วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

หรือว่าเป็นคู่...ชีวิต (24)

แม้ว่านพนาศจะแกล้งเมา แต่หล่อนก็มีอาการแฮ้งค์ตั้งแต่เช้า...

นพนาศพลิกตัวไปมาอยู่พักใหญ่ ด้วยกลัวว่าคนข้างๆ จะตื่น แต่ครั้นจะให้นอนต่อก็รู้สึกไม่สบายตัว สู้ลุกขึ้นมาทำอะไรให้ลืมความรู้สึกอึดอัดยังดีซะกว่า "ไปซักผ้าก่อนนะคะ" นพนาศบอกคนข้างๆ ที่ดูเหมือนจะลืมตาขึ้นมาดูนิดนึง

นพนาศกวาดบ้าน ซักผ้า ทำอาหารเช้า อันประกอบด้วย ข้าวต้ม ไข่เจียว ยำปลากระป๋อง และคอร์นบีฟผัดเนย

ระหว่างที่นพนาศเอาผ้าจากเครื่องออกมาตาก ความคิดหลากหลายก็ผุดขึ้นมาในใจ

'นี่มันเกิดอะไรขึ้น มันจะเป็น one-night-stand รึเปล่า ฉันจะทำอะไรต่อไปละนี่ เรายังไม่ทันรู้จักกันเท่าไหร่เลย'

แต่แล้วนพนาศก็นึกถึงคำพูดของเพื่อนคนนึงที่ว่า 'ถ้ามันมีอะไรผิดพลาด เราก็ไม่จำเป็นต้องทำให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง เรื่องของเมื่อวานก็คือเมื่อวาน เรื่องของวันนี้กับพรุ่งนี้มันก็ไม่เกี่ยวกัน'

นพนาศรู้สึกว่ามันออกจะเป็นวิธีปลอบใจ ทำให้ตัวเองรู้สึกดี ไม่จิตตกแม้ชีวิตจะพบกับความผิดพลาด แต่จะทำอย่างไรได้ หล่อนไม่รู้ว่าอนาคตอันใกล้จะเป็นอย่างไร ที่ทำได้ก็แค่ทำให้บ้านสะอาดขึ้น เป็นที่เป็นทาง เผื่อว่ามันจะเป็นการจัดระเบียบให้ชีวิตหล่อนอย่างที่นพนาศมักจะเชื่อมโยงการกระทำเข้ากับการตีความทางจิตวิทยา

นพนาศเคยเล่าให้บอสฟังแล้ว ว่าปัญหาหนึ่งที่หล่อนเข้ากันไม่ได้กับสามีเก่าก็คือ การที่ทำอาหารไม่ได้เรื่อง วันนั้น บอสพูดขึ้นทันทีว่า "แค่มีน้ำใจทำให้กินก็ดีจะตายแล้ว" นพนาศใจชื้นเมื่อได้ฟัง แต่อะไรๆ มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คาดซะส่วนใหญ่ พอถึงวันที่หล่อนทำให้เขากินบ้าง เขาก็กินอยู่พักนึง แล้วก็ค่อยๆ รีบออกจากบ้านไป เย็นวันหนึ่ง เขาบอกด้วยซ้ำว่า ไม่ต้องทำอะไรให้กินนอกจากไข่ลวก ที่ต้องพูดตอนนี้ เพราะถ้าเป็นคราวอื่น เขาจะเกรงใจแล้วก็ไม่กล้าพูดในที่สุด

อันที่จริงแล้ว วันนั้นบอสต้องรีบกลับไปบ้านที่ชลบุรีตามที่นัดไว้กับแม่ แต่เขาก็อาสาขับรถไปสมุทรสาครเพื่อทำธุระให้หล่อน นพนาศนอนตลอดทางทั้งไปและกลับ ถึงสมุทรสาคร นพนาศรีบจัดการธุระให้แม่และนัดแนะเพื่อปรึกษาเรื่องพันธุ์กล้วยไม้กับเพื่อนชาวต่างแดนที่แอบชอบหล่อน นพนาศอยากให้บอสไปด้วยเพื่อให้แน่ใจว่า หล่อนไปเรื่องงานจริงๆ แม้จะไปกับคนที่มีความรู้สึกพิเศษให้กับหล่อน นพนาศบอกแผนให้บอสฟังเพื่อให้เข้าใจว่า ที่ไปพบเพื่อนรายนี้คนเดียวก็เพื่อรักษาน้ำใจไม่พาบอสไปเจอเหมือนจะตอกย้ำความรู้สึก

หลังจากเสร็จธุระ บอสขับรถกลับ เขาไม่ได้รู้สึกสบายใจที่ต้องโกหกแม่ว่า ติดงานอยู่ ทั้งๆ ที่ขับรถมาเป็นเพื่อนนพนาศ ไม่แค่นั้น แฟนเก่าของเขายังโทรเข้ามาที่มือถือของนพนาศ แม่ของบอสให้เบอร์ติดต่อหลังจากที่แฟนเก่าบอสคนนั้นคะยั้นคะยอ อ้างว่าต้องติดต่อเรื่องงาน แต่มือถือของบอสแบตเตอรี่หมด นพนาศให้มือถือบอสยืมระหว่างที่หล่อนปรึกษางานกับเพื่อนชาวต่างแดน

นพนาศได้ยินเรื่องราวของแฟนเก่าคนนี้อยู่เหมือนกัน หล่อนทราบจากน้องเจนว่า เขาเพิ่งเลิกกันก่อนหน้าที่จะมาปิ๊งปั๊งกับหล่อนไม่กี่วัน แถมน้องเจนยังเล่าให้ฟังว่า เขาเคยบอกว่าติดธุระต้องไปงานเปิดตัวบริษัทที่เขาทั้งสองทำงานร่วมกัน ยังมีเรื่องที่ต้องติดต่อประสานงานและเรื่องหุ้นที่ลงไปด้วยกัน นพนาศไม่เคยถามถึงเรื่องนี้ จนกระทั่งหล่อนพบว่าตัวเองไม่ไว้ใจบอส ทั้งๆ ที่หล่อนไม่เคยมีความรู้สึกนี้กับใครๆ ไม่ว่าคนๆ นั้นจะซื่อสัตย์กับหล่อนหรือหลอกหล่อนตั้งแต่ที่ให้คำมั่นสัญญาก่อนแต่งงานตลอดจนระยะเวลาที่ใช้ชีวิตคู่กันอย่างสามีเก่า

นพนาศไม่คุ้นเคยกับการต้องจับมือใครตลอดเวลาที่อยู่ในรถ รถของหล่อนไม่มีหมอน ถ้าคราวนี้หล่อนนั่งรถของบอสมา นพนาศก็คงนั่งกอดหมอนสีฟ้าใสที่มีตุ๊กตารูปหมาหูยาวเกาะอยู่ด้านบนของตัวหมอน บอสขับรถมือเดียวตลอดเวลาที่นั่งอยู่ด้วยกัน ณ ตอนนั้น นพนาศก็ไม่รู้อีกเช่นกัน ว่าอาการจับมือตลอดเวลา ความรู้สึกเสียวซ่านที่มือของทั้งสองสัมผัสกัน มันจะไม่ได้อยู่นานไปกว่า 1 อาทิตย์

ใกล้ถึงกรุงเทพแล้ว บอสพูดขึ้นว่า "แวะไปงีบที่ห้องก่อนมั้ย" รถของบอสจอดอยู่ที่ออฟฟิศตั้งแต่เมื่อคืน ไม่ใช่ว่านพนาศจะไม่รู้ว่าบอสหมายถึงอะไร หล่อนจึงพยักหน้า และเมื่อถึงออฟฟิศหล่อนก็วิ่งขึ้นห้องไปก่อน ออกจะกลัวๆ กล้าๆ เพราะพ่อของบอสกับลูกเมียใหม่ก็อยู่ชั้นเดียวกัน ห้องก็เปิดประตูกว้างอยู่ หลังจากลังเลอยู่พักใหญ๋ นพนาศก็ตัดสินใจวิ่งรี่เข้าไปเปิดประตูแล้วรีบปิดทันใด

ห้องของบอสขนาดซัก 4*4 เมตรเห็นจะได้ มีที่ฟูกวางอยู่บนพื้นทางด้านขวาของประตู ด้านซ้ายเป็นราวแขวนเสื้อ ที่ส่วนใหญ่ก็คือเสื้อยืด ตะกร้าสำหรับใส่ผ้าเพื่อซักอัดแน่นซะจนขากางเกงห้อยออกมาข้างนอก สุดกำแพงด้านในสุด มีของวางระเกะระกะ น่าจะเป็นลักษณะของห้องผู้ชายโสดโดยทั่วไป ที่ซึ่งเอาไว้ซุกหัวนอนจริงๆ

นพนาศนอนต่อบนฟูกนั้น ระหว่างที่ยังนอนไม่หลับ หล่อนก็กวาดตามองไปรอบๆ แล้วก็บอกกับตัวเองว่า 'เราต้องรับเขาอย่างที่เขาเป็น เลิกเจ้ากี้เจ้าการ ยุ่งย่ามเรื่องของคนอื่นซะที ปล่อยให้เขาเป็นอย่างที่เขาเป็นหรืออยากจะเป็น ไปยุ่งอะไรมาก ถ้าเขาไม่เห็นค่า เดี๋ยวเราก็จะเสียใจอย่างที่เคย'

นพนาศออกจะดีใจนิดหน่อยในภายหลัง เมื่อหล่อนเห็นบอสลุกขึ้นมาจัดโต๊ะทำงานหลังจากที่ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันเกือบเดือน แต่หล่อนก็ไม่ได้พูดอะไรในตอนนั้น แอบดีใจลึกๆ ว่า เขาเลือกจะเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีขึ้นด้วยตัวของเขาเอง ไม่นับแค่เรื่องนี้หรอก เรื่องที่เขาลุกขึ้นมาเอาใจใส่ธุรกิจโรงงานจุลินทรีย์ของพ่อ เอาใจใส่และรับรู้ขั้นตอนการทำงานโดยละเอียด ด้วยเขารู้ว่า งานที่เกี่ยวข้องกับนพนาศ มีแต่คำว่า "คุณภาพ คุณภาพ และคุณภาพ" เขารู้ว่านพนาศจริงจังกับเรื่องนี้เท่าใด ถึงเวลาต้องคุยกันเรื่องงาน นพนาศก็ใส่ไม่ยั้ง สวนกล้วยไม้ ไม่ได้เป็นของนพนาศคนเดียว ท่านนายทุนใหญ่วางใจให้หล่อนจัดการทุกสิ่งทุกอย่าง หล่อนยิ่งต้องแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ชัดเจน จนหล่อนคิดว่าถ้ามีผู้ช่วยมาเป็นหนังหน้าไฟ อาจทำให้ดีขึ้นทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

บอสตามมาที่ห้องหลังจากวิ่งขึ้นวิ่งลงจัดการสารพัดธุระที่นพนาศก็ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง

แล้วสิ่งที่ควรจะเกิด ก็เกิดขึ้น ทั้งสองปล่อยให้สิ่งต่างๆ เป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น ไม่มีการขัดขวาง ปิดกั้นใดๆ เมื่อทุกสิ่งเป็นไปตามธรรมชาติ ทั้งสองก็ควรจะยอมรับกลไกของธรรมชาติที่ไม่มีสิ่งใด ยืนยง ถาวร ไม่เปลี่ยนแปลง

นพนาศได้เพียงแต่ขอให้ธรรมชาติของความสัมพันธ์ครั้งนี้ยืนยาวกว่าครั้งแล้วๆ ที่ผ่านมา...

ไม่มีความคิดเห็น: