วันพุธที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2553

ชื่อยาวไป ขอเอาไปใส่ไว้ในเนื้อความละกัน

“เลือกคบกับผู้ชายคน ไหน ก็คือการยอมให้กรรมของผู้ชายคนนั้นเข้ามาเกื้อกูลหรือรบกวนวิถีชีวิตของเรา เขาจะมีส่วนทำให้กรรมทางความคิด คำพูด และการกระทำต่าง ๆ ของเราเปลี่ยนแปลงไปไม่มากก็น้อย” ดังตฤณ/ธรรมะใกล้มือ

แหม เห็น update status ประโยคนี้แล้วอดไม่ได้ เข้ากันได้ดีกับเรื่องเมื่อวานที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ...

1 I rarely make up and dress up. Well, I do when go to luxurious parties so and so.

หลายคนบอกว่าฉันจะเนี้ยบทุกกระเบียด ไม่ว่าบุคลิกท่าทาง การนั่ง การยืนการเดิน (เอ่อ อันนี้ไม่ได้คิดเอง อาจารย์สอนด้านบุคลิกภาพคอมเมนต์ให้ฟัง เพราะฉะนั้นหมดข้อกังขาเรื่องหลงตัวเอง) เวลาอยู่บ้านฉันไม่ทำอะไรเลย ไม่แต่งหน้า ไม่อาบน้ำแปรงฟัน(เอ่อ ก็ยอมรับอะนะ ว่าออกจะซกมกพอควร) ไม่ทาครีม แต่แปลก ยิ่งอยู่บ้านนานๆ ผิวยิ่งดีเพราะไม่มีสิ่งสกปรกหมักหมม ไขมันตามธรรมชาติหลั่งออกมาเลี้ยงผิวหน้า รูขุมขนบริเวณข้างจมูกที่เคยเห็นได้ชัดก็พลันเล็กลง คนข้างๆ บอกว่าผิวดี (คล้ายโฆษณาครีมในทีวี แสดงว่าคนคิดก๊อปปี้คิดได้ตรงกับที่คนอย่างฉันรู้สึกว่าคุ้มค่าถ้าซื้อครีมแล้วได้คำชมจากแฟน)

ส่วนเวลาออกนอกบ้านไปซื้อของ ซื้อกับข้าว จิปาถะ หรือไปร้านประจำที่รู้สึกสบายแต่งอะไรก็ได้ ฉันก็ไม่แต่งหน้าและแต่งตัวน้อยลง แต่ถ้าไปงานอย่างแฟชั่นโชว์ Chanel ที่สยามพารากอน ฉันก็หยิบเสื้อสีม่วงเปิดไหล่มาใส่ให้เข้ากับกระเป๋า Chanel สีม่วงเพื่อเอาใจเจ้าภาพ (และหวังว่าพี่จะเห็น แหม กระเป๋าใบนี้ไม่ธรรมดานะ ฉันได้รับเป็นมรดกตกทอดจากญาติผู้ใหญ่ที่จากไปแล้วเชียวนะ)

และท้ายที่สุด การที่มีแฟนที่เจอนางแบบดาราทั้งก่อนแต่งหน้าและหลังแต่งหน้ามาแทบจะชั่วชีวิตการทำงานเป็นโปรดิวเซอร์และงานด้านโฆษณาในตำแหน่งอื่นๆ รวมทั้งเปิดผับที่เหล่าดารา นักร้อง และเซเลบที่ชอบเพลงฝรั่งแบบคุณภาพ เอาเป็นว่าอยู่ในวงการมายาแบบเต็มตัวนั่นแหละ เป็นผลให้เห็นความเป็นจริงของรูปร่างหน้าตาผู้หญิง ครั้งที่สองที่ฉันเจอเขา เขาจึงบอกว่าแต่งอะไรสบายๆ นะ นั่นก็แปลว่าฉันก็ทำแบบเขาเหมือนกัน แต่ไม่วาย ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นโชว์ของดีที่ฉันมี อันว่าคือบั้นท้ายทอร์นาโดกับขาขาวเพรียวสูง จำไม่ได้ว่าแต่งหน้ารึเปล่า แต่เอาเป็นว่า ฉันมีทั้งเวอร์ชั่นที่ให้ช่างมาแต่งหน้าทำผมให้(ตอนที่สัมภาษณ์ลงหนังสือ) แต่งเอง(ไปงานต่างๆ แบบไม่ต้องเริดอันดับหนึ่ง) แต่งตามอารมณ์พอเป็นพิธีและท้ายที่สุดแค่ใส่เสื้อกางเกงหวีผมหรือรวบสักนิดก็ก้าวเท้าออกจากห้อง

อ่านแล้วสรุปเอาเองละกันว่าฉันเปลี่ยนไปรึเปล่า ฉันเองยังไม่อยากจะสรุปเลย โอเค ถึงเวลาพบกับข้อต่อไปหลังฉันกินข้าวเย็นฝีมือคนข้างๆ แล้วกัน ^-^

อะ มาต่อข้อที่สอง
2 I wear a pony tail (cos I am changing my hairstyle and it is in the ugly phrase)

คนอื่นจะรู้หรือไม่ฉันไม่รู้ แต่ฉันไม่สามารถเซ็ทผมสั้นที่ฉันไว้ได้สักเท่าไหร่ และเมื่อยาวมันก็ออกจะโทรมๆ ผสมกับการที่รวบผมและไม่แต่งหน้า มันก็เลยดูเปลี่ยนไป คล้ายกับว่าการมีแฟนคือสาเหตุของความเปลี่ยนแปลง

3 I don't visit my favourite pub that often

อันนี้ก็เนื่องมาจากฉันอยู่ในช่วงซึมเศร้าและเริ่มมีความคิดแตกแยกกับคนที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่รู้ว่าฉันเป็นสารประกอบใดแต่เมื่อต้องอยู่ตรงกลางระหว่างน้ำกับน้ำมัน การที่ฉันมีแฟนเป็นน้ำมันก็ทำให้เข้ากับน้ำไม่ได้โดยปริยาย แม้น้ำมันจะได้พยายามโอบกอดน้ำไว้แล้ว แต่น้ำก็สะบัดสะบิ้งตามประสาน้ำในมหาสมุทรยามมีมรสุม สารประกอบโนเนมอย่างฉันจึงเลือกอยู่อย่างสงบด้วยทางเลือกจำกัดบังคับอยู่บางส่วน แล้วน้ำก็ฝักใฝ่ในที่เที่ยวที่ฉันไม่ประสงค์ไปเยี่ยมเยือน อีกทั้งฉันมีกิจวัตรใหม่ทุกวันศุกร์ต้องไปดูผลผลิตของน้ำมันแสดงดนตรีสด กว่าจะเข้าไปเสนอหน้าที่ร้านประจำก็ตีหนึ่งกว่าๆ ไม่แค่นั้น งานการที่เคยต้องอาศัยผับประจำเป็นสถานที่ทำงาน ปรึกษาหารือ บางงานก็มีอันพับจบไป บางงานก็สามารถติดต่อในเวลาอื่น สถานที่อื่น ประจวบกับเป็นช่วงสัปดาห์หนังสือ พี่แสนดีคนหนึ่งก็แนะว่าดีแล้วที่ไม่ได้ไปที่ประจำ จะได้ไม่ต้องฟังเรื่องรกหู ทุกเรื่องมันเลยเป็นปัจจัยเสริมให้ไม่ได้ไปบ่อยๆ อย่างเคย

4 I made several major decisions abruptly without any notice even to myself!

ช่วงนี้เป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ เรื่อง งานที่ฉันทำต้องอาศัยสายป่านยาวมากกกกก แค่วิตามินเอ็มที่ได้รับจากบุพการีที่แสนจะเข้าใจก็มากแล้ว ฉันเองยังจับจ่ายสิ้นเปลือง กล้าเสี่ยงกล้าลอง คนเกี่ยวข้องที่ไม่ได้เป็นอย่างฉันย่อมลำบากใจ ฉันบอกกับเจ้าของวิตามินเอ็มตามตรงว่า ถ้าฉันไม่สามารถลงทุนได้ในอัตราส่วนเท่าเดิม ฉันคงไม่สะดวกใจที่จะทำงานแบบเดิมต่อ พอๆ กับที่ถ้ายังจะรักษาอุดมการณ์เดิมก็จะทำให้ผู้จ่ายวิตามินเครียดจนเกินควร ไม่แค่นั้น สุขภาพของฉันที่ผีเข้าผีออก เป็นๆ หายๆ ย่อมกระทบโดยตรงต่อการทำงานที่ต้องทำร่วมกับคนอื่น ความรู้สึกผิดของฉันย่อมจะตอกย้ำให้ฉันไม่สบายใจเพิ่มขึ้นไปอีก ในเมื่อฉันก็วางทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็ได้แต่รอดอกผลที่จะได้รับซึ่งก็ไม่คาดหวังเสียเลยจะดีกว่า คิดเสียว่าได้ทำงานที่สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคม เป็นงานที่ฉันภูมิใจ สร้างความสุขจากความเหนื่อยในทุกเม็ดงานที่ฉันได้ทำได้เรียนรู้ได้เกี่ยวข้อง

เมื่อประตูปิด หน้าต่างก็เปิด มีคนเห็นแววฉันในหลายๆ เรื่อง งานอิสระที่ไม่กระทบใครถ้าคิดจะอยู่คนเดียวเป็นเดือนๆ แค่หาข้าวกิน จ่ายค่าน้ำไฟโทรศัพท์ก็พอ ในเมื่อมันมีความเป็นไปได้ ก็ดีกว่าจะรอวิตามินเอ็มอย่างเดียว สิ่งที่เคยทำเคยสะสมมาก็ออกจะเป็นคุณกับตัวฉันเอง และงานเดิมที่ฉันทำ งานประชาสัมพันธ์และงานโฆษณาทำได้หลายวิธี สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่องานเดิม เป็นประโยชน์ต่องานใหม่และตัวของฉันในระยะยาวย่อมต้องมีและฉันก็คงจะได้ทำต่อไป เพราะประโยชน์ที่ว่าก็จะตกไปสู่ผู้อ่าน ผู้ฟัง ผู้รับรู้จากสื่อในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะอย่างไร ฉันก็จะยังเป็นคนที่มีคุณค่าของสังคมอยู่ดี เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบวิธีการเท่านั้น

5 Many feasibility studies are not possible when further explore some important factors

งานที่น่าสนใจผ่านเข้ามา แต่อย่างที่เขียนในภาษาอังกฤษมันมีความเป็นไปได้ต่ำ ไม่ควรทำ หรือมีข้อจำกัดไม่คุ้มเสี่ยง งานเหล่านั้นก็พับไป งานที่ฉันเคยคิดว่า น้ำกับน้ำมันจะทำด้วยกันได้ ก็เป็นอันจบ ทั้งๆ ที่สิ่งมีประโยชน์ทั้งสองน่าจะใช้ความต่างมาร่วมกันสร้างให้เกิดประโยชน์เกิดงานที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผล นี่ยังเป็นแค่เรื่องงาน เรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวก็จะได้พูดในหัวข้อที่กล่าวถึง

6 I have overestimated myself

สมญานาม Miss Anything จากน้ำอาจจะเป็นการกล่าวตามความเป็นจริงที่ฉันเมื่ออยู่ในสภาพพร้อมก็ทำมันได้สารพัดอย่าง แต่พอช่วงตกต่ำฉันก็ไม่ทำอะไรมันเลยทั้งนั้น งานทุกงานต้องมีคนรับช่วงไปทำต่อ คนที่จะเป็นแขนเป็นขาก็หาที่ทั้งดี เข้ากันได้ และไว้ใจได้...ฉันก็ยังหาไม่เจอ สรุป ไม่สามารถจัดการปัญหาได้อย่างเหมาะสม

7 Due to several factors, I myself make decisions without consulting anyone. (which is my usual style)

คนมองจากข้างสนามเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงเดียวกัน ก็ถือเอาว่าเรื่องที่เปลี่ยนทั้งหมดมีเหตุผลต่อกัน เป็นปัจจัยเชื่อมโยงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับอีกสิ่ง คนที่ว่าก็ไม่รู้อีกเหมือนเดิมว่าฉันตัดสินใจทุกเรื่องด้วยตัวฉันเองมาแต่อ้อนแต่ออก แม่เคยคล้ายจะน้อยใจที่ฉันไม่บอกแม่ก่อนที่จะลาออกจากแบงค์ชาติ ฉันออกจากงานที่ทำกับญาติที่มันมีปัจจัยหลายอย่างขัดแย้งกับอุดมการณ์และความเป็นฉันอย่างแรง ปัญหาที่ฉันพบเจอไม่สามารถบอกคนอื่นได้ คนรอบตัวไม่เข้าใจฉันอย่างที่ฉันเป็น แต่แล้วในที่สุดเวลาก็ทำให้คนรอบข้างเข้าใจ เมื่อเข้าใจก็ไปกระทบกับอีกคนอย่างชัดเจน เนื่องด้วยพ่อฉันคงไม่ได้มาอ่านบล็อกนี้แน่นอน การที่ทุกคนเข้าข้างฉันแล้วและถ้าพ่อยังยืนกรานที่จะเห็นฉันเป็นสูญญากาศเช่นเดิม มันจะทำให้แม่ฉันว่าพ่ออีก ฉันเลยเลือกจะไม่ทำอะไรให้แม่ว่าพ่อได้ แล้วฉันก็บอกตัวเองว่าฉันเข้าใจเขาอย่างที่เขาเป็น เขาแค่มีโอกาสแสดงความเป็นศิลปินของเขากับฉันคนที่เขารักที่สุดเท่านั้นเอง แล้วฉันก็อยู่กับมันได้อย่างสงบ

8 Many rumors about me are from my close friends. Anyway, they are still my friends but I might not be for some. And one of them said the topic of this article.

ฉันวิเคราะห์มา 7 ข้อแล้ว ฉันว่าฉันคงได้ใช้เหตุผลพอกับการพิจารณาว่าสิ่งที่ได้รับฟังเป็นจริงหรือไม่ กับคนที่สำคัญและมีวุฒิภาวะพอที่จะรับฟังและยินดีที่จะเชื่อคำพูดของฉัน ฉันก็เขียนอธิบายอย่างยืดยาวให้เขาฟัง ส่วนคนที่อารมณ์พาไปไหนแล้วโน่น ฉันก็เงียบๆ รอเวลา ส่วนคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าฉันแต่ไม่ได้พูดกับฉันโดยตรงว่าเข้าใจผิด ฉันก็ไม่ได้พูดอะไร ถามอะไรก็ตอบอย่างนั้น ไม่ได้ไปให้เห็นหน้าเพราะดูหนังดูซีรีส์เกาหลีอยู่บ้าน แล้วก็ทำตัวตามปกติ ส่วนใครจะคิดว่าไม่ปกติก็ปล่อยเขาไป ฉันไม่สามารถไปอธิบายคนทุกคนในโลกได้ ก็ต้องยอมรับว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆ คิดซะส่วนใหญ่...แม้กระทั่งคนข้างๆ ที่ค่อยๆ รู้จักค่อยๆ เข้าใจฉันทีละนิด เขาคนที่ใส่ใจถามเช็คสอบว่าเข้าใจถูกต้องในหลายๆ เรื่อง ในแบบที่ไม่มีใครสนใจและใส่ใจมาก่อน

9 Many conflicts lately and I still don't know whether what I do is the best way to handle these issues.

บางคนฉันก็เงียบ บางคนฉันก็ตกใจแล้วก็เงียบ บางคนฉันก็อธิบายด้วยภาษาเขียนที่ฉันน่าจะสื่อแล้วไม่เข้าใจผิด บางคนฉันก็ไม่รู้ว่าเขาไม่พอใจ บางคนฉันก็เข้าใจว่าเขาเข้าใจแต่จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เข้าใจหรอก หรือกระทั่งบางคนที่ไม่รู้ว่าฉันไม่พอใจแต่ฉันก็ให้อภัยเขา ความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ไม่มีสูตรตายตัว คนที่มีความสัมพันธ์กับคนหนึ่งดีไม่ได้แปลว่าเขาจะมีสัมพันธ์กับคนที่มีพื้นหลังคล้ายกับคนแรก คนที่พยายามที่จะมีความสัมพันธ์กับใคร มีเจตนาดีไม่เคยปรารถนาร้ายอาจไม่สามารถสื่อด้วยวิธีต่างๆ ให้อีกคนเข้าใจว่าเขาปรารถนาดีอย่างจริงใจแม้จะต้องใช้เวลาชั่วชีวิต บางกรณีอาจต้องปล่อยให้คู่กรณีตายไป แล้วเมื่อได้มองย้อนกลับได้มีเวลาพินิจพิจารณา ได้รู้ว่าการขาดเป็นอย่างไร ก็อาจจะเปลี่ยนความคิด หรือไม่ก็เข้าใจผิดไปจนตาย

10 And I finally have a nice boyfriend (till now no one knows what tomorrow will bring)

ฉันเลิกฝันเพ้อไปนานแล้ว ฉันเคยไร้ความรู้สึก ฉันเคยคิดแม้กระทั่งว่าตัวเองตายด้าน ใครต่อใครที่ผ่านเข้ามามีทั้งฉันทำให้เขาผิดหวังและเขาทำให้ฉันเจ็บช้ำ ฉันเลิกกลัวว่าจะเจอกับอะไรอีกแล้ว เพราะฉันได้เคยเจอสิ่งที่ฉันไม่อยากเจอมาหมดแล้วมั้ง ฉันเลยอยู่แบบวันต่อวัน วันนี้ดีก็เป็นเรื่องของวันนี้ วันพรุ่งนี้ก็เป็นเรื่องของอีกวันไม่เกี่ยวกับความเป็นไปของวันนี้และเมื่อวาน แล้วฉันก็ดูจะมีความสุขดี เพราะไม่หวังอะไรที่ดีเลยเป็นเรื่องที่ทำให้ฉันรู้สึกดี รับรู้ถึงคุณค่าของสิ่งที่ได้รับ และหากเกิดเรื่องไม่ดี มันก็เป็นเรื่องที่ฉันเจอะเจอมาแล้ว มันจะแย่ไปได้สักแค่ไหนกัน

ในที่สุด ฉันก็มีคนที่ถือกระเป๋าสตางค์ให้ฉัน จูงฉันข้ามถนน เลือกยืนอยู่ข้างที่จะโดนรถชนก่อนแล้วผลักให้ฉันไปอยู่ข้างหลังหรืออีกข้าง คนที่คอยดูแลว่าฉันกินข้าวรึยัง ทำอาหารถูกปากฉันรึเปล่า ฉันจะอึดอัดหรือกลัวค่าไฟเพิ่มก็ไม่เปิดแอร์ อาศัยอาบน้ำบ่อยๆ เอา แต่พออาบบ่อยๆ ฉันก็บอกว่าค่าน้ำเพิ่มเท่าตัว เขาก็เอาไปเป็นธุระ แต่ก็ขอน้อยใจว่าเวลาฉันออกไปข้างนอกกินข้าวทีก็แพงกว่าค่าไฟทั้งเดือนอีก

มีคนคอยเข็นรถเข็นไปซื้อของด้วยกัน ช่วยฉันหิ้วของและอาจจะหิ้วทุกอย่างให้ฉันเดินมือเปล่าแบบสบายนำหน้าไปไกล อีกทั้งความเอื้ออารีจนผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่าฉันเลือกผู้ชายถูกแล้ว สวนกับกระแสหลักที่ว่าฉันกำลังโดนหลอกโดนคุณไสยอย่างจัง

วันนี้กับพรุ่งนี้ไม่เหมือนกัน อย่าไปหวังให้พรุ่งนี้เหมือนวันนี้ แต่ถ้าวันนี้เป็นวันดีๆ ยังไงวันดีๆ ก็ยังคงอยู่และเราก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตที่สวยงามได้...ใช่มั้ยเธอ

ไม่มีความคิดเห็น: