วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

หรือว่าเป็นคู่...ชีวิต (19)

นพนาศมีข้ออ้างให้โทรหาบอสแล้ว...

สักบ่ายสองโมงหลังจากที่สะสางเรื่องงานบ้าน งานกล้วยไม้ นพนาศก็โทรถามบอสเรื่องจุลินทรีย์ที่จะใช้กับต้นกล้วยไม้ หล่อนนัดแนะเสร็จสรรพว่าให้บอสมาเจอที่บ้านป้าเป้อันเป็นบ้านกลางเพื่อการพบปะอย่างคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน เป็นที่ๆ ทั้งนพนาศและบอสมักจะเจอกันเป็นประจำ

ประมาณสี่โมงเย็น นพนาศเดินเข้าบ้านป้าเป้แล้วก็ตรงรี่ไปตักข้าวกิน เห็นบอสนอนเอกเขนกที่เตียงหน้าโต๊ะคอมฯของป้าเป้

"วันนี้ป้าทำอะไรบ้างคะ"

"มีไข่เจียวกุ้งสับ กับน้ำแกงฝัก โน่น เอาถ้วยตรงนั้นไปตักแกงเลยนะนาศ"

ตักข้าวเสร็จ นพนาศก็ทักบอสนิดนึงว่า

"บอสมานานรึยัง"

"มาตั้งแต่สามโมงแล้ว มีธุระตอนห้าโมง"

นพนาศสะดุดกึก วางจานข้าว หลังจากที่ตักกินไปได้สองสามคำ เดินมานั่งที่ปลายเตียง ชี้แจงปัญหาพร้อมตัวอย่างต้นกล้วยไม้ที่มีปัญหา หล่อนเอาพวกศัตรูพืชและลักษณะใบของต้นกล้วยไม้มาให้บอสดู ขอคำปรึกษาว่าจะรักษาและปรับสมดุลให้ต้นกล้วยไม้อย่างไร เวลาต้นกล้วยไม้ต้นหนึ่งติดโรค มันก็ระบาดไปทั้งเรือน สิ่งที่หล่อนฝูมฝักมาแรมปี จบกันตรงที่กล้วยไม้ไม่ออกดอก บางครั้งออกดอกแต่ก็เหี่ยวเร็วผิดธรรมชาติของกล้วยไม้ ที่บางพันธุ์ดอกอยู่นานเป็นเดือนๆ

หล่อนรู้สึกว่าบอสรู้เรื่องที่กำลังคุยจริงๆ ไม่ได้เป็นเด็กเหลือขอไม่เป็นโล้เป็นพายสักกะหน่อย แต่ยังไงก็ต้องรอให้บอสเอาจุลินทรีย์มาให้ลองใช้พร้อมทั้งปรับสูตรให้เหมาะกับกล้วยไม้อีกครั้ง

คุยเรื่องงานจบ

"จริงๆ มีเวลาอีกชั่วโมงนึง" พร้อมยิ้มกวนตีนที่ได้ขัดจังหวะเวลากินข้าวบ่ายของนพนาศ หล่อนกลับไปกินข้าวที่เหลือ แล้วเสียงป้าเป้ที่ควรจะแว่วมา กลับกลายเป็นเสียงแว๊ดๆ ว่า

"จำไว้เลยนะบอส ข้าวหลามแค่นี้ยังเอามาให้กันไม่ได้ แล้วยังจะมาโกหกอีก คนอย่างนี้ชั้นไม่ชอบ ทนอะไรก็ทนได้ แต่คนโกหกนี่ไปเลย"

นพนาศงง บอสก็คงงงแต่ไม่แสดงออก นอกจากเสมองไปทางอื่น

สักพัก เขาก็ลุกเดินออกไปโดยไม่บอกกล่าวอะไร นพนาศรู้สึกถึงบรรยากาศมาคุระหว่างป้าเป้กับบอส

บอสหายไปพักใหญ่ หล่อน sms ไปหาเขาว่า

"ป้าเป้ก็เป็นอย่างนี้แหละ อย่าคิดมากนะ เค้ารักบอสยังช่วยหางานให้อยู่เลย"
ส่ง sms ไม่ทันไร ป้าเป้ก็พ่นพรวดๆ ด้วยความอัดอั้นตันใจ

"ป้ามีวิธีเทสต์คนของป้านะ คิดดูซิ มาถึงก็บอกให้ป้าทำกับข้าวให้หน่อยดิ เอาไข่ดาวไม่สุกนะ ชั้นเป็นอะไรกับมัน มาถึงก็ใช้ๆ ๆ เรื่องข้าวหลามบอกว่าจะซื้อให้ตั้งแต่วันก่อน นี่สองวันแล้วยังไม่เอามาให้ ป้าไม่ได้อยากจะกินข้าวหลามอะไรนักหรอก แต่มันเป็นเรื่องของน้ำใจ ป้าไปพูดกับคนอื่น เอาหน้าไปรับประกัน นาศนึกสิ ป้าไปพูดกับใครไว้ ก็เป็นหนี้บุญคุณเค้า ต้องไปชดใช้กันทีหลัง แล้วมันยัง..."

"ป้าก็ว่าเค้าซะขนาดนั้น มันเหมือนฉีกหน้าเค้าต่อหน้านาศเลยนะ ผู้ชายเค้าก็เสียหน้าสิคะ แล้วก่อนหน้านี้ป้าพูดอะไรกับเค้ารึเปล่า"

"มันเสียอารมณ์ เดินเข้ามาก็บอกให้ชั้นตักข้าวให้กิน ชั้นก็ไม่ได้พูดอะไร มันถามอะไรมา ชั้นก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง"

"แหม ป้า ผู้ชายเค้าก็มีอีโก้นะคะ เค้ามาคุยกับป้าดีๆ แล้วป้าก็แข็งกับเค้าอย่างนั้น"

"นี่ตกลงเธอนัดกันที่บ้านชั้นใช่มั้ย นี่บอกไว้ก่อนนะ อย่ามาใช้บ้านชั้นเป็นจุดนัดพบอะไรทั้งนั้น ชั้นไม่ชอบ" ป้าเป้ยังแรงอยู่เหมือนเดิม เริ่มจะระแวงด้วยความรู้สึกหวงเพื่อน ต้องการให้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง ถ้าเพื่อนติดต่อกันเองก็อาจจะทิ้งป้าเป้ให้เหงาอยู่เหมือนเคย เกย์ทุกคนเป็นอย่างนี้หรือเฉพาะป้าเป้คนเดียว...ไม่มีใครรู้

"คือว่า...ป้าชวนนาศมาทานข้าวใช่ม้า แล้วเมื่อคืนก็คุยกันแล้วว่าเค้าจะช่วยนาศเรื่องกล้วยไม้ นาศก็บอกเค้าว่าจะมาหาป้า ถ้าเขาสะดวกมาที่บ้านป้าก็ดี เค้าก็ว่า ต้องมาธุระแถวนี้อยู่แล้วนะค่ะ งั้นนาศขอโทษละกันที่ไม่ได้บอกป้าก่อน คิดว่านาศจะมาถึงก่อนเค้า นึกว่าเค้าจะมาตอนห้าโมงนะค่ะ" นพนาศอธิบายยืดยาว หล่อนพอจะเข้าใจความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย ถ้าวิธีเทสต์คนของป้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ป้าก็คงไม่ผิดที่จะรู้สึกเช่นนั้น แต่หล่อนก็คิดว่า บอสคงเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ได้ใส่ใจ ในเมื่อคนๆ นึงใส่ใจ อีกคนไม่ มันก็ผิดใจกันอย่างนี้

บอส sms กลับมาว่า "ผมหิวออกไปหาอะไรกินเดี๋ยวกลับไปครับ"

นพนาศเริ่มสงสัย แต่ก็ยังเบาใจเพราะเขาจะกลับมาอีก หลังจากฟังป้าเป้ระบายความรู้สึก ความทุ่มเท ใช้ "ใจ" ทุ่มช่วยเหลือบอส แล้วรู้สึกน้อยใจ ต่างๆ นาๆ หล่อนก็เริ่มรู้ตัวว่าต้องทำตัวเป็นคนกลางคอยห้ามศึก แล้วหล่อนก็เดินออกไปนอกบ้านตอนที่มือถือดังขึ้น

"บอสอยู่ไหนแล้ว"

"ล้างรถอยู่"

"ไหนว่าหิวไปหาอะไรกินไง"

"ก็กินก๋วยเตี๋ยวเป็ดที่ป้าเคยพาไปกินแล้วก็มาล้างรถ"

"ป้าเค้าก็น้อยใจเรื่องข้าวหลาม..." แล้วนพนาศก็ฉายซ้ำคำพูดของป้าเป้

"นี่ตกลงจะเป็น ข้าวหลามน้อยฆ่าลูกมั้ยเนี่ย" บอสยังมีอารมณ์ขัน พลอยทำให้นพนาศหัวเราะไปด้วย

"แล้วไปล้างรถที่ไหนล่ะ เอารถไปล้างให้ด้วยสิ" นพนาศเริ่มมีความคิดเจ้าเล่ห์ปิ๊งขึ้นมา

"ได้ เดี๋ยวบอสกลับไปนะ"

"กลับมาแล้วก็ไปง้อป้าเค้าซะหน่อยนะ เค้าก็น้อยใจเพราะรักบอสแหละ เราเด็กกว่าก็เข้าไปหาเค้า ไม่เป็นไรหรอกนะ"

"ครับ"

วางสาย นพนาศเดินเข้าบ้านป้าเป้ เล่าให้ป้าเป้ฟังเกี่ยวกับบทสนทนาระหว่างหล่อนกับบอส หล่อนใจชื้นขึ้นหน่อยที่ป้าเป้ลดความแรงลงไปบ้าง

"เค้าซื้อข้าวหลามให้ป้าจริงๆ นะ แต่แช่ไว้ในตู้เย็น เค้าเลยคิดว่ามันคงไม่อร่อยแล้วเลยไม่อยากเอามาให้ ป้าลองคิดดู ถ้าวันที่เค้าไปเยี่ยมคุณตาแล้วเค้าไม่ได้ซื้อ เมื่อคืนเค้าก็ต้องขับไปเมืองชลวิ่งเอายาไปให้คุณตา เพิ่งกลับมาเมื่อตอนเที่ยงนี่เอง เขาก็ซื้อมาให้ป้าใหม่ก็ได้"

"มันไม่มีข้าวหลามในตู้เย็นหรอก ถ้ามีมันก็ต้องเอามาแล้ว"

"แล้วป้ารู้ได้ไงว่ามันไม่มี ป้าไม่ได้บินไปที่บ้านแล้วเปิดตู้เย็นเค้าดูนะ"

"บอสอาจเป็นคนที่หลอกนาศอย่างที่พี่อู๊ดบอกก็ได้นะ" คราวนี้ป้าก้มหน้าพูดด้วยเสียงต่ำ

นพนาศมองแล้วก็เงียบไป

สักพัก บอสก็กลับมา คุยกับป้าอย่างที่นพนาศแนะ เสียงป้าอ่อนลงนิด แล้วป้าก็ขึ้นไปหยิบของข้างบนบ้าน เป็นสิบนาทีก็ยังไม่ลงมา

นพนาศยื่นกุญแจให้บอส

"ไม่ไปด้วยกันเหรอ"

"เหรอ อะ ไปก็ไป" นพนาศงงๆ แล้วก็โทรไปบอกป้าว่าออกไปล้างรถเดี๋ยวกลับมา

นี่เป็นครั้งแรกที่นพนาศและบอสได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองในที่จำกัด ร่างกายหล่อนมีปฏิกิริยา จังหวะหัวใจเต้นเร็วขึ้นกว่าปกติ...

ไม่มีความคิดเห็น: