วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2552

ว่าจะไม่แล้วนา

พี่คนที่หนึ่ง: คืนนี้...ไป...กันมั้ยคะ พี่นัด...ไว้ค่ะ
ฉัน: เอ่อ...ไม่อะค่ะ พี่ ...กะว่าจะไม่ไปแล้วอะค่ะ
พี่คนที่หนึ่ง: ได้ค่ะ ก็ดีค่ะ

พี่คนที่สอง: ... ไป...กันมั้ย วันนี้ ...และ...จาก...จะไปด้วยนะ
ฉัน: (ตาลุกวาว) จริงเหรอคะ เนี่ยบอกพี่...ไปแล้วนะว่าจะไม่ไปอะ พี่นี่รู้จุด...จริงๆ เลย อะ ไปก็ไป

เดินเข้าร้าน เจอพี่...ที่เจอครั้งสุดท้ายเมื่อวันตรุษจีน เค้าว่ากันว่า ปฏิกิริยาแรกคือตัวตนของคนๆ นั้น... เขายิ้มเห็นฟันปากกว้าง ทั้งๆ ที่อายุเลยเลข 5 มาหลายปี

ทำไงละวะ ตรู ไม่ได้เตรียมตัวมาเจอ เป็นผู้หญิงวิ่งเข้าห้องน้ำไม่แปลก จัดการทุกสิ่งอันเสร็จสิ้น เดินออกมา พี่แก ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่มุมโน่น

เออ! ค่อยยังชั่ว มีเวลาให้เตรียมใจอีกนิด

บางครั้งคนที่มีความรู้สึกดีๆ กับเรา อยู่มาวันหนึ่งก็รู้ว่า เราไม่ได้มีความรู้สึกเดียวกับเขา ความผิดหวังคงต้องการเวลาให้ปรับใจปรับตัว ฉันเองเข้าใจและยินดีจะมีความรู้สึกดีๆ ในอีกระดับหนึ่ง แต่คนอื่นที่ฉันบังคับไม่ได้ เขาจะเป็นผู้ใหญ่สมอายุและเลือกรูปแบบความสัมพันธ์ดีๆ แบบอื่นรึไม่ ฉันไม่รู้

แล้วเวลาก็บ่งบอก

พี่...เลิกคุยกับฉันคนเดียวแล้ว เขาคุยกับคนอื่นๆ ในร้านนอกจากฉันและเพื่อนสมัยเรียน ตอนนี้ เขาทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ ไม่อึดอัดที่ว่าต้องคุยกับเขาเพราะถ้าฉันไม่คุยเขาก็ไม่คุยกับคนอื่น คราวนี้ฉันเลือกได้ว่าจะเป็นตัวเอกหรือตัวประกอบ โล่งใจจัง

เรายังคงคุยกันเรื่องเดิมๆ เรื่องดวง ดาวอะไรย้ายมาเจออะไร ทับอะไร เล็งอะไร ไปตามเรื่อง ฉันน่ะ เป็นพวกคิดเข้าข้างตัวเองอย่างแรง ถ้าดาวบอกว่าดี เออ ถูกแล้ว ถ้าดวงบอกว่าไม่ดี ฉันไม่เชื่อ คนเรานี่แหละเป็นผู้กำหนด

พี่...ยังคงบ่นเรื่องภรรยาเช่นเดิม ฉันก็ยังยืนยันเช่นเดิมว่า ภรรยาพี่ฉลาด ได้สามีดี ดวงเป็นเกษตรอย่างนี้ ยังไงพี่ก็หนีเขาไม่พ้น นี่ดวงย้ายแล้ว เรื่องทุกข์อะไรที่เคยแบกไว้ก็จะลดลงไปครึ่งนึง

เห็นมั้ยล่ะว่า อะไรดีฉันก็พูดเป็นตุเป็นตะ คนถึงชอบให้ฉันผูกดวง เดา พูดมั่วๆ ไปเรื่อย

พี่...ไม่วายบ่นเหมือนเดิม "ถ้าอะไรที่ไม่ได้ มันไม่ดีมาตั้ง 17 ปีแล้วล่ะ หลังจากแต่งงาน 3 ปี มันก็แย่มาตลอด"

ฉันก็ตอบกลับทันควัน "อ้าวพี่ อย่าไปยึดติดกับอดีตสิ ดาวย้ายแล้ว คราวนี้คงได้ดีกันแหละ พี่ชวนเค้าไปดูงานด้วยสิ แทนที่จะไปคนเดียว"

แล้วฉันก็เอามุขเดิมมาฉายซ้ำใหม่ "พี่ เราต้องเป็นเหมือนปลาโลมาสิ ไม่ว่าคลื่นจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง มันก็สนุก ไม่เดือดร้อนอะไร"

"อย่ามาพูดเรื่องปลานะ รู้ได้ไงว่าปลาโลมามันมีความสุข"

ไอ้ฉันก็ลืมไปว่าพี่แกเป็นผู้เชี่ยวชาญ และเพิ่งจะเซ็งกับการที่ปลายักษ์ใหญ่ตายไปเกิน 80% คิดเป็นเงินหลายล้านอยู่

อีกคนเดินเข้ามา ตามคำชวนกึ่งส่วนตัวกึ่งงาน ไม่ได้เดินเข้ามาเลยหรอกนะ เดินขึ้นบันไดมา แล้วสะดุดหยุดกึกตรงนั้นแหละ บุหรี่ที่สูบอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะหมดมวนซักที

ไม่กล้าเดินเข้ามาเป็นแน่แท้

ให้ฉันต้องเดือดร้อนในฐานะคนชวน เดินไปหาพาเข้ามาในร้าน

"ทำไมคนเยอะอย่างนี้ล่ะ"

แล้วฉันจะตอบยังไงล่ะ แขกนึกจะมาก็มา ตอนชวนก็ไม่ได้เยอะอย่างนี้ ก็เขาทยอยๆ กันมาอะ

ใจดีสู้เสือ เอาวะ นั่นคงเป็นสิ่งที่เขาคิด ตามความคาดเดาของฉัน

น่าแปลกที่คนที่เข้าสังคมอยู่ในระดับดี เกิดจะพูดอะไรไม่ออก นั่งเงียบ ไม่ร่วมวงสนทนาใดๆ ถามว่าจะดื่มอะไรก็ไม่ดื่ม แล้วก็จากไปโดยมิได้อำลา

ว่าจะไม่ห่วงแล้วนา แต่ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ ในฐานะคนชวน ส่งข้อความไปหลายข้อความ โทรไปไม่รับสาย คนไม่ชอบตื้ออย่างฉัน เมื่อไม่รับครั้งเดียวก็หยุด

แต่ความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจที่มีแต่เก่าก่อน หายไปเป็นปลิดทิ้ง ความรู้สึกของคนเรามันก็อย่างนี้ละน้า พอตามแล้วหนี พอหนีแล้วกลับตาม

แล้วถ้าต่างคนต่างหนี มันจะเด้งกลับมาชนกันมั้ยหนอ...

เดี๋ยวคืนนี้ก็รู้!

ไม่มีความคิดเห็น: