไปกว่าการออกไปกินข้าวกับเพื่อนธรรมดา นพนาศขอบคุณในขณะที่บอสหันตัวมาทั้งตัวและทำสายตาเว้าวอน แต่เขาก็ได้แค่คำขอบคุณ หล่อนรับรู้ถึงความรู้สึก แน่ใจทั้งๆ ที่ไม่มีการสื่อสารเป็นคำพูด

นพนาศเข้าบ้าน อาบน้ำอาบท่า เตรียมขึ้นเตียงนอน แล้วหล่อนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขียนข้อความส่ง SMS ให้บอสว่า

"you are not the only one who has such feeling. thanks for tonight na ka"

ทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ใครจะรู้ว่าถ้าเปรียบความสัมพันธ์นี้เป็นรถ เมื่อติดเครื่องและวอร์มได้ประเดี๋ยว รถก็พุ่งทะยานระดับ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในวันถัดมา

ไม่มีความคิดเห็น: