วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2552

เพราะคุณ...

เรื่องราวต่างๆ ในชีวิตของฉันมักจะมาแวะเวียนตอนฉันตื่นนอน...

วันนี้ดูจะมีมากมิติกว่าวันอื่นๆ...

คนใกล้ชิดชอบบอกว่าคนอย่างฉันต้องอยู่คนเดียว ใครเลิกจากฉันไปโชคดี ใครทนอยู่กับฉันเขาซวย

ฉันแย่ขนาดนั้นจริงๆ เหรอ ฉันไม่น่าเข้าใกล้ขนาดนั้นเลยเนี่ยนะ

สงสัยจะจริง ฉันสังเกตสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา พูดแบบให้รีบจบธุระจะได้วางสาย หรือไม่ก็สายที่ฉันโทรไปบ่นว่าทำไมไม่ทำตามที่พูด

ฉันผิดมากนักเหรอที่คาดหวังว่าคนจะทำตามที่รับปากไว้ คนในโลกปัจจุบันเขาไม่ทำตามที่รับปากกันเหรอ แล้วฉันเป็นมนุษย์ประหลาดอยู่คนเดียวรึไง ฉันก็มีที่ไม่ทำตามที่รับปากเหมือนกันนิหว่า หรือว่ามาตรฐานที่ฉันตัดสินตัวเองกับตัดสินคนอื่นมันไม่ใช่มาตรฐานเดียวกัน สรุปว่าฉันเป็นคน double standard แบบที่คนในวงการเมืองชอบใช้

แล้วก็ให้นึกถึงหนังสือที่คล้ายจะหยิบเอาเศษเสี้ยวประวัติของมูราคามิมาใส่ไว้ เพื่อให้คนอ่านผลงานของเขาได้รับรู้ตัวตนจริงๆ ไม่ใช่ผ่านเรื่องปั้นน้ำเป็นตัวที่เขาพูดว่าเป็นเหมือนชีวิตประจำวัน น้อยครั้งนักที่เขาจะพูดความจริง

It is not painful to be alone.

ได้ยินมาว่ากวีเอกผู้นี้ค่อนข้างจะสันโดษ มีภรรยาเป็นทั้งเพื่อนและคู่ชีวิต อันที่จริงมันก็เป็นลักษณะนิสัยของนักเขียน ผู้ที่นำความจริงมาตีแผ่ในสถานการณ์จำลอง ถ้าคิดเหมือนคนอื่นไม่มีเอกลักษณ์ หนังสือคงขายไม่ได้ แต่เอกลักษณ์ที่เป็นข้อเด่นในทางหนึ่ง ก็เป็นข้อจำกัดที่ทำให้โดดเดี่ยว

แต่ท่าทางเขาคงจะไม่เดียวดาย...

บ้างก็ว่าฉันไม่ยืดหยุ่น บ้างก็ว่าทำไมต้องพยายามขนาดนี้

ถ้าฉันจะบอกตรงนี้ว่า คนที่พูดถูกคือคนที่มีความเห็นอย่างหลังล่ะ จะมีคนเชื่อฉันมั้ย

เผอิญตั้งแต่ฉันจำความได้ มีอยู่คนเดียวที่พูดประโยคนี้

เช้าวันนี้ ฉันบอกกับตัวเองว่า ฉันจะเลิกยืดหยุ่น...แล้ว เพราะไม่ว่าฉันจะยืดหยุ่นจนหย่อนยานขนาดไหน คนทั่วไปก็ยังมองว่าฉันไม่ยืดหยุ่นอยู่ดี ฉันจะอยู่ในโลกส่วนตัวที่แม้จะมีเพียงคนน้อยนิดที่เข้าใจฉัน ฉันจะไม่ดิ้นรน ปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับคนอื่นๆ ได้...แล้ว

ฉันจะได้อยู่อย่างมีจุดยืนซะที

ฉันจัดวางตัวเองไว้เรียบร้อยในหลายความสัมพันธ์ กะจะประกาศตัวให้เป็นเรื่องเป็นราว ตามประสาคนเปิดเผย กำลังจะทำให้เป็นมากกว่าความคิดแล้วล่ะ

แล้วสิ่งดีๆ ก็เข้ามาในชีวิต

โทรศัพท์สายแรกดังขึ้น หยุดดัง ฉันโทรกลับ ว่าที่ลูกค้าโทรเข้ามาสอบถามจะสั่งหนังสือ เจตนาจะยืนยันจำนวนเงินที่ต้องโอน ฉันยังอยู่บนเตียง ไม่มีเครื่องคิดเลข ก็บอกไปตามตรงตามประสา (แค่เรื่องเครื่องคิดเลขนะ) จะจัดส่งให้เมื่อได้รับหลักฐานการโอนเงิน

ฉันอาจนับเวลาพลาด แต่ไม่น่าเกิน 10 นาที หมายเลขเดิมโทรเข้ามาแจ้งว่าโอนเงินและส่งหลักฐานเข้ามาทางอีเมลแล้ว หนังสือจะถึงปลายทางเมื่อไหร่ ฉันก็บอกไปตามตรงอีกแหละว่าคงประมาณวันจันทร์หรืออังคาร แต่น้ำเสียงปลายสายบ่งบอกว่า ใจอยากให้หนังสือลอยมาถึงเลย

เธอสั่งหนังสือคราวเดียว 3 เล่ม สามเล่มในชีวิตที่ฉันแปล (แพร์ซโพลิส 1 และ 2 บวกเล่มล่าสุด เย็บถากปากร้าย) ติดใจคนเขียน มาร์จอเน่ ซาทราพิ หรือคนแปลไม่รู้ (ขอคิดเข้าข้างตัวเองนิดนึง)

นั่นเป็นที่มาของแรงที่ดันให้ฉันลุกขึ้นจากเตียง เดินออกจากประตูห้องนอนเข้าห้องทำงาน ดีมั้ยเธอ ไม่ต้องเสียเวลาแม้แต่แปรงฟัน

เปิดคอมเช็คเมล์ได้คำตอบเรื่องหนังสือเล่มใหม่ที่จะเสร็จส่งคลังพรุ่งนี้ และรับเมลจากลูกค้าผู้แสนดี นำแสงสว่างมาสู่ชีวิตของฉัน ในยามที่คล้ายจะหาคนเข้าใจไม่เจอ ฉันตอบอีเมลด้วยใจ แนะให้ลองอ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับหนังสือทั้งสามเล่มจากเว็บและบล้อกไปก่อน

ลงชื่อ ณัฐพัดชา

แทนที่จะเป็น กำมะหยี่หรือชื่อในโลกแห่งความเป็นจริง

แล้วสายถัดไปก็เรียกเข้ามา

...ผมสนใจหนังสือ เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงันครับ จะขอรูปเอาไปลงวารสารทางการแพทย์ กำลังจะปิดเล่มแล้ว ในเว็บบอกว่าให้โทรมาขอไฟล์ปกความละเอียดสูงได้ และผมอยู่ตรงข้ามโรงพิมพ์อยากจะได้หนังสือไปเป็นของขวัญวันรับปริญญาของเพื่อนวันพรุ่งนี้...

ดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ ไม่ได้ขอแต่หลั่งมาในยามที่ต้องการพอดิบพอดี

โทรถามโรงพิมพ์ทันที พอจะเป็นไปได้มั้ย มีสื่อโทรเข้ามาจะปิดเล่มหนังสือและอยากจะให้เป็นของขวัญวันรับปริญญาเพื่อน โรงพิมพ์ก็ต้องอึดอัดใจ ที่รับปากไว้ก็จวนเจียนอยู่แล้ว แต่เมื่อรับปากว่าพรุ่งนี้ ก็คือพรุ่งนี้

โอ ถ้าต้องติดต่อประสานงานกับคนที่ทำตามคำพูด จะมีสุขใดเหมือน

ฉันเตรียมห่อหนังสือส่งให้ลูกค้าที่โอนเงินมาให้ตั้งแต่ต้นอาทิตย์ และคนที่อยากให้หนังสือเป็นของขวัญวันจบการศึกษาหากคนให้ไม่เปลี่ยนใจเสียก่อน

ว่าแล้วก็เปิด facebook ตะโกนก้องว่า ...is happy with real nice clients.

เปิดไปดูบทสนทนาเก่าๆ ใน windows live messenger แล้วฉันก็แน่ใจว่า ฉันเป็นคน "ยืดหยุ่น" แต่ไม่ "หย่อนยาน" ส่วนถ้าใครจะสับสนกับคำจำกัดความระหว่างสองคำนี้ ก็

ช่างแม่ง!!

ไม่มีความคิดเห็น: