วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

หรือว่าเป็นคู่...ชีวิต (26)

นพนาศเพิ่งรู้ว่ามีทางไปกลับกรุงเทพ-ชลบุรีที่ไม่ใช่เส้นบางนากับมอเตอร์เวย์...

บอสพาหล่อนลัดเลาะไปตามทางคดเคี้ยว ใช่ว่าถนนจะเรียบแต่ก็ไม่ได้ขรุขระจนคนขับกระเด็นกระดอนขึ้นลงตามระลอกภูเขาดินเตี้ยๆ เป็นหย่อมๆ ไม่มีรถหรือสิ่งมีชีวิตใดๆ ตลอดสองข้างทาง เรียกได้ว่าเป็นโลกส่วนตัวอย่างที่สุด หากเกิดอะไรขึ้น กว่าจะมีคนพบศพ ไม่รู้ว่าจะยังชี้ตัวว่าเป็นใครได้รึเปล่า ความสงบมาพร้อมกับความวังเวง นพนาศนึกถึงวันที่หล่อนไปทำบุญ 7 วัดในวันมาฆบูชาที่ผ่านมา น้องเจนพาหล่อนไปที่วัดชนะสงคราม พบแม่ชีที่ใครๆ ว่ากันว่าท่านบรรลุเป็นอรหันต์แล้ว หน้าตาของแม่ชีเสงี่ยมดูสงบ งามตามวัยร่วม 80 ของท่าน บรรยากาศของเรือนแม่ชี ร่มรื่น ลมพัดเย็นสบาย...บรรยากาศที่นพนาศเรียกว่า 'สงบ"

แต่บรรยากาศในวันนี้ แม้จะยังไม่พลบค่ำ แต่แสงอาทิตย์เหมือนหลบอยู่หลังม่านเมฆตลอดเวลา มีลมโชยมาเป็นระยะ นพนาศเลือกเปิดกระจกหน้าต่างให้อากาศบริสุทธิ์เข้ามาภายในตัวรถ หล่อนรู้สึกได้เองว่าบอสพยายามขับรถให้เรียบร้อย ให้หล่อนตามทัน ครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่นพนาศขับรถตามหลังรถบอส แต่อะไรบางอย่างก็บอกนพนาศเสร็จสรรพว่า นี่ไม่ใช่สไตล์การขับรถโดยปกติของบอส ถ้าทางข้างหน้ามี 4 เลน เขาคงวิ่งซ้าย แฉลบขวา ปาดหน้า พุ่งเป็นจรวด แต่นี่ เหมือนเขามีใครที่ต้องดูแล

นพนาศรู้สึกได้ถึงความอึดอัดจากการขับรถเรียบร้อยนั้น เหมือนหล่อนจะเข้าใจว่านกที่บินเดี่ยวอย่างนกอินทรี แต่ต้องคอยดูนกอีกตัวตลอดเวลา มันผิดธรรมชาติของมันอย่างที่สุด แม้แต่ในตอนนั้น นพนาศก็รู้ว่า นี่เป็นการฝืนตัวตนของบอส แต่การที่จะมีความสัมพันธ์กับใครสักคน คนทั้งสองต้องลด จำกัดความเป็นตัวของตัวเองลง ไม่เช่นนั้นแล้ว ไม่มีทางที่คนจะคิดหรือทำอะไรเหมือนกัน ตัวเราเองบางครั้งยังทะเลาะและเปลี่ยนใจจนไม่รู้ว่าอนาคตอันใกล้จะเป็นอย่างไร

นพนาศขับรถไปก็ให้นึกขำ หล่อนเพิ่งได้อ่านหนังสือการ์ตูนที่มีตัวละครอยู่สามตัว หัวไฟ ถั่วงอก และบุบบิบ นอกจากที่หล่อนจะทึ่งที่หนังสือขายหมดเกลี้ยงในงานมหกรรมหนังสือ ภายในเวลาเพียง 4 วัน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ให้บริษัทรับจัดจำหน่ายหนังสือดูแลเรื่องการวางแผงตามร้านต่างๆ เล่มที่หล่อนขอยืมมาจากน้องบิว น้องสาวคนเล็กของบอส เป็นฉบับที่พิมพ์ครั้งที่ 4 นพนาศยังได้ปรัชญาแฝงมาตั้งแต่ตอนแรกที่อ่านหนังสือการ์ตูนเล่มนี้

ตอนแรกเริ่มต้นด้วยถั่วงอกที่ลืมตาขึ้นมาก็อยู่ในกองขยะ เขาพบหัวไฟที่ผ่านมาพร้อมกับบุบบิบหมาคู่ใจ ถั่วงอกขอเดินทางไปกับหัวไฟด้วย แต่จะไปได้นั้นต้องตอบคำถามของหัวไฟให้ได้ซะก่อน

"อะไรที่เราไว้ใจได้มากที่สุด"

"ปืน ตัวเอง หรือบุบบิบ"

ถั่วงอกคิดอยู่ครู่นึง แล้วก็โชคดีที่ตอบได้ตรงใจหัวไฟ ซึ่งก็คือ บุบบิบ

เมื่อตอบถูก หัวไฟก็ยอมให้ถั่วงอกร่วมคณะไปด้วย แต่ไปในฐานะ "ลิ่วล้อของบุบบิบ"

นพนาศได้ข้อคิดสองข้อจากเรื่องนี้ หนึ่งก็คือ คนเราจะมีค่าก็เพียงได้ทำหน้าที่อะไรสักอย่างนึง แค่เป็นหน้าที่เล็กน้อยอะไรสักอย่าง หน้าที่ๆ ดูจะไม่มีความสำคัญใดๆ แต่เพียงแค่นั้นก็ทำให้คนเรานับถือตัวเอง ไม่เป็นขยะของสังคม ส่วนข้อสองก็คือ เหตุที่ทำให้นพนาศขำนั่นปะไร อะไรที่เราไว้ใจได้มากที่สุด หมามันยังไว้ใจได้มากกว่าตัวเราเอง ถ้ามันจะนั่งรอเจ้านายมันที่หน้าประตูทุกเย็น มันก็จะทำอยู่เช่นนั้นทุกวัน ไม่กินข้าวกินปลา เมื่อนายไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว มันก็ตรอมใจจนตาย

แม้นพนาศจะไม่เคยมีหมาที่ซื่อสัตย์ปานนั้น แต่หล่อนก็เคยเลี้ยงหมาที่มันรักหล่อนอย่างที่สุด แต่เข้ากับคนอื่นไม่ได้เลย เที่ยวไล่กัดคนที่เดินผ่านไปมาจนโดนยาเบื่อตาย แต่ก่อนหน้าที่มันจะตาย มันได้สร้างความทรงจำที่ตราตรึงใจนพนาศอยู่ไม่รู้ลืม แม้มันจะต้องเสี่ยงตาย โดนหมาเจ้าถิ่นรุมทึ้ง มันก็ยังตามจักรยานของนพนาศไปอย่างไม่ลดละ จนนพนาศเองนั่นแหละที่ต้องเป็นคนเปลี่ยนใจ จำกัดอิสระของตนเอง เพราะมีหมาที่รักหล่อนอย่างที่สุดตามมาด้วย หล่อนยอมลดความเป็นตัวเองลงเพื่อความปลอดภัยของมัน เพราะความรักที่มันมีให้กับนพนาศ

ถ้าจะลองคิดดูอีกแบบ บอสจะลดความเป็นตัวเองเพราะความรักที่คนบางคนมีให้ ในลักษณะเดียวกับที่นพนาศเคยได้รับจากเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ตัวนั้นหรือไม่

นพนาศไม่ได้มีเวลาคิดเรื่อยเปื่อยนานนัก แล้วหล่อนก็เข้าเมืองตามท้ายรถของบอสโดยไม่รู้ตัว บอสขับนำนพนาศไปจนถึงออฟฟิศโรงงาน นั่นก็ควรจะเป็นเวลาที่ทั้งสองจากกันวันนั้น

"นาศจะนอนที่บ้านหรือที่ออฟฟิศ แต่ที่ออฟฟิศไม่มีน้ำร้อนนะ" บอสพูดขึ้นมาอย่างเร่งรีบ

นพนาศออกจะงงๆ กับคำถาม หล่อนจึงตอบคล้ายไม่มั่นใจว่า "นาศอายพ่อบอสอะค่ะ"

"งั้นเดี๋ยวบอสขับตามไปนะ" บอสสรุปเอาเองเสร็จสรรพว่าจะไปค้างที่บ้านนพนาศ โดยที่หล่อนไม่มีโอกาสได้ออกความเห็นใดๆ

เกือบสองเดือนจากนั้น เตียงของนพนาศก็ไม่ได้รับน้ำหนักของหล่อนคนเดียวอีกแล้ว เว้นเพียงแต่วันที่บอสต้องไปหาแม่และป้าๆ ที่เมืองชล

นั่นคือสิ่งที่นพนาศรับรู้และอยากจะเข้าใจ หลายๆ สิ่งที่ก่อตัวเป็นความระแวงค่อยๆ ตามมา ทับถม ก่อความสงสัย จนนพนาศไม่รู้ว่า หล่อนควรจะเชื่อลางสังหรณ์ตัวเอง คำทำนายของบรรดาหมอดู หรือประคับประคองความสัมพันธ์ให้ดีที่สุดจนถึงวันจากลา...ไม่ว่ามันจะเป็นการลาเป็นหรือลาตาย!

ไม่มีความคิดเห็น: